ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 672 หลอกล่อศัตรู ตอนที่ 1
ตอนที่ 672 หลอกล่อศัตรู ตอนที่ 1
ชิเฟิงนั้นยังต้องยอมรับเลยว่าคำพูดของไป๋ฮวยนั้นสมเหตุสมผลอย่างมาก ซึ่งความสามารถในการโน้มน้าวผู้อื่นของไป๋ฮวยก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน อย่างไรก็ตามชิงเฟิงนั้นติดตามเย่เชียนมาเป็นเวลานานและเขาก็ชัดเจนมากเกี่ยวกับอารมณ์และนิสัยของเย่เชียน ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนรู้ว่าเขาทำเช่นนี้ผลที่ตามมาก็จะร้ายแรงอย่างมาก
“เรื่องแบบนี้ไม่สามารถทำเพียงคนๆเดียวได้เพราะถ้าจะทำให้เรื่องนี้เป็นจุดสนใจล่ะก็เราจำเป็นต้องลอบสังหารผู้นำของตระกูลนินจาหลายคนพร้อมๆกัน..เรื่องนี้เย่เชียนไม่รู้ใช่ไหมเพราะงั้นตราบใดที่นายไม่พูดอะไรมันก็จะไม่มีใครรู้ใช่ไหมล่ะ” ไป๋ฮวยพูด “ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรู้เรื่องนี้แต่นายไม่ต้องกังวลไปเพราะฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง..ฉันจะไม่ทำให้นายต้องมาซวยด้วยหรอก”
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆชิงเฟิงก็พูดว่า “พี่ไป๋เหมือนดูถูกผมนะถ้าพูดแบบนี้..ถึงผมจะเป็นแบบนี้แต่ผมก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน..เพราะงั้นให้ผมมีส่วนรับผิดชอบและโดนบอสลงโทษด้วยเถอะ..ผมยอมตายเพื่อเขี้ยวหมาป่า..ผมจะทำตามที่พี่บอกและในอีกไม่นานรอฟังข่าวดีได้เลย”
“ฉันจะไปกับนายด้วย..ฉันมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพวกตระกูลนินจา..ฉันจะไปอธิบายให้พวกเธอฟังเอง” ไป๋ฮวยพูด “อันที่จริงเดิมทีองค์กรดาร์คลิลลี่เป็นหนึ่งในเครือข่ายของสมาคมมังกรดำเพราะงั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะพวกเธอเป็นชาวญี่ปุ่นโดยกำเนิด..ด้วยเหตุนี้มันก็ไม่น่าจะยากถ้าจะลอบสังหารเหล่าผู้นำของตระกูลนินจาและโยนทุกอย่างให้สมาคมมังกรดำ”
ชิงเฟิงก็พยักหน้าเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน
ไป๋ฮวยพูดต่อ “ถ้าฉันเดาไม่ผิดเย่เชียนจะต้องโทรหานายหลังจากที่พวกนายลอบสังหารเหล่าผู้นำของตระกูลนินจากันแล้ว..เรามาเริ่มกันเถอะ..ถ้ายิ่งเราดำเนินการเร็วเท่าไหร่เราก็จะสามารถทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซันได้เร็วเท่านั้น..ถ้ายิ่งเวลาล่าช้าไปมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งมีผลเสียกับเรามากเท่านั้น..สมาชิกนีโอมิลิทารี่น่ะต่างก็เป็นที่ต้องการตัวของรัฐบาลญี่ปุ่นเพราะงั้นนี่เป็นสิ่งที่สุ่มเสี่ยงมากและห้ามให้สิ่งต่างๆล้มเหลวเพราะความผิดพลาดของพวกเราเอง”
“ใช่!..นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก” ชิงเฟิงพูด “อ้อ..ผมได้ยินมาว่าพี่ไป๋มีแฟนแล้วงั้นหรอ..เป็นยังไงบ้าง?..เธอสวยไหมถ้ามีเวลาว่างๆก็มาแนะนำเธอให้ผมรู้จักหน่อยสิ”
“ความสวยความงามมันสำคัญงั้นหรอ?” ไป๋ฮวยพูด “ฉันไม่เคยสนว่าเธอจะสวยหรือเปล่า..เพียงแค่เธอไม่เคยถามถึงอดีตของฉันหรืออะไรที่เกี่ยวกับฉันเลยและเธอก็คอยสนับสนุนฉันอย่างเงียบๆ..ผู้หญิงแบบนี้หายากกว่าผู้หญิงสวยๆอีก” หลังจากพูดจบ ดวงตาของไป๋ฮวยก็หรี่ลงโดยไม่ตั้งใจและเขามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความเหงา
ชิงเฟิงชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บางครั้งถ้าเราคิดมากเกี่ยวกับสิ่งต่างๆมันก็จะวนเวียนอยู่ในหัวของเรา..ในความเป็นจริงบางครั้งคนที่แข็งแกร่งก็มักจะเจอทางตันเสมอ..โลกใบนี้ไม่ได้สดใสอย่างที่เราคิดหรอกแต่อนาคตก็ไม่ได้สิ้นหวังอย่างที่เราคิดเสมอไป..เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำตามหัวใจและทำในสิ่งที่เราต้องการ “จากนั้นชิงเฟิงก็หันไปมองไป๋ฮวยแล้วพูดต่อ “จริงๆแล้วพี่ไป๋กับบอสเหมือนกันมาก..การที่เราต้องกังวลและเป็นห่วงใครสักคนน่ะแบบนี้มันมีแต่ข้อเสีย”
ไป๋ฮวยก๋หันไปมองชิงเฟิงพร้อมกับสายตาที่ดูประหลาดใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะบางทีไป๋ฮวยอาจจะไม่ได้คาดหวังว่าคนอย่างชิงเฟิงที่โอ้อวดและทำตัววุ่นวายอยู่เสมอจะสามารถพูดเรื่องแบบนี้ได้และดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี
ไป๋ฮวยก็ดูเหมือนจะครุ่นคิดและนึกถึงบางสิ่ง อันที่จริงตั้งแต่ที่เขาได้พบกับหวังยู่แล้วไป๋ฮวยก็เปลี่ยนไปมาก0และความคิดที่ดเด็ดเดี่ยวของเขาก็ค่อยๆสั่นคลอนและเริ่มจางลง ไป๋ฮวยนั้นเคยบอกตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่านี่คือเส้นทางที่เขาควรจะเดินไปและมันเป็นทางเดียวที่เขาสามารถไปได้
เย่เชียนนั้นไม่รู้เลยว่าไป๋ฮวยมาหาชิงเฟิงและตัดสินใจบางอย่างกับชิงเฟิงเป็นการส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเย่เชียนเขาจะไม่มีวันเห็นด้วยเพราะเย่เชียนนั้นยอมรับว่าเหล่านักฆ่าของดาร์คลิลลี่ก็คือพี่น้องของเขี้ยวหมาป่าเช่นกัน
***********************************************************
ณ ตอนนี้สถานการณ์ก็เป็นไปอย่างราบรื่นเพราะในเวลาเพียง 3 วัน เหล่าผู้นำของตระกูลนินจาจำนวนมากก็ถูกลอบสังหาร ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมากในประเทศเกาะและทำให้คนจากตระกูลนินจาโกรธเกรี้ยวจนเกิดสงครามระหว่างตระกูลนินจาฟูมะกับตระกูลนินจาดันโซ ซึ่งผู้นำที่เหลือรอดอยู่ของตระกูลฟูมะต่างก็ทำทุกวิถีทางและสั่งให้คนของตนไปทำการลอบสังหารผู้นำของสมาคมมังกรดำ….
จู่ๆสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นก็ตึงเครียดอย่างมากและทุกฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในอันตรายที่จะกลายเป็นเหยื่อของสงครามครั้งนี้ ซึ่งใครคือคนที่เดือดร้อนที่สุดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้? ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักการเมืองเหล่านั้นที่วุ่นวายกันอย่างมากและต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องประเทศและประชาชน แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เสแสร้งและพวกเขาสวมหน้ากากทำเท่านั้นเพราะพวกเขาต้องการแค่อนาคตทางการเมืองที่ดีและไม่มีใครอยากตกเป็นเหยื่อของสงครามในการแย่งชิงนั่นเอง
เมื่อการต่อสู้และสงครามรุนแรงขึ้นแล้วแน่นอนว่ากองกำลังต่างฝ่ายและองค์กรใต้ดินเหล่านั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆและเหล่านินจาจากตระกูลต่างๆก็เริ่มเปิดเผยการเคลื่อนไหวออกมาทีละน้อย แน่นอนว่าแก๊งยามากุจิ,แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนสมาคมมังกรดำอย่างกระตือรือร้น ซึ่งพวกเขาจะอยู่เฉยๆเพื่อรอความตาย แต่ทว่าพรรครัฐบาลชุดปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่นพวกเขาก็ย่อมมีอำนาจสูงสุดในตอนนี้ดังนั้นพวกเขาจึงสั่งให้กรมตำรวจส่วนกลางเมืองโตเกียวและกรมตำรวจทั่วประเทศดำเนินมาตรการขั้นรุนแรงกับแก๊งใหญ่ทั้งสามขั้วอำนาจ
ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่รู้เลยว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากไป๋ฮวยทำอะไรบางอย่างเพราะเย่เชียนคิดแค่ว่าแผนของเขาประสบความสำเร็จและส่งผลต่อสถานการณ์ล่าสุด ดังนั้นเขาจึงมีความสุขมาก ซึ่งเมื่อสมาคมมังกรดำต้องเผชิญกับการโจมตีฉับพลันเช่นนี้แน่นอนว่าสมาคมมังกรดำก็ต้องสูญเสียและตั้งตัวไม่ทัน ดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าสมาคมมังกรดำคงจะไม่สามารถสนับสนุนองค์กรทหารรับจ้างเรดซันได้เลย
แน่นอนว่าเย่เชียนได้บอกเซี่ยจือยี่ในช่วงเวลานี้และขอให้เธอแอบเตรียมตัวสำหรับเส้นทางถอยทัพและหลบหนี ซึ่งเย่เชียนก็บอกอย่างเคร่งครัดด้วยว่าเรื่องนี้ต้องไม่ให้โย่วซวนรู้โดยเด็ดขาดและเพื่อให้มั่นใจว่าแผนต่างๆจะราบรื่นเธอต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเซี่ยจือยี่จะสับสนแต่เธอก็พยักหน้าและตกลง ในความคิดของเซี่ยจือยี่นั้นถึงเธอจะไม่ได้เคารพโย่วซวนเท่าผู้นำคนอื่นๆก็ตามแต่เธอก็ไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่าเขาเป็นสายลับอยู่ดี อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนพูดเช่นนี้เธอจึงรู้สึกว่าควรปฏิบัติตามเหตุผลของเย่เชียนดังนั้นเธอจึงไม่คัดค้านใดๆ ส่วนม่อหลงแล้วเพื่อให้แน่ใจว่าแผนจะดำเนินไปอย่างราบรื่นม่อหลงจะต้องช่วยเซี่ยจือยี่จัดการในทุกขั้นตอนอีกด้วย
สามวันต่อมาเย่เชียนได้แจ้งเซี่ยตงไป่กับโย่วซวนว่าพวกเขากำลังจะมีการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการกวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ซึ่งสถานที่นัดพบตั้งอยู่ในเขตของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงและเมื่อถึงเวลานัดหมายเย่เชียนกับหลินเฟิงก็ไปรับไอซอลเดแฮมตป์ตัน
ส่วนไป๋ฮวยนั้นเขาเริ่มเคลื่อนไหวในความมืดเพราะนี่อาจเรียกได้ว่าเป็นการประชุมแต่อันที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงแผนการของเย่เชียนที่จะทำให้โย่วซวนไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้และจุดประสงค์หลักของการประชุมก็ไม่ใช่เพื่อหารือเกี่ยวกับการโจมตีองค์กรทหารรับจ้างเรดซันแต่เพื่อหลอกล่อโย่วซวนให้ติดกับและหันเหความสนใจของสมาคมมังกรดำ เพราะถึงแม้ว่าสมาคมมังกรดำในตอนนี้จะกำลังเผชิญกับปัญหาทางการเมืองและตระกูลนินจาอยู่ก็ตามแต่มันก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าสมาคมมังกรดำจะไม่เข้ามาแทรกแซงและสนับสนุนองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน นอกจากนี้การทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซันนั้นจะต้องทำภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวเพราะถ้าหากไม่สำเร็จภายในครั้งเดียวสิ่งต่างๆมันก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น
สถานที่นัดพบตั้งอยู่ในสโมสรภายใต้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิง เมื่อเย่เชียน,หลินเฟงและไอซอลเดแฮมป์ตันมาถึงเซี่ยตงไป่และโย่วซวนก็กำลังรออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาเซี่ยตงไป่ก็รีบลุกขึ้นและทักทาย
หลังจากทักทายกันแล้วเย่เชียนและคนอื่นๆก็เดินไปที่เก้าอี้และนั่งลง
หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็พูดว่า “ทุกคนรู้จุดประสงค์ของการเรียกทุกคนมาประชุมครั้งนี้แล้วใช่ไหม..ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่พูดอะไรมากและเข้าประเด็นกันเลย..สถานการณ์ของประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้ก็วุ่นวายอย่างมาก..เพราะการเผชิญหน้ากับสมาคมมังกรดำมันไปเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองทั้งหมดเพราะงั้นตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเราที่จะจัดการกับพวกองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน..แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมอยากให้พี่ใหญ่ทำ..ผมหวังว่าคุณจะสามารถทำได้”
“น้องเย่บอกฉันมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” เซี่ยตงไป่พูด “ถ้าน้องเย่เกรงใจฉันแสดงว่าน้องเย่ไม่ได้มองฉันในฐานะพี่ชาย”
“ใช่!..คุณเย่..ถึงแม้ว่าแก๊งฝูชิงของเราจะเทียบกับเขี้ยวหมาป่าของคุณไม่ได้แต่พวกเราก็มีลู่ทางและเครือข่ายที่ดีในประเทศญี่ปุ่น..เพราะงั้นตราบใดที่สิ่งต่างๆอยู่ในความสามารถของเราล่ะก็เราก็จะไม่ลังเล” โย่วซวนเห็นด้วย
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงขนาดนั้นหรอกมันเป็นเรื่องของเพื่อนของผมน่ะเพราะสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ก็ตึงเครียดมาก..ผมจึงเชื่อว่ามันจะไม่มีใครสนใจเขาอีกต่อไปเพราะงั้นผมคิดว่าเราควรช่องทางให้เขาออกจากประเทศญี่ปุ่นตอนนี้เลยน่าจะเหมาะสมที่สุด ได้เวลา คืนนี้ จัดการให้เขาออกจากเกาะ มีปัญหาอะไรไหม?”
“ตอนนี้เลยหรือ?” โย่วซวนขมวดคิ้วเพราะตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้วและกว่าการประชุมจะจบลงก็ควรจะอย่างน้อยๆห้าโมงเย็นใช่ไหม? ซึ่งมันค่อนข้างที่จะเร่งรีบไปหน่อยในการหาเรือและอื่นๆในช่วงเวลานี้
“อะไรหรอครับ..มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เย่เชียนพูด “ผมรู้ว่ามันอาจจะเร่งรีบไปหน่อยแต่เราต้องส่งตัวเขาออกไปจากที่นี่เพราะเรายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกหลายอย่าง”
เซี่ยตงไป่ก็พยักหน้าเบาๆแล้วเหลือบมองไปที่โย่วซวนแล้วพูดว่า “คุณซวนคิดว่าไงบ้าง?”
“ถึงแม้ว่าจะเร่งรีบไปสักหน่อยแต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่..คุณไม่ต้องกังวลไปผมรับปากเลยว่าเขาจะได้ขึ้นเรือในคืนนี้และออกจากประเทศญี่ปุ่นไปอย่างปลอดภัย” โย่วซวนพูด
.
.
.
.
.
.
.