ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 688 หญิงสาวผู้ลึกลับ ตอนที่ 1
ตอนที่ 688 หญิงสาวผู้ลึกลับ ตอนที่ 1
ถึงแม้ว่าจะเป็นการหาเรือแต่มันก็ไม่มีที่ว่างสำหรับการเสนอใดๆเลยเพราะสิ่งต่างๆได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากเดินตามรอยของซานเย่ อย่างไรก็ตามตราบใดที่เซี่ยตงไป่ไม่สนใจสิ่งต่างๆที่พวกเขาเกี่ยวข้องกับซานเย่ล่ะก็พวกเขาก็ไม่คิดที่จะโต้แย้งหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ
หลังจากพูดจบเซี่ยตงไป่ก็กวาดสายตามองออกไปรอบๆเพื่อรอคำตอบจากเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตในห้องประชุม ซึ่งทุกอย่างอยู่ในการคำนวณของเขาเพราะเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตต่างก็ตกลงกันและพูดคำที่ประจบสอพลอด้วยความเคารพและสุภาพกับเซี่ยตงไป่
“ในเมื่อทุกคนเห็นด้วยถ้างั้นผมก็จะเป็นหัวหน้าแก๊งต่อไป” เซี่ยตงไป่พูด “ม่อหลง..คุณได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งของซานเย่นับตั้งแต่นี้ไป..ผมหวังว่าคุณจะดูแลจือยี่ได้ดีในอนาคต..เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฉัน..หากคุณกล้าที่จะทำร้ายเธอก็อย่ามาหาว่าผมไม่สุภาพก็แล้วกัน..นอกจากนี้ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถดูแลสิ่งต่างๆต่อจากซานเย่ได้” จากนั้นเขาก็หันไปมองที่เย่เชียนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเย่ฉันจัดการสิ่งต่างๆแล้ว..น้องเย่ไม่มีความคิดเห็นอะไรเลยหรือ?”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่หรอกครับ..สิ่งต่างๆดำเนินไปด้วยดีอยู่แล้ว..ผมเชื่อว่าม่อหลงสามารถทำสิ่งต่างๆได้ดี..เพราะงั้นพี่ม่อหลงก็อย่าทำให้พี่ใหญ่เซี่ยผิดหวังก็แล้วกัน”
ม่อหลงที่ติดตามเย่เชียนมานานหลายปีเขาจึงเข้าใจความคิดของเย่เชียนได้โดยปราศจากคำใบ้ของเย่เชียนเพราะเมื่อดูจากสถานการณ์โดยรวมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงแล้วมันก็พัฒนาเร็วเกินไปและค่อนข้างที่จะคาดเดายาก ยิ่งการปรากฏตัวของฮัวหยินแล้วม่อหลงก็สามารถตระหนักถึงอันตรายได้เช่นกัน ซึ่งเขาต้องระมัดระวังทุกย่างก้าวของเขี้ยวหมาป่าในช่วงเวลานี้เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะทรยศเมื่อไหร่ ดังนั้นการที่ม่อหลงอยู่ในตำแหน่งนี้เขาก็จะสามารถรู้การกระทำและการเคลื่อนไหวของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงได้
สำหรับม่อหลงนั้นเขาเกิดมาเพื่อภักดีและอุทิศชีวิตให้กับเขี้ยวหมาป่า ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทรยศเขี้ยวหมาป่าและพี่น้องของเขาเพื่อแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความจริงและยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสิ่งต่างๆในประเทศญี่ปุ่นได้รับการแก้ไขและเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดแล้วแน่นอนว่าม่อหลงก็จะไม่อยู่ในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงอีกต่อไป
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของคุณ..ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ม่อหลงยืนขึ้นและโค้งคำนับแล้วพูด
เซี่ยตงไป่ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “มีอีกอย่างที่ผมจะประกาศให้ทุกคนทราบเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโย่วซวนเป็นผู้รับผิดชอบสิ่งต่างๆของแก๊งทั้งหมด..ดังนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ต้องได้รับการโหวตจากทุกคนที่ล็อบบี้หลัก..ในเมื่อโย่วซวนไม่อยู่แล้วก็ต้องมีใครสักคนมาแทนที่เขา..ดังนั้นผมจะแนะนำเธอคนนี้..ฮัวหยินเธอเป็นคนสนิทของผมและเธอก็คอยสืบสวนเรื่องของซานเย่เพื่อแก๊งของเราและทำจนสำเร็จเพราะงั้นเธอจึงเหมาะสมที่จะมาเข้ารับตำแหน่งของโย่วซวน..จากนี้ไปสิ่งที่เธอพูดในอนาคตก็จะเป็นเหมือนคำพูดของผม”
เหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตในห้องประชุมต่างก็เริ่มพูดคุยกันและเห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยของความประหลาดใจและความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา ส่วนเซี่ยจือยี่เองก็ขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “พ่อคะ..เธอเป็นคนญี่ปุ่นเพราะงั้นพ่อจะปล่อยให้เธอเข้ามาจัดการสิ่งต่างๆของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของเราได้ยังไง?..พ่อลืมกฎของแก๊งไปแล้วหรอ?”
เซี่ยตงไป่ก็จ้องมองอย่างโกรธเคืองเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่ลูกสาวคนนี้ที่มักจะเป็นโต้แย้งเขา แต่นี่เป็นการประชุมภายในของแก๊งดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดคุยเหมือนที่บ้านได้ จากนั้นเขาก็มองไปที่เหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตแล้วพูดอย่างช้าๆว่า “ผมรู้ว่าทุกคนต่างก็มีความสงสัยเหมือนๆกันทั้งหมดแต่สิ่งที่ผมต้องการจะบอกคุณคือถ้าเราต้องการพัฒนาแก๊งต่อไปเราก็ไม่สามารถยึดติดกับทัศนคติเดิมๆได้..เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงและอย่าไปคิดว่าชาวญี่ปุ่นจะไม่สามารถดูแลสิ่งต่างๆได้..เราต้องกล้ายอมรับสิ่งใหม่ๆและไม่ว่าคุณจะเป็นคนจีนหรือคนญี่ปุ่นหรือจะเป็นชาวอเมริกันก็ตามแต่ตราบใดที่ใครสามารถทำให้แก๊งฝูชิงของเราพัฒนาไปได้มันก็ย่อมดีเสมอ..นอกจากนี้ถึงแม้ว่าฮัวหยินจะเป็นคนญี่ปุ่นแต่เธอก็ทำสิ่งต่างๆให้ผมตลอดเวลา..ดังนั้นเรื่องความภักดีของเธอเราไม่ต้องสงสัยเลย..ถ้าพวกคุณคิดว่าเธอไม่เหมาะสมที่จะรับตำแหน่งนี้พวกคุณก็สามารถพูดออกมาได้เลยเพราะแก๊งฝูชิงของเราให้ความสำคัญกับประชาธิปไตยเสมอและมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้นำเสมอไป”
ถึงแม้ว่าเซี่ยตงไป่จะพูดแบบนั้นแต่ใครจะรู้ได้ว่าประโยคไหนจริงและประโยคไหนเท็จ ซึ่งเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตต่างก็ไม่มั่นใจอีกต่อไปแล้วเพราะในอดีตนั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและถ้าหากใครมีปัญหาใดๆก็สามารถร้องขอให้มีการประชุมเพื่อหารือและเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตก็สามารถหารือเพื่อขับไล่หัวหน้าแก๊งได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากสิ่งที่เสี่ยตงไป่ทำก่อนหน้านี้นั้นได้ขัดต่อความจริงอย่างมากและกลับตัดสินซานเย่อย่างโหดเหี้ยม ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะโต้แย้งเซี่ยตงไป่อีกต่อไปและแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็กลายเป็นของตระกูลเซี่ยไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นถึงแม้ว่าเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตจะเอ่ยคำโต้แย้งและคัดค้านเซี่ยตงไป่ขึ้นมามันก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอนาคตคนๆนั้นจะเป็นอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากที่จะพูดอะไรในเวลานี้และยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเห็นว่าเซี่ยจือยี่เองยังไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก เพราะฉะนั้นจะดีกว่าไหมถ้าปล่อยให้พ่อและลูกสาวโต้แย้งกันเองกัน ด้วยเหตุนี้ทำไมพวกเขาถึงต้องเสี่ยงด้วย?
“พ่อ..นี่มันไร้สาระชัดๆเพราะถ้าแก๊งฝูชิงของเราถูกคนชาติอื่นดูและแล้วมันยังจะเป็นแก๊งของเราอยู่งั้นหรอ?..พ่อลืมจุดประสงค์ของบรรพบุรุษที่ก่อตั้งแก๊งของเราไปแล้วหรอ..นั่นก็คือเพื่อปกป้องชาวจีนในประเทศญี่ปุ่นจากการดูหมิ่นของชาวญี่ปุ่น!..แต่ตอนนี้ชาวญี่ปุ่นกลับเป็นผู้นำของแก๊ง..นี่เป็นการดูหมิ่นบรรพบุรุษและทำให้แก๊งของเราเสื่อมเสียไม่ใช่หรอคะ?” เซี่ยจือยี่พูดอย่างขมขื่นและถึงแม้ว่าเธอจะไม่ทราบที่มาของฮัวหยินก็ตามแต่ในฐานะผู้หญิงด้วยกันเธอย่อมมีสัมผัสที่พิเศษต่อเพศเดียวกันและเธอก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยตงไป่ก็ตัวสั่นด้วยความโกรธเพราะเหล่าผู้นำคนอื่นๆไม่ได้โต้แย้งเขาแต่กลับเป็นลูกสาวของเขาที่ต่อต้านเขาเอง ซึ่งสิ่งนี้จะไม่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์และโกรธเกรี้ยวได้อย่างไร “คุณเซี่ยคะอย่าโกรธไปเลย..เพราะถ้าคุณโกรธอะไรๆมันก็จะยิ่งย่ำแย่ลง” ฮัวหยินพูดขณะลูบหน้าอกของเซี่ยตงไป่อย่างเย้ายวน
จากนั้นฮัวหยินก็หันไปมองที่เซี่ยจือยี่แล้วพูดว่า “คุณคือเซี่ยจือยี่ใช่ไหม..ฉันได้ยินคุณเซี่ยพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆโดยบอกว่าคุณมีความสามารถมากและช่วยเขาได้มากเกี่ยวกับแก๊ง..อย่างไรก็ตามฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนหนุ่มสาวอย่างคุณคงจะเป็นคนหัวโบราณ..ในยุคนี้มันแตกต่างกันออกไปเพราะถ้าอยากให้แก๊งพัฒนาต่อไปเราจะไปยึดติดกับทัศนคติในอดีตได้ยังไง?..แบบนั้นก็เหมือนกับการยืนเพียงขาเดียวแล้วผลสุดท้ายสิ่งต่างๆก็จะพลังทลายลง..เพราะงั้นที่คุณเซี่ยพูดออกมานั้นคือการมองการณ์ไกลและสร้างกฎใหม่ๆและนี่คือการเริ่มต้นใหม่และคุณควรจะสนับสนุนเขา”
“หืม..คุณกำลังพูดอะไรของคุณ..คุณเป็นใครมาจากไหน?” เซี่ยจือยี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“กล้าดีจริงๆ” เซี่ยตงไป่ยืนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวและตะโกนอย่างเคร่งขรึมว่า “เธอนั่นแหละกำลังพูดอะไรอยู่..หลายปีที่ผ่านมาเธอเรียนรู้มาอย่างเปล่าประโยชน์..เอาล่ะเรื่องนี้มันถูกตัดสินแล้วและตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฮัวหยินจะมาเข้ารับตำแหน่งแทนโย่วซวนและเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ของแก๊งฝูชิงของเราและนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคำพูดของเธอก็เหมือนคำพูดของผมและใครก็ตามที่กล้าต่อต้านเธอก็อย่ามาโทษผมที่ไม่มองพวกคุณเป็นพี่น้องก็แล้วกัน!”
ไม่มีที่ว่างสำหรับเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตให้แสดงความคิดเห็นเลยและพวกเขาก็ทำให้เพียงแค่แอบถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไรใดๆ ซึ่งภายในใจของพวกเขาต่างก็แอบคิดหาเวลาที่เหมาะสมที่จะถอนตัวออกจากแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงไป เพราะพวกเขาเองก็รู้สึกเหนื่อยใจและเหนื่อยกายที่ต้องอยู่อย่างอึดอัดใจเช่นนี้ เพราะแทนที่จะโดนเซี่ยตงไป่กำจัดเหมือนกันกับซานเย่นั้นพวกเขาก็คิดว่าการถอนตัวออกไปมันคงจะดีกว่าเพราะอย่างน้อยๆพวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็รับใช้และอุทิศตนให้กับแก๊งมามากและเพียงพอแล้ว ดังนั้นการถอนตัวออกไปมันก็ไม่ทำให้พวกเขาลำบากไม่ว่าจะเป็นเงินทองและชีวิตความเป็นอยู่
เซี่ยจือยี่นั้นต้องการจะพูดบางอย่างแต่ม่อหลงขยิบตาเธออย่างลับๆและดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้อย่างเงียบๆเพื่อหยุดเธอจากการกระทำดังกล่าวเพราะเรื่องนี้ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งไม่ว่าเซี่ยจือยี่จะค้านมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของเซี่ยตงไปได้ ดังนั้นแทนที่จะดิ้นรนต่อไปสู้เงียบและปล่อยให้เป็นไปตามสถานการณ์คงดีกว่า
หลังจากกวาดสายตามองทุกคนเซี่ยตงไป่ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ..การประชุมของวันนี้ก็จบลงแล้ว..เชิญทุกคนกลับกันได้เลย..ผมหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีเพื่อพัฒนาแก๊งฝูชิงของเราต่อไป”
เมื่อคำพูดของเซี่ยตงไป่จบลงเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตต่างก็ลุกขึ้นและจากไปทีละคน ส่วนเซี่ยจือยี่ก็มองไปที่เซี่ยตงไป่อย่างโกรธเคืองหัน เมื่อเห็นเช่นนั้นเซี่ยตงไป่ก็กำลังจะอ้าปากพูดแต่ทว่าเซี่ยจือยี่ก็ได้เดินออกจากประตูห้องประชุมไปเสียแล้ว เมื่อเห็นเซี่ยจือยี่ทำเช่นนี้เซี่ยตงไป่ก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ จากนั้นเซี่ยตงไป่ก็มองไปที่ม่อหลงแล้วพูดว่า “ม่อหลง..ลูกสาวของฉันน่ะนิสัยเสียตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก..เธอค่อนข้างดื้อรั้นเพราะงั้นช่วยฉันเกลี้ยกล่อมเธอให้หน่อยจะได้ไหม?”
ม่อหลงก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปครับ..จือยี่แค่ยังปรับตัวไม่ทันก็เท่านั้นเอง..อีกสองสามวันเธอคงจะดีขึ้น..ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” จากนั้นเขาก็เหลือบมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “บอส!..ฉันขอตัวก่อนนะ”
“ไปเถอะ!” เย่เชียนพยักหน้าแล้วพูด
เมื่อเห็นว่าทุกคนออกไปแล้วเซี่ยตงไป่ก็สวมกอดฮัวหยินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มาเลยฉันจะแนะนำคุณให้..นี่คือราชาหมาป่าเย่เชียน..ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของราชาแห่งโลกทหารรับจ้าง..ส่วนนี่คือนักฆ่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก..ผู้นำขององค์กรเซเว่นคิล..หลินเฟิง!” จากนั้นเขาก็แนะนำให้เย่เชียนและหลินเฟิงอีกครั้งว่า “น้องเย่..คุณหลิน..นี่คือฮัวหยิน..เธอเป็นผู้ช่วยคนสนิทของฉันเอง”
“นี่คุณเย่คนนั้นหรอ..ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลยฉันคิดว่าคุณเย่น่าจะเป็นชายวัยกลางคนเสียอีก..ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะเป็นชายหนุ่มแบบนี้..เขาช่างยอดเยี่ยมจริงๆ..เป็นเกียรติของดิฉันมากที่ได้พบคุณ” ฮัวหยินก็จับมือกับเย่เชียนและทักทายอย่างสุภาพ ซึ่งมีร่องรอยการหยอกล้อระหว่างคิ้วเป็นครั้งคราวและนิ้วของเธอก็สัมผัสกับหลังมือของเย่เชียนเบาๆและความหมายของเธอนั้นก็คลุมเครืออย่างยิ่ง
.
.
.
.
.
.
.