ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 666 ประชดประชัน
ตอนที่ 666 ประชดประชัน
เย่เชียนนั้นไม่ได้สงสัยในตัวของไป๋ฮวยเลยเพราะคนอย่างหมาป่าผีไป๋ฮวยไม่คิดที่จะช่วยเย่เชียนเขาก็คงจะไม่มา เช่นเดียวกันกับที่ไป๋ฮวยพูดว่าเขาต้องการที่จะกำจัดสมาคมมังกรดำเหมือนกันดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะเล่นแผนซ้อนแผนแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดทั้งมวลเย่เชียนก็แค่อยากรู้ว่าไป๋ฮวยนั้นต้องการที่จะเข้ามาสร้างกองกำลังของเขาในประเทศญี่ปุ่นหรือไม่เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อยากจะถอนตัวเพราะมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ามิตรภาพระหว่างเขากับไป๋ฮวย
แน่นอนว่าอารมณ์ของไป๋ฮวยนั้นทำให้เย่เชียนรู้สึกหดหู่เล็กน้อยเพราะไป๋ฮวยมักจะพูดตรงๆจนเย่เชียนไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากนัก
ไป๋ฮวยนั้นไม่คิดที่จะบอกเย่เชียนเพราะถ้าหากเขาบอกสิ่งต่างๆกับเย่เชียนล่ะก็ความพยายามของเขาเป็นเวลาหลายปีก็จะสูญเปล่า อย่างไรก็ตามไป๋ฮวยก็อดไม่ได้ที่จะช่วยเย่เชียนและเขี้ยวหมาป่า ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะมีข้อแก้ตัวที่ดีโดยบอกว่าเขาจะทำลายองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าด้วยมือของเขาเองและคนอื่นๆห้ามแตะต้องเขี้ยวหมาป่านอกจากเขา แต่หลังจากผ่านมาสักพักเย่เชียนก็สังเกตเห็นความแปลกประหลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นไป๋ฮวยจึงคิดว่าสิ่งต่างๆมันคงถึงวาระแล้ว
ในตอนนี้ไป๋ฮวยก็รักชีวิตของเขามากกว่าเดิมเพราะเขานึกถึงหวังยู่เพราะถ้าหากเขาตายไปหวังยู่จะเป็นอย่างไร? สำหรับไป๋ฮวยผู้ซึ่งไม่เคยเข้าไปพัวพันกับเรื่องของคนอื่นมาก่อนเขาจึงยังคงลังเลอยู่และบางทีอาจไม่มีใครสามารถเข้าใจความเจ็บปวดของไป๋ฮวยได้ แต่ไป๋ฮวยนั้นเป็นคนที่ทุกคนควรค่าแก่การชื่นชมอย่างแท้จริง
คำพูดของหลินเฟิงได้ขัดจังหวะการโต้เถียงของเย่เชียนกับไป๋ฮวยจนทั้งคู่ปิดปากและไม่พูดอะไรอีก ซึ่งเย่เชียนก็ขมขื่นเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเขาต้องการแก้ไขปมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไป๋ฮวยโดยเร็ว เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าการร่วมมือกันเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถบรรลุผลได้และสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือหวังว่ากาลเวลาจะสามารถเปลี่ยนไป๋ฮวยได้นั่นเอง
“ในตอนนี้การประชุมภายในของแก๊งฝูชิงก็สิ้นสุดลงแล้วและพวกสายลับที่แฝงตัวในแก๊งยกเว้นโย่วซวนก็ถูกกำจัดเรียบร้อยแล้ว..เพราะงั้นฉันก็คิดว่ามันคงถึงเวลาที่เราต้องลงมือแล้วใช่ไหม?” หลินเฟิงถามเพื่อเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา สำหรับหลินเฟิงแล้วเขาไม่สามารถรอได้หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับหลินฟานผู้ที่อาจจะเป็นน้องชายแท้ๆของเขา ซึ่งหลินเฟิงก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาควรจะรีบดำเนินการสิ่งต่างๆในประเทศญี่ปุ่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วเขาก็จะรีบกลับประเทศจีนเพราะในที่สุดเขาก็ได้ข่าวของหลินฟานแล้วเพราะงั้นเขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไปอีก
“พี่ไป๋ล่ะ?..พี่คิดว่าไง” เย่เชียนเอ่ยปากถามอย่างรวดเร็วเพราะเขาต้องการลบล้างความอับอายก่อนหน้านี้ดังนั้นเขาจึงต้องการพูดอะไรบางอย่างที่เป็นประเด็นอื่น อย่างไรก็ตามไป๋ฮวยก็ยังคงประชดประชันว่า “ฉันจะไปพูดอะไรได้?..ก็คราวนี้นายเป็นตัวเอกของงานไม่ใช่เหรอ..หลินเฟิงกับฉันก็ทำได้แค่สนับสนุนนายก็เท่านั้น..สิ่งต่างๆมันก็ขึ้นอยู่กับนาย”
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทน ซึ่งหลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ผมคิดว่าเราควรจะรอก่อนเพราะในตอนนี้กำลังเสริมของเราบางส่วนยังมาไม่ถึง..แต่ตราบใดที่พวกเขามาถึงล่ะก็พวกเราก็สามารถดำเนินการได้”
“นายกำลังพูดถึงหมาป่าเขี้ยวพิษหลิวเทียนเฉินหรือเปล่า?” หลินเฟิงถาม “การทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซันนั้นบางทีเราอาจไม่ต้องการหมาป่าเขี้ยวพิษหลินเทียนเฉินก็ได้เพราะพวกทหารรับจ้างเรดซันนั้นเป็นเพียงคนธรรมดาและไม่สามารถใช้พิษได้เหมือนพวกนินจาอิงะด้วย”
เย่เชียนนั้นเข้าใจถึงความคิดของหลินเฟิงได้อย่างแน่นอน แต่องค์กรทหารรับจ้างเรดซันนั้นเป็นหนึ่งในเครือข่ายของสมาคมมังกรดำและเนื่องจากโย่วซวนเป็นสายลับของสมาคมมังกรดำเช่นนี้เย่เชียนก็เชื่อว่าสมาคมมังกรดำคงจะไหวตัวทัน ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนเริ่มโจมตีองค์กรทหารรับจ้างเรดซันล่ะก็สมาคมมังกรดำจะต้องตั้งรับและป้องกันอย่างแน่นอน ซึ่งถึงแม้ว่าสมาคมมังกรดำจะยังรอแผนปฏิบัติการของโย่วซวนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกวาดล้างกองกำลังที่มารุกรานประเทศญี่ปุ่นก็ตามแต่เย่เชียนก็เชื่อว่ามาตรการป้องกันในปัจจุบันต้องเข้มงวดกว่าเมื่อก่อนมาก ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าสมาคมมังกรดำจะระดมกำลังของเหล่านินจาอิงะเพื่อเสริมกำลังในการตั้งรับก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงคิดว่าหมาป่าเขี้ยวพิษหลิวเทียนเฉินจึงเหมาะสมสำหรับการกวาดล้างองค์กรที่มีสมาชิกจำนวนมากทั้งองค์กรด้วยยาพิษได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในความเป็นจริงเย่เชียนก็กังวลเกี่ยวกับเหล่านินจาอิงะเช่นกันเพราะท้ายที่สุดแล้วถึงแม้ว่าเย่เชียนจะมีทักษะที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ตามแต่เมื่อเผชิญหน้ากับพิษเหล่านั้นแล้วมันก็เป็นอะไรที่เสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เมื่อเห็นหลินเฟิงเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่คิดที่จะคัดค้านเขาและทำเพียงหันหน้าไปมองไป๋ฮวยเพื่อหวังว่าเขาจะเห็นด้วย แต่ไป๋ฮวยนั้นไม่ได้สนใจและเพิกเฉยไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งเย่เชียนก็ได้แต่มองและเชื่อว่าไป๋ฮวยควรจะเข้าใจความคิดของเขาได้แต่ทว่าไป๋ฮวยกลับเสแสร้งทำเป็นไม่สนใจอะไรใดๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็แอบถอนหายใจอย่างหดหู่
ในกรณีนี้เย่เชียนก็มีเพียงทางเลือกเดียวคือการรอหลิวเทียนเฉินมาถึง หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “เรามาคุยกันถึงแผนขั้นต่อไปกันเถอะ”
“คราวนี้เป็นพวกนีโอมิลิทารี่ที่รับผิดชอบในการโจมตีกองหลักไม่ใช่เหรอ..ฉันคิดว่าเราควรจะหารือกับไอซอลเดแฮมป์ตันด้วย..บางทีเขาอาจจะมีข้อเสนอแนะที่ดีก็ได้” ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะกระวนกระวายเรื่องน้องชายแต่เขาก็ยังรู้ดีว่าเขาควรจะทำตัวอย่างไร
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่..เรื่องนี้เราควรหารือกับไอซอลเดแฮมป์ตันจริงๆ..ผมกลัวว่าถ้าหากเราไม่ทำแบบนั้นเขาอาจจะมองว่าพวกเราปฏิบัติต่อเขาในฐานะคนนอก” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ยกข้อมือขึ้นและมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า “เอาล่ะมันยังไม่ดึกถ้างั้นเราไปหาเขากันเลยดีไหม..พี่ไป๋ก็มาได้นะ”
ไป๋ฮวยนั้นไม่สนใจเย่เชียนเขาเพียงลุกขึ้นยืนและเดินตรงออกไป เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นส่วนหลินเฟิงก็เช่นกันจากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้นและตามไป๋ฮวยไป
ทางด้านของไอซอลเดแฮมป์ตันนั้นก็มีม่อหลงและเซี่ยจือยี่คอยต้อนรับอยู่ที่บ้านพักในเขตของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นที่สนใจของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก ส่วนสมาคมมังกรดำนนั้นเนื่องจากโย่วซวนเป็นสายลับเพราะฉะนั้นก็แน่นอนว่าโย่วซวนจะต้องรู้จักแหล่งที่หลบซ่อนของไอซอลเดแฮมป์ตัน ซึ่งสมาคมมังกรดำนั้นต้องจัดการกับไอซอลเดแฮมป์ตันในไม่ช้าก็เร็ว แต่ทว่าในตอนนี้การเลือกตั้งพรรครัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นก็กำลังจะมาถึงดังนั้นสมาคมมังกรดำจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาใดๆ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรอโย่วซวนเพื่อรับมือกับเย่เชียนและดำเนินการตามแผนเฉพาะของพวกเขาจากนั้นก็โต้กลับเย่เชียนและกองกำลังทั้งหมดที่มารุกรานประเทศญี่ปุ่น
สมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างนีโอมิลิทารี่ก็มาถึงประเทศญี่ปุ่นทีละกลุ่มและไอซอลเดแฮมป์ตันก็ได้รับรายงานจากพวกเขาแล้วเช่นกันจนเย่เชียนรู้สึกโล่งใจเพราะถึงแม้ว่านีโอมิลิทารี่นั้นจะเป็นองค์กรทหารรับจ้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ตามแต่ที่แห่งนี้ก็เป็นประเทศญี่ปุ่นและเป็นเหมือนสนามหลังบ้านขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันดังนั้นไอซอลเดแฮมป์ตันจึงต้องจัดการสิ่งต่างๆอย่างระมัดระวัง ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันนั้นก็คือสมาคมมังกรดำที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
ในครั้งนี้ไอซอลเดแฮมป์ตันก็ต้องเผชิญหน้ากับสมาคมมังกรดำและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รรู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกมันอย่างชัดเจนก็ตามแต่เมื่อพิจารณาจากคำพูดของเย่เชียนแล้วศึกครั้งนี้ที่ถึงกับต้องรวบรวมความร่วมมือจากหลายๆฝ่ายๆหลายๆเชิงกลยุทธ์ที่แท้จริงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ดังนั้นไอซอลเดแฮมป์ตันจึงไม่ต้องการให้ภารกิจล้มเหลวและไม่สามารถสูญเสียพี่น้องไปได้ ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้ไอซอลเดแฮมป์ตันจะไม่ค่อยได้ดูแลสิ่งต่างๆด้วยตนเองก็ตามแต่ท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นทหารมากฝีมือและมีประสบการณ์ผ่านชีวิตและความตายมานับไม่ถ้วนดังนั้นในใจของเขาก็ยังคงเป็นนักรบเลือดเหล็กอยู่วันยังค่ำ
หากไม่มีอะไรผิดพลาดไอซอลเดแฮมป์ตันก็เชื่อว่าเขาจะต้องโค่นล้มองค์กรทหารรับจ้างเรดซันได้เพราะประสิทธิภาพในการรบขององค์กรทหารรับจ้างนีโอมิลิทารี่นั้นแข็งแกร่งกว่าองค์กรทหารรับจ้างเรดซันมาก นอกจากนี้ด้วยการสนับสนุนของเย่เชียนและหลินเฟิงแล้วไอซอลเดแฮมป์ตันก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาจะโค่นล้มและทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซันได้จนไม่มีชื่อเหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกเลย
เพียงแค่ว่าหลังจากที่ทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซันได้แล้วสิ่งที่ไอซอลเดแฮมป์ตันให้ความสำคัญมากที่สุดคือการอพยพคนของนีโอมิลิทารี่ออกจากประเทศญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุดเพราะเมื่อสงครามเริ่มขึ้นมันก็ย่อมดึงดูดความสนใจของรัฐบาลหลายๆประเทศ ดังนั้นในด้านนี้แน่นอนว่าสมาคมมังกรดำมีความได้เปรียบอย่างมากทั้งในแวดวงทหารและการเมืองของประเทศญี่ปุ่นและสามารถใช้อำนาจของรัฐบาลเพื่อปิดกั้นช่องทางการคมนาคมทั้ง 3 แห่งทั้งทางบกและทางน้ำและทางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับหลายๆประเทศแล้วเหล่าสมาชิกของนีโอมิลิทานี่ต่างก็เป็นภัยของรัฐบาลเหล่านั้นและถ้าหากพวกเขาไม่สามารถออกจากประเทศญี่ปุ่นได้โดยเร็วที่สุดพวกเขาก็จะเป็นอันตรายและเสี่ยงอย่างยิ่ง
ถ้าไม่ใช่สำหรับเย่เชียนแล้วไอซอลเดแฮมป์ตันก็คงจะไม่มาที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นแน่ แต่ในเมื่อเย่เชียนขอให้เขามาช่วยจัดการกับองค์กรทหารรับจ้างเรดซันเช่นนี้มันก็ไม่มีเหตุใดๆที่ต้องปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงนำทัพเหล่านีโอมิลิทารี่มาด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าหากเป็นคนอื่นแน่นอนว่าไอซอลเดแฮมป์ตันก็จะไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนี้เขาคงจะนอนโดยให้แขนโอบผู้หญิงสองสามคนอย่างสบายใจไม่ดีกว่าหรือ?
รอบนอกของบ้านพักแห่งนี้มีเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าจำนวนมากที่คอยสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวโดยรอบและคอยรักษาความปลอดภัยของไอซอลเดแฮมป์ตัน ดังนั้นเมื่อไป๋ฮวยมาถึงที่นี่เขาก็รู้สึกได้ว่ามีใครกำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดและมีกลิ่นอายแห่งการนองเลือดอยู่เล็กน้อย จากนั้นไป๋ฮวยก็พูดว่า “เย่เชียน..นี่นายขอกำลังเสริมจากใครบางคนอยู่ใช่ไหม?..นายจำเป็นต้องเชิญคนใหญ่คนโตมาเลยหรอทำไมนายต้องสร้างฉากสงครามที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วยมันจำเป็นเหรอ?..อีกอย่างถ้าเขาปกป้องตัวเองไม่ได้เขาจะมาทำอะไรที่ประเทศญี่ปุ่นกัน..เพราะงั้นบอกให้คนของนายถอนตัวไปซะ..สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ปกป้องเขาเท่านั้นแต่มันจะส่งผลเสียต่อแผนของเราด้วย..นายควรจะชัดเจนนะว่าถ้าหากสมาคมมังกรดำต้องการกำจัดเราจริงๆพวกมันคงจะดำเนินการตั้งนานแล้ว..ยิ่งไปกว่านั้นนายคิดเหรอว่าถ้าหากสมาคมมังกรดำต้องการกำจัดไอซอลเดแฮมป์ตันจริงๆกองกำลังแค่นี้จะต้านทานได้งั้นเหรอ?..ตอนนี้สมาคมมังกรดำกำลังรอข่าวกรองของโย่วซวนอยู่และรอเราเดินออกไปตายถึงหน้าประตูบ้านของพวกมันเอง”
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เย่เชียนรู้ดีแต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์เลวร้ายแล้วเขาจึงต้องทำแบบนี้เพราะท้ายที่สุดแล้วไอซอลเดแฮมป์ตันก็เป็นเพื่อนของเขาและมาที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยความเสี่ยงเพื่อประโยชน์ของเย่เชียนเอง เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ได้..เราเข้าไปกันเถอะ”
.
.
.
.
.
.
.