ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 674 กวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ตอนที่ 1
ตอนที่ 674 กวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ตอนที่ 1
เมื่อเย่เชียน,หลินเฟิงและไอซอลเดแฮมป์ตันมาประชุมกันไป๋ฮวยก็ได้มาถึงสำนักงานใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันพร้อมกับเหล่าทหารรับจ้างนีโอมิลิทารี่แล้ว ถึงแม้ว่าไอซอลเดแฮมป์ตันจะไม่เชื่อในตัวไป๋ฮวยก็ตามแต่ในเมื่อเย่เชียนยืนกรานเช่นนั้นและเพื่อความสำเร็จของภารกิจนี้ไอซอลเดแฮมป์ตันก็ไม่ได้คัดค้านใดๆเพียงแค่เขาได้แอบบอกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาว่าอย่าเพิ่งเริ่มโจมตีโดยไม่ได้รับคำสั่งจากตัวเขาเองเท่านั้น
สำหรับอาวุธที่ใช้รบจริงนั้นเย่เชียนได้ลักลอบขนอาวุธจำนวนมากจากแก๊งมาเฟียคูลอฟส์มายังประเทศญี่ปุ่นผ่านเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ส่วนทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้านี้นั้นเป็นเพียงการทำให้โย่วซวนสับสนและเสียเวลาไปกับการจัดหาอาวุธนั่นเอง
คราวนี้เหล่าทหารรับจ้างนีโอมิลิทารี่ของไอซอลเดแฮมป์ตันรับผิดชอบในการโจมตีหลักและมีกำลังพลประมาณ 200 คน ส่วนสมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลและเขี้ยวหมาป่าจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการสนับสนุนโดยรวม ซึ่งด้วยกำลังรบประมาณนี้มันเกือบจะเท่ากับจำนวนกำลังรบขององค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เย่เชียนก็เชื่อว่ามันไม่ควรมีปัญหาในการกวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน
หลังจากอธิบายทุกอย่างให้ม่อหลงฟังแล้วเย่เชียน,หลินเฟิงและไอซอลเดแฮมป์ตันก็ขับรถออกไปที่รอบนอกของสำนักงานใหญ่องค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ซึ่งในเวลานี้ชิบะโชโกะผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันก็ได้รับโทรศัพท์จากสมาคมมังกรดำและบอกเธอเกี่ยวกับแผนการที่เย่เชียนจะโจมตีองค์กรทหารรับจ้างเรดซันของเธอในอีกสามวันต่อจากนี้และขอให้เธอเตรียมพร้อมแล้วโต้กลับอย่างเคร่งครัด
สำนักงานใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันนั้นตั้งอยู่ในเขตชานเมืองโตเกียวและภายนอกนั้นอยู่ในรูปแบบของบริษัทรักษาความปลอดภัยแต่จริงๆแล้วมันคือสำนักงานใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ซึ่งเมื่อเย่เชียน,หลินเฟิงและไอซอลเดแฮมป์ตันมาถึงไป๋ฮวยก็เหลือบมองพวกเขาด้านข้างแล้วพูดว่า “ในที่สุดพวกนายก็มาถึงแล้ว..สิ่งต่างๆพร้อมแล้วนะ”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วถามว่า “เป็นไงบ้าง..พวกสมาคมมังกรดำเริ่มมีการเคลื่อนไหวกันหรือยัง”
“ฉันคิดว่าโย่วซวนน่าจะรายงานสิ่งต่างๆให้สมาคมมังกรดแล้ว..เพราะเมื่อสังเกตสถานการณ์โดยรอบแล้วพวกทหารรับจ้างเรดซันกำลังเตรียมรับมือสงครามในอีกสามวันหลังจากนี้อยู่ตามแผนของเรา” ไป๋ฮวยพูด
“สำหรับผลลัพธ์นี้เมื่อพวกมันสับสนวุ่นวายเมื่อไหร่พวกเราก็จะโจมตีในคราวเดียวเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ” เย่เชียนพูด “แล้วมีจุดที่สำคัญกี่จุด”
ไป๋ฮวยได้ยื่นกล้องส่องทางไกลให้กับเย่เชียนแล้วพูดว่า “ตรงนั้นคลังแสง..มันเป็นพื้นที่จัดเก็บอาวุธของพวกมัน..ส่วนตรงนั้นเป็นโรงครัวและฝั่งตรงข้ามคือหอพักของสมาชิกทั้งหมด” ไป๋ฮวยอธิบายจุดยุทธศาสตร์ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันอย่างละเอียดทีละจุด
แน่นอนว่าไป๋ฮวยไม่ได้รวบรวมข้อมูลเพียงแค่เห็นสิ่งเหล่านี้ชั่วคราวเพราะเขาได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างภายในและแผนผังฐานทัพขององค์กรของทหารรับจ้างเรดซันจนเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับแผนที่ภายในอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งก่อนหน้านี้เย่เชียนกับคนอื่นๆก็ประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้กันแล้วดังนั้นมันจึงเป็นประโยชน์อย่างมากที่ไป๋ฮวยอธิบายให้เห็นภาพจริงเพิ่มเติม
เย่เชียนก็หยิบกล้องส่องทางไกลตามคำแนะนำของไป๋ฮวยและหลังจากดูทีละจุดแล้วเย่เชียนก็พยักหน้าแล้วจดจำทุกสิ่งเอาไว้ในใจ หลังจากนั้นเย่เชียนก็วางกล้องส่องทางไกลลงแล้วหันหน้าไปเหลือบมองไอซอลเดแฮมป์ตันแล้วพูดว่า “คุณไอซอลเดคุณบอกให้คนของคุณเตรียมพร้อมเอาไว้นะแล้วรอให้เหล่าเขี้ยวหมาป่ากับนักฆ่าจากเซเว่นคิลจัดการยามเฝ้าระวังรอบนอกก่อนแล้วรอสัญญาณจากพวกเขา..จากนั้นพวกคุณก็เริ่มจู่โจมเต็มกำลังได้ทันที”
“ไม่มีปัญหาวันนี้พวกเราจะรบกันอย่างสมเกียรติเพื่อกวาดล้างพวกทหารรับจ้างเรดซันออกไปจากโลกใบนี้” ไอซอลเดแฮมป์ตันพูด
เย่เชียนก็ยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “มาเถอะ..ชัยชนะนี้ต้องเป็นของพวกเราทุกคน!”
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!” หลินเฟิงวางมือบนหลังมือของเย่เชียนและพูด
“ยินดีที่ได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกนาย” ไอซอลเดแฮมป์ตันก็วางมือแล้วพูด
อย่างไรก็ตามไป๋ฮวยไม่ได้ทำเช่นนั้นด้วยและแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลย ซึ่งเขายังคงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวในสำนักงานใหญ่ทหารรับจ้างเรดซัน เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ไป๋!..มาสิ!”
ไป๋ฮวยก็ผงะไปเล็กน้อยแล้ววางมือซ้อนกัน จากนั้นเย่เชียนก็ตะโกนว่า “ทำลายศัตรูให้สิ้น!” ทุกคนพยักหน้าอย่างหนักแน่นพร้อมๆกันจากนั้นก็ดึงมือกลับ
หลังจากนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองหลินเฟิงแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ..มาเริ่มกันเลยดีกว่า”
หลินเฟิงก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและพูดด้วยความงุนงงว่า “เดี๋ยวก่อนน้องเย่..คราวนี้นายเป็นผู้บัญชาการสูงสุด..นายจะเอาตัวเองไปเสี่ยงได้ยังไง..ขั้นตอนนี้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำก็ได้”
“ใช่!..น้องเย่ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วมันไม่มีผู้บัญชาการคนไหนลงมาฆ่าศัตรูด้วยตัวเองหรอก..นายต้องรับผิดชอบในการวางแผนโดยรวมและอยู่ที่นี่เพื่อสั่งการ” ไอซอลเดแฮมป์ตันก็เห็นด้วยกับหลินเฟิง
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “มาเถอะอย่าพูดแบบนั้นเลยเพราะมันต้องมีทั้งการโจมตีหลักและการโจมตีจากทุกทิศ..ถ้าเราโจมตีจากทุกด้านพร้อมๆกันพวกมันก็จะสับสนวุ่นวาย..พูดสั้นๆเลยว่าเราต้องใช้ทุกอย่างเท่าที่มีเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะกวาดล้างพวกมันได้ทั้งหมดภายในหนึ่งชั่วโมง..ไอซอลเดแฮมป์ตันคุณสั่งการกองหลักหลังจากได้รับสัญญาณจากหลินเฟิงแล้วคุณก็สั่งระดมพลโจมตีทันทีได้เลย..พวกผมจะใช้การระเบิดของคลังแสงเป็นสัญญาณเปิดศึกในครั้งนี้..เพราะงั้นตราบใดที่คุณเห็นคลังแสงลุกเป็นไฟพวกคุณก็เริ่มจู่โจมได้ในทันที” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “จำเอาไว้..อย่าลืมสัญญาณไม่งั้นพี่หลินกับผมซวนแน่”
หลังจากพูดจบโดยไม่ให้เวลาไอซอลเดแฮมป์ตันได้ตอบเย่เชียนก็พยักหน้าให้หลินเฟิงและทั้งสองก็พาสมาชิกบางส่วนแทรกซึมเข้าไปในเขตสำนักงานใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันอย่างเงียบๆทันที ซึ่งไป๋ฮวยนั้นก็รู้ดีถึงนิสัยของเย่เชียนดังนั้นเมื่อเย่เชียนพูดเช่นนี้เขาก็ไม่ได้คัดค้านใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าไป๋ฮวยจะรู้ดีว่าด้านความรู้ทางทหารของเย่เชียนนั้นด้อยกว่าเขาก็ตามแต่เมื่อปฏิบัติจริงเย่เชียนก็ไม่เคยเป็นสองรองใครเช่นเดียวกับการบุกโจมตีในครั้งนี้ที่จะต้องมีทิศทางหลักและรองของการโจมตี ดังนั้นกองกำลังหลักควรมุ่งไปที่ทิศทางการโจมตีหลักและส่วนที่เหลือก็สามารถโจมตีหลอกล่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูก่อนที่กองหลักจะเคลื่อนไหว ซึ่งวิธีนี้หากกองกำลังหลักบุกทะลวงได้สำเร็จศัตรูก็จะพังทลายในคราวเดียว อย่างไรก็ตามมันเป็นรูปแบบของกลยุทธ์ที่วุ่นวายแต่มันก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอ
การรบนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลยุทธ์และถึงแม้ว่ารูปแบบการโจมตีของเย่เชียนจะดูวุ่นวายและยากลำบากแต่มันก็สามารถหลอกศัตรูให้รับมือและต้านทานอย่างผิดพลาดได้และนอกจากนี้การต่อสู้กับองค์กรทหารรับจ้างเรดซันก็เกือบจะเป็นหนึ่งต่อหนึ่งในแง่ของกำลังการรบ ซึ่งสำนักงานใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันนั้นก็เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยกลางเมืองหลวงดังนั้นมันจึงไม่ใช่โครงสร้างแบบฐานทัพที่ยากต่อการทำลายแต่อย่างใด ดังนั้นรูปแบบของการโจมตีเช่นนี้จึงสามารถบุกทะลวงได้ง่าย ดังนั้นในแง่ของกำลังรบแล้วองค์กรทหารรับจ้างเรดซันก็จะไม่สามารถรับมือได้เลย
เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ของหน่วยกรงเล็บหมาป่าไปที่ท่าเรือเพื่อคอยสนับสนุนม่อหลงนั้นจึงทำให้ที่นี่มีสมาชิกหน่วยกรงเล็บหมาป่าไม่มากนักที่อยู่กับเย่เชียน อย่างไรก็ตามที่นี่ก็ยังมีนักฆ่าจากองค์กรเซเว่นคิลอยู่ดังนั้นมันจึงง่ายกว่ามากที่จะทำสิ่งต่างๆเพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพและเชี่ยวชาญในการลอบเร้น ซึ่งพวกเขามีหน้าที่ในการเคลียร์อุปสรรคและยามตรวจตรา ดังนั้นแน่นอนว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรใดๆภายใต้การเคลื่อนไหวของพวกเขา
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้สำนักงานใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันแล้วเย่เชียนกับหลินเฟิงก็หยุดเคลื่อนไหวภายใต้ความมืดมิดและไม่มีใครพบที่อยู่ของพวกเขา ซึ่งทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนที่เคยออกรบและลอบสังหารมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงความมืดมิดเช่นนี้เลย? แต่ทว่ามันเป็นการยากยิ่งกว่าสำหรับเหล่าสมาชิกทหารรับจ้างเรดซันที่จะหาพวกเขาเจอ ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจเพราะคืนนี้ท้องฟ้ามืดมิดมากและไม่มีแม้แต่แสงจากดวงจันทร์ ส่วนหิมะที่ตกลงมาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ได้ละลายไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่มืดมิดอย่างสมบูรณ์
เย่เชียนก็ส่งสัญญาณมือให้ทุกคนหยุด จากนั้นเขาเหลือบมองหลินเฟิงแล้วพูดว่า “พี่หลินคิดว่าข้างหน้ามีเครื่องตรวจจับไหม?”
หลินเฟิงก็พยักหน้าเบาๆและหยิบเครื่องตรวจจับอินฟราเรดออกมาดูแล้วพูดว่า “มีสัญญาณเตือนอินฟราเรดอยู่ข้างหน้า..เราต้องส่งคนไปปิดระบบอินฟราเรด” หลังจากหยุดไปชั่วขณะและหลินเฟิงก็โบกมือและเรียกสมาชิกคนหนึ่งขององค์กรเซเว่นคิลแล้วพูดว่า “สวิตช์ของสัญญาณเตือนอินฟราเรดน่าจะอยู่ที่แถวๆห้องนิรภัย..เพราะงั้นนายดำน้ำผ่านท่อระบายน้ำไปและขึ้นไปปิดสัญญาณเตือนอินฟราเรดที..คิดว่าจะทำได้ไหม?”
สมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแทรกซึมดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาต้องรู้วิธีตัดสัญญาณเตือนภัยทุกประเภทและวิธีหลีกเลี่ยงสัญญาณเตือนเหล่านั้น อย่างไรก็ตามคราวนี้การกระจายสัญญาณอินฟราเรดค่อนข้างหนาแน่น ดังนั้นถ้าหากไม่ระวังก็มีแนวโน้มสูงที่สัญญาณเตือนอินฟราเรดจะดังขึ้น ดังนั้นการส่งคนไปปิดสัญญาณเตือนภัยอินฟราเรดก่อนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นสมาชิกขององค์กรเซ่นคิลก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับหัวหน้า!”
หลังจากพูดจบสมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลคนนั้นก็คลานต่ำไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ จากนั้นหลินเฟิงก็ยิ้มแล้วพูดกับเย่เชียนว่า “องค์กรเซเว่นคิลของฉันน่ะไม่มีกฎเกณฑ์เหมือนกับของนายเพราะนี่ไม่ใช่องค์กรทางทหารเพราะงั้นไม่ต้องแปลกใจไปที่ฉันส่งคนไปเสี่ยงตายแบบนั้น” อันที่จริงหากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็ไม่ได้ละเมิดหลักการใดๆดังนั้นเย่เชียนจะไม่เข้าไปยุ่งอย่างแน่นอนเพราะเขี้ยวหมาป่ากับเซเว่นคิลเป็นองค์กรที่แตกต่างกันและมีวิธีการดำเนินงานที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
สมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลนั้นสวมแว่นตาตรวจจับอินฟราเรดและร่างกายของเขาเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ซึ่งเขาสามารถมองเห็นรังสีอินฟราเรดได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าทั้งเย่เชียนและหลินเฟิงต่างก็สวมแว่นตาตรวจจับอินฟราเรดและเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างระมัดระวังและพวกเขาก็กดดันอย่างมากเพราะถ้าหากสัญญาณเตือนอินฟราเรดดังล่ะก็แผนการทั้งหมดก็จะล้มเหลวและจะส่งผลต่อการโจมตีครั้งต่อไปด้วย นอกจากนี้นี่เป็นความร่วมมือเชิงปฏิบัติครั้งที่สองระหว่างองค์กรเซเว่นคิลและเขี้ยวหมาป่า ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่ต้องการผิดพลาดใดๆในขั้นตอนต่างๆเพราะความผิดพลาดของเขาทำให้องค์กรเซเว่นคิลจะเสียหน้าโดยเฉพาะต่อหน้าไป๋ฮวยและไอซอลเดแฮมป์ตัน ดังนั้นหลินเฟิงจึงหวังว่าจะแสดงให้พวกเขาเห็นการต่อสู้ที่สง่างามและสมบูรณ์แบบขององค์กรนักฆ่าที่เป็นตำนาน
.
.
.
.
.
.
.