ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 624 สุภาพบุรุษผู้เสแสร้ง ตอนที่ 1
ตอนที่ 624 สุภาพบุรุษผู้เสแสร้ง ตอนที่ 1
ถ้าหลินเฟิงไม่เล่าเรื่องพวกนี้ล่ะก็เย่เชียนก็ไม่รู้เลยว่าตระกูลอิงะจะมีทรงพลังมากถึงขนาดนี้ ซึ่งเย่เชียนนั้นชื่นชมองค์กรเซเว่นคิลอย่างจริงใจและนอกจากนี้เย่เชียนก็ต้องยอมรับความสามารถทั้งพลังและการสืบข้อมูลขององค์กรเซเว่นคิลจากใจจริง อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ระหว่างองค์กรเซเว่นคิลกับตระกูลอิงะผลออกมาเป็นชนะบ้างเสมอบ้างนั่นก็เพียงพอแล้วที่แสดงให้เห็นว่าตระกูลอิงะแข็งแกร่งเพียงใด
เย่เชียนนั้นก็สามารถเห็นได้ว่าสิ่งที่หลินเฟิงพูดนั้นไม่ได้โกหกและมันเป็นความจริงอย่างยิ่ง ซึ่งถึงแม้ว่านินจาจะไม่เก่งเท่ากับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณของจีนก็ตามแต่ประวัติศาสตร์ของนินจานั้นยาวนานมากและวิชาของนินจาก็ไม่สามารถมองข้ามได้ ยิ่งไปกว่านั้นนินจายังสามารถทำสิ่งต่างๆเพื่อให้ภารกิจสำเร็จและไม่สนวิธีการอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีส่วนร่วมในการรวบรวมข่าวกรองและการลอบสังหารดังนั้นเย่เชียนก็เชื่อว่านินจาจำนวนมากยังมีตัวตนอยู่และใช้ชีวิตดั่งคนธรรมดาเป็นฉากบังหน้าอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคนขับแท็กซี่ก็อาจจะเป็นนินจาของตระกูลอิงะก็เป็นได้ ซึ่งนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ความสยองขวัญของตระกูลอิงะ
บริษัทยานยนต์โตโยต้านั้นเป็นหนึ่งใน 500 บริษัทชั้นนำของโลกและนี่เป็นเพียงแค่อุตสาหกรรมภายใต้ตระกูลอิงะดังนั้นมันต้องมีองค์กรและบริษัทอีกมากมายที่เรายังไม่รู้จักอีกใช่ไหม? ซึ่งหมายความว่าตระกูลอิงะเองก็มีความกระตือรือร้นในการทำธุรกิจเช่นกันไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหนตระกูลอิงะก็ไม่ใช่ตระกูลที่เรียบง่ายและไม่ง่ายเลยที่จะรับมือเลย
สิ่งที่ทำให้เย่เชียนกังวลยิ่งกว่าคือเขายังไม่รู้ว่าสมาคมมังกรดำนั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลอิงะหรือเปล่าหรือเดิมทีตระกูลอิงะเองก็เป็นหนึ่งในเครือข่ายของสมาคมมังกรดำ ซึ่งหากเป็นกรณีนี้สมาคมมังกรดำจะแข็งแกร่งเพียงใดและมันก็ยากที่จะประเมินได้เลย
ด้วยพลังของเขี้ยวหมาป่าในตอนนี้และถึงแม้ว่าจะองค์กรเซเว่นคิลมาสมทบสนับสนุนก็ตามแต่มันก็ยังไม่เพียงพอต่อการทำลายสมาคมมังกรดำอยู่ดี กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ง่ายนักที่จะควบคุมและเต็มไปด้วยขวากหนามและอันตราย ดังนั้นหากสมาคมมังกรดำต้องการจะจัดการกับเขาจริงๆเย่เชียนก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาจะเผชิญหน้าและต้านทานได้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้สถานการณ์ที่สมาคมมังกรดำโจมตีอย่างเต็มกำลังนั้นมันก็อาจจะทำให้องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าต้องพ่ายแพ้ในประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้ก็เป็นได้
“ไปกันเถอะ” เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วพูด
“บางเรื่องมันไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนในหนึ่งประโยคหรือสองประโยค..เพราะงั้นนายอยากที่จะถามฉันถึงเรื่องต่างๆทั้งวันเลยใช่มั้ย?” หลินเฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูด ซึ่งเขานั้นสามารถเข้าใจอารมณ์ในปัจจุบันของเย่เชียนได้เพราะยิ่งตระกูลอิงะแข็งแกร่งมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเป็นภัยคุกคามต่อเย่เชียนมากเท่านั้น นอกจากนี้การรู้จักศัตรูมันก็เป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่ง เนื่องจากต้องการจัดการกับตระกูลอิงะดังนั้นเขาจึงหวังที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตระกูลอิงะ เมื่อคิดเช่นนั้นหลินเฟิงก็พูดว่า “เพราะฉันเคยติดต่อกับตระกูลอิงะมาหลายครั้งเพราะงั้นฉันจึงจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับพวกเขา..แต่สำหรับตระกูลฟูมะนั้นฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ดูเหมือนว่าจะมีความขัดแย้งระหว่างตระกูลนินจาด้วยกันเองและความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตริก็ไม่ค่อยดีนัก..นายน่าจะเข้าใจนะว่ามันมีตระกูลนินจาที่ยิ่งใหญ่อยู่สามตระกูลด้วยกันเพราะงั้นเหล่าโชกุนจึงเต็มไปด้วยความขัดแย้งและถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตามแต่ความขัดแย้งนั้นก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขและมันก็ยิ่งหยั่งรางลึกลงไปตามกาลเวลา”
“พี่หมายถึงถ้าเราต้องการจัดการกับตระกูลอิงะเราก็ต้องกระตุ้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฟูมะและตระกูลฮัตโตริให้ขัดแย้งกันก่อนน่ะเหรอ” เย่เชียนพูด
“มันก็อาจจะไม่ได้ผลเสมอไปแต่ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ถ้าเราใช้ความคิดและแผนการที่ดีพอ..มันก็เหมือนกับการที่นายไม่ร็ว่าแก๊งยามากุจิ..แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าและแม้แต่องค์กรทหารรับจ้างเรดซันที่มีสมาคมมังกรดำอยู่เบื้องหลังใช่ไหมล่ะ..ในตอนนี้เราไม่ค่อยรู้เรื่องของสมาคมมังกรดำมากนักและอำนาจของพวกนั้นเราก็ยังไม่ชัดเจนและเราก็ไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอิงะกับสองตระกูลนินจาอย่างตระกูลฟูมะและตระกูลฮัตโตริ..อย่างแรกเราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กับสามขั้วอำนาจอย่างแก๊งยามากุจิ..แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าหรือเปล่า..เราต้องค่อยเป็นค่อยไปห้ามรีบร้อน” หลินเฟิงพูดวิเคราะห์สิ่งต่างๆ
เย่เชียนก็ค่อยๆเลื่อนนิ้วโป้งพาดริมฝีปากพร้อมกับขมวดคิ้วและสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “พี่หลินพูดถูกเพราะเรายังรู้สถานการณ์และข้อมูลของคู่ต่อสู้น้อยเกินไปเพราะงั้นเราก็ไม่ควรรีบร้อน..เอาล่ะไปกันเถอะ..เพราะตอนนี้หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่ากำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสมาคมมังกรดำ..นอกจากนี้พี่หลินก็ช่วยรวบรวมข้อมูลล่าสุดขององค์กรเซเว่นคิลให้ผมด้วยนะ”
หลินเฟิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเย่ครับคุณเรียกผิดแล้วเพราะตอนนี้เราอยู่ในสถานะระหว่างเจ้านายและลูกน้องและผมเองก็เป็นเพียงบอดี้การ์ดของคุณ”
เย่เชียนก็จ้องมองหลินเฟิงอย่างหมดหนทางแล้วพูดว่า “นั่นมันสำหรับอยู่ต่อหน้าคนนอกแต่ตอนนี้มีแค่เราสองคนเพราะงั้นเราจะปลอมตัวไปทำไม..เอาเถอะเข้าไปข้างในกันเถอะผมจะแนะนำให้พี่รู้จักพี่สาวของเขี้ยวหมาป่า..วีรสตรีแห่งโลกนักฆ่า”
“ฮ่าๆ..ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเธอมานานแล้ว..สตรีหนึ่งเดียวในเขี้ยวหมาป่าซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสุดยอดนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่..ซากุระ..งิเรกะ..ต่อมาเธอได้เปลี่ยนชื่อเป็นซ่งหลันและรับผิดชอบธุรกิจของเขี้ยวหมาป่าในเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและเป็นสตรีที่ทำให้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในยี่สิบบริษัทชั้นนำของโลกในปัจจุบันนี้” หลินเฟิงยิ้มและพูดว่า “ที่สำคัญกว่านั้นเธอคือพี่สาวคนสนิทของน้องเย่ด้วยใช่มั้ย”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าการรวบรวมข้อมูลขององค์กรเซเว่นคิลจะดีกว่าของเขี้ยวหมาป่ามากเลย” อันที่จริงแล้วก่อนที่เขี้ยวหมาป่าจะรู้เรื่ององค์กรเซเว่นคิลนั้นหลินเฟิงก็รู้เรื่องของเขี้ยวหมาป่ามาก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าแม้แต่รายละเอียดของซ่งหลันพวกเขาก็รู้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งตัวตนที่แท้จริงของซ่งหลันนั้นมีคนรู้จักอยู่เพียงไม่กี่คนและแม้แต่สมาชิกเขี้ยวหมาป่าบางคนก็ยังไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์กรเซเว่นคิลจะมีระบบข่าวกรองที่แม่นยำเช่นนี้ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะปฏิบัติตามกฎเหล็กเจ็ดประการได้อย่างไร “พี่หลินรู้เรื่องเขี้ยวหมาป่าของผมเยอะจริงๆ..โชคดีที่พี่หลินไม่ใช่ศัตรูของผมไม่งั้นผมคงจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมจะตายยังไง”
“ทุกองค์กรต่างก็มีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งและองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ากับองค์กรเซเว่นคิลก็เป็นสององค์กรที่แตกต่างกันและมีจุดแข็งและจุดอ่อนไม่เหมือนกัน..แต่ฉันน่ะคิดว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะต้องรู้เรื่องของสมาคมมังกรดำและเขาต้องมีรายละเอียดเชิงลึกอย่างแน่นอน” หลินเฟิงพูด
เย่เชียนนั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเฟิงถึงคิดเช่นนuhแต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็ต้องยอมรับว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นก็เชี่ยวชาญด้านหน่วยข่าวกรองเช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในมณฑลเหอหนานเพราะการเคลื่อนไหวของหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ดูเหมือนจะนำหน้าเย่เชียนเสมอ ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่างสติปัญญาของหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นดีกว่าเย่เชียนเพราะมีรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับองค์กรใต้ดินมากกว่าเขี้ยวหมาป่าเสียอีก ที่สำคัญเย่เชียนนั้นเชื่อมาเสมอว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยเป็นพี่ชายที่เก่งที่สุดในเขี้ยวหมาป่าและเขาก็สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างที่คนธรรมดาทำไม่ได้
“แน่นอนผมเองก็หวังว่าไป๋ฮวยจะช่วยผมได้..แต่ผมรู้จักนิสัยของเขาดีและยิ่งไปกว่านั้นยังปัญหาในใจของเขาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข..อันที่จริงผมเองก็คิดว่าเขาอาจจะมาช่วยผมก็ได้” เย่เชียนถอนหายใจเบาๆแล้วพูด
หลินเฟิงนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยและมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจเพราะเขาไม่เข้าใจว่าเย่เชียนหมายถึงอะไร ซึ่งหลินเฟิงนั้นยังเคยได้ยินเรื่องราวความบาดหมางระหว่างเย่เชียนและหมาป่าผีไป๋ฮวยอีกด้วย นอกจากนี้เขายังเห็นว่าเย่เชียนและหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นไม่ได้เป็นเพียงศัตรูแต่บางครั้งมันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างลึกซึ้งกว่านั้น อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะสิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือพยายามหลีกเลี่ยงวันที่เย่เชียนและหมาป่าผีไป๋ฮวยห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาควบคุมได้แต่เขาก็ต้องปล่อยไปตามโชคชะตา
“ว่าแต่พี่หลินติดต่อไป๋ฮวยไปหรือยัง..เขาว่ายังไงบ้าง” เย่เชียนเหลือบมองไปที่หลินเฟิงและพูด
“เมื่อคืนฉันโทรไปหาเขาแต่เขาไม่รับสายฉัน..เพราะงั้นคืนนี้ฉันจะลองโทรไปหาเขาอีกครั้ง..ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” หลินเฟิงพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะเราเข้าไปกันเถอะ” หลังจากพูดจบเขาก็เดินเข้าไปในที่สำนักงานใหญ่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและหลินเฟิงก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ที่ประตูสำนักงานนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนก็หยุดเขาเอาไว้แต่หลังจากเห็นการปรากฏตัวของเย่เชียนแล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองก็รีบก้าวออกไปและพูดด้วยความเคารพว่า “สวัสดีครับประธานเย่!” พวกเขาทั้งหมดเป็นบุคลากรของบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดและพวกเขาเหล่านี้ก็เคยประจำการอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีนดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาทั้งหมดจึงรู้จักเย่เชียน
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ชายหนุ่มที่ชื่อฟูมะคาเอดะที่ถือช่อดอกไม้มาด้วยน่ะเขาไปไหนแล้ว?”
“เขาไปที่ห้องทำงานของคุณซ่งหลันครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบเพราะไม่มีใครโง่ที่สังเกตเห็นเรื่องแบบนี้และไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าซ่งหลันนั้นมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเย่เชียน ดังนั้นเมื่อมีผู้ชายมาหาซ่งหลันพร้อมกับดอกไม้เช่นนี้พวกเขาจึงเข้าใจทัศนคติและความคิดของเย่เชียนโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นเพียง รปภ. ถึงแม้ว่าผลประโยชน์จะสูงมากแต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ได้เพราะท้ายที่สุดนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นและตราบใดที่ไม่มีใครคุกคามความปลอดภัยของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “พวกคุณทำงานกันไปเถอะครับ..ผมจะขึ้นไปเองได้..ว่าแต่ออฟฟิศของซ่งหลันอยู่ที่ชั้นไหน?”
“ชั้นที่ยี่สิบแปดครับ..เดินตรงไปจนห้องสุดท้ายของทางเดิน” เจ้าหน้าที่ทั้งสองตอบแทบจะพร้อมกัน
.
.
.
.
.
.
.