ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 698 เจตนาร้าย
ตอนที่ 698 เจตนาร้าย
หลังจากได้รับสายโทรศัพท์แล้วฟูมะฮายาคุจิฟูมะฮายาคุจิก็ขมวดคิ้วและรู้สึกโกรธเกรี้ยวเล็กน้อยและสาปแช่งอย่างลับๆว่า “ไอ้พวกนี้เกิดมาเพื่อเป็นสุนัขรับใช้กันรึไง!..ไปก้มหัวให้พวกสมาคมมังกรดำอยู่ได้”
แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดแบบนี้เพราะเขาก็ยังคงพูดอย่างสุภาพ แต่ฟูมะฮายาคุจินั้นไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสมาคมมังกรดำเพราะกุญแจสำคัญคือตระกูลดันโซนั้นเป็นของสมาคมมังกรดำดังนั้นการก้มหัวให้สมาคมมังกรดำนั่นก็เหมือนกับว่าเหล่าตระกูลนินจาที่ทรงเกียรติได้ก้มหัวให้กับสมาคมมังกรดำใช่หรือไม่? นี่คือสิ่งที่ฟูมะฮายาคุจิไม่สามารถทนได้เพราะตระกูลฟูมะกับตระกูลดันโซต่างก็มีความแค้นต่อกันมาเป็นเวลานาน ดังนั้นหากตระกูลนินจาก้มหัวให้กับสมาคมมังกรดำล่ะก็พวกเขาจะไม่ถูกหัวเราะเยาะไปชั่วชีวิตและเสื่อมเสียเกียรติตระกูลนินจาหรอกหรือ?
“ท่านผู้อาวุโสฟูมะ..ผมหวังว่าคุณคงจะเข้าใจดีว่าทั้วหมดนี้ก็เพื่อองค์กรของเรา..อย่าปล่อยให้ความคับข้องใจส่วนตัวเหล่านั้นทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงเลย..นอกจากนี้ทางสมาคมมังกรดำก็เชื่อว่าพวกเขาจะบอกกับตระกูลดันโซด้วย..ทางเราจะทำให้พวกคุณยุติความขัดแย้งกันเพราะงั้นคุณไม่ต้องวิตกกังวลอะไร” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากอีกฝั่งว่า “ผมหวังว่าคุณจะมองเห็นสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างชัดเจนนะครับทั้งกองกำลังหลักและพรรคการเมืองและสมาคมมังกรดำ..ถ้าพวกเราขัดแย้งกันล่ะก็คนอื่นจะใช้ประโยชน์จากสงครามนี้และนี่แหละคือสิ่งที่พวกเราต้องทำ..เพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปผมสัญญาถ้าคุณรอจนกว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายคุณจะมีความได้เปรียบและเมื่อถึงเวลานั้นถ้าหากคุณต้องการทำอะไรผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งและนี่คือสิ่งที่ประธานคาดหวัง..เพราะฉะนั้นผมก็หวังว่าคุณจะเข้าใจได้”
“ครับ!” ฟูมะฮายาคุจิตอบอย่างเคารพ
“เอาล่ะ..คราวนี้คุณจะภักดีต่อสมาคมมังกรดำหรือเปล่ามันก็ขึ้นอยู่กับคุณท่านผู้อาวุโสฟูมะฮายาคุจิ..อย่าทำให้เราผิดหวังนะครับ”
“ทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี!” ฟูมะฮายาคุจิตอบอย่างเคารพและวางสายไป ซึ่งคิ้วของฟูมะฮายาคุจิก็ขมวดเข้าหากันเพราถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่ฟูมะฮายาคุจิก็ยังคงรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจและยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกว่าสมาคมมังกรดำในครั้งนี้นั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ที่ธรรมดาๆเหมือนครั้งก่อนๆ เหตุผลที่สมาคมมังกรดำร้องขอเช่นนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเนื่องจากได้รับคำสั่งจากเบื้องบนดังนั้นฟูมะฮายาคุจิจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น
ถึงแม้ว่าสำนักนนินจาอิงะจะมีขนาดใหญ่แต่สุดท้ายมันเป็นได้แค่ตระกูลที่ผูกมัดกับองค์กรใต้ดินที่ผิดกฎหมาย ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีคำว่าตระกูลที่ใช้เป็นคำนำหน้าเท่านั้นแต่มันก็ไม่สามารถแข็งข้อกับรัฐบาลได้อยู่ดี
หลังจากวางสายไปฟูมะฮายาคุจิก็เดินไปที่โต๊ะอย่างช้าๆแล้วนั่งลงจากนั้นก็พูดว่า “ขอโทษทีพอดีมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการน่ะ..หวังว่าคุณซ่งกับคุณเย่จะไม่ขุ่นเคือวนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะๆ..ผู้อาวุโสฟูมะต้องดูแลทรัพย์สินอันมหาศาลของตระกูลเพราะงั้นการวุ่นวายอยู่กับสิ่งต่างๆจึงจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อยู่แล้ว..แต่ผู้อาวุโสฟูมะต้องให้ความสนใจสุขภาพร่างกายให้มากกว่านี้นะคะ..บางสิ่งบางอย่างก็ฝากเอาไว้กับคุณคาเอดะก็ได้..อย่าทำทุกอย่างด้วยตัวเองเลย” ซ่งหลันพูด
“ใช่!..ผมเองก็มีความคิดแบบนั้นเหมือนกัน..ยุคนี้มันเป็นยุคของคนหนุ่มสาวเพราะงั้นมันก็ถึงเวลาแล้วสินะที่คนแก่ชราอย่างผมจะต้องปล่อยวาง..ผมตามไม่ทันโลกในยุคนี้แล้ว” ฟูมะฮายาคุจิพูดอย่างช้าๆ
“ผู้อาวุโสฟูมะคุณถ่อมตัวเกินไปแล้วครับ..เรามีคำพูดในประเทศจีนว่าคนเฒ่าคนแก่นั้นอยู่ยงคงกระพันและประสบการณ์ของคนหนุ่มสาวก็ไม่สามารถเทียบได้กับคนเฒ่าคนแก่เลย..นอกจากนี้ผู้อาวุโสฟูมะก็ยังเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงและสำนักนินจาอิงะก็ขาดคุณไปไม่ได้จริงๆ” เย่เชียนพูด
ฟูมะฮายาคุจิก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อใดก็ตามที่ผมได้ยินใครพูดว่าผมเป็นที่น่าเคารพนับถือผมก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าคนๆนั้นแอบแช่งผมเพราะผมแก่ชราหรือเปล่า”
“ผู้อาวุโสฟูมะอย่าคิดแบนนั้นสิครับ..ผมหมายความอย่างนั้นเลย..ผมอยากจะสรรเสริญคุณอย่างจริงใจ..คุณทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆที่พูดแบบนั้น” เย่เชียนพูดด้วยสีหน้าที่ดูลำบากใจ
“หืม!” ฟูมะฮายาคุจิยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ผมได้ยินมาว่าองค์กรทหารรับจ้างเรดซันถูกกวาดล้างไปเมื่อไม่กี่วันก่อนและบุคลากรทั้งหมดกว่าสามร้อยชีวิตก็ไม่มีใครรอดสักคน..คุณเย่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆเพราะการมาเยือนญี่ปุ่นในครั้งนี้คุณทำให้แผ่นดินสั่นคลอนอย่างมาก..แต่คุณเย่ควรจะระวังเอาไว้เพราะชิบะโชโกะผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันเป็นลูกสาวของชิบะชิเงโอะรองหัวหน้าสมาคมมังกรดำ..เพราะงั้นผมก็เชื่อว่าสมาคมมังกรดำจะไม่ปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน”
“ผมคิดว่าผู้อาวุโสฟูมคงจะเข้าอะไรใจผิดเพราะผมเองก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเหมือนกันแต่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม..ทุกคนรู้ดีว่าองค์กรทหารรับจ้างเรดซันถูกโจมตีโดยองค์กรทหารรับจ้างนีโอมิลิทารี่และผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่เหมือนใสซื่อบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเย่เชียนนั้นลงมือทำหรือเปล่าแต่สมาคมมังกรดำก็มีความชัดเจนมากเกี่ยวกับแผนการของเย่เชียนในการกวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซันเพราะรายงานของโย่วซวน อย่างไรก็ตามโย่วซวนก็ได้ตายไปแล้วก่อนที่เขาจะรายงานสิ่งต่างๆดังนั้นสมาคมมังกรดำจึงไม่มีหลักฐานที่แท้จริงและต่อให้พวกเขาจะรู้อยู่แก่ใจก็ตามแต่พวกเขาก็ต้องมีหลักฐานใช่หรือไม่? หากสมาคมมังกรดำไม่มีหลักฐานที่แท้จริงพวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินการกับเย่เชียน อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงความระมัดระวังเท่านั้น
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ยังไงก็ตามผมก็ต้องขอบคุณสำหรับคำแนะนำของผู้อาวุโสฟูมะนะครับ..ถึงผมจะไม่ใช่คนท้องถิ่นแต่คุณคาเอดะก็เล่าให้ผมฟังคร่าวๆแล้วว่าสมาคมมังกรดำนั้นมีอิทธิพลอย่างมาก..นอกจากนี้ผมก็ไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจในประเทศญี่ปุ่นเพราะงั้นสมาคมมังกรดำก็ไม่ควรที่จะสนใจผม..ตรงกันข้ามตระกูลดันโซที่มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างกว้างขวางเพราะงั้นสมาคมมังกรดำก็ควรจะระมัดระวังทางนั้นเสียมากกว่า”
ฟูมะฮายาคุจิก็ยิ้มอย่างเย็นยะเยือกและแอบภูมิใจแล้วแอบคิดกับตัวเองว่า “ฉันจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้..แต่ฉันต้องทำให้ตระกูลของฉันรุ่งโรจน์กว่าเดิมให้ได้” หลังจากมองไปที่เย่เชียนแล้วฟูมะฮายาคุจิก็พูดว่า “ผมเข้าใจเจตนาของคุณเย่..แต่คุณเย่ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้หรอกครับ..แต่ผมอยากจะถามคุณเย่ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง?”
“ผู้อาวุโสฟูมะหมายความว่ายังไงครับ..ผมไม่ค่อยชัดเจนนัก..ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสฟูมะช่วยชี้แจงให้กระจ่างหน่อยจะได้ไหมครับ” เย่เชียนพูด
“ผมอยากจะถามว่าคุณเย่ว่าคุณจะทำยังไงต่อไปหลังจากกวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซันแล้ว” ฟูมะฮายาคุจิถามเพราะไม่ว่าเบื้องบนจะมีคำสั่งอย่างไร แต่ฟูมะฮายาคุจิก็ยังคงอยากรู้ว่าเย่เชียนทำยังไงเพื่อตอบโต้และรับมือกับสมาคมมังกรดำอยู่ดี
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “คำพูดของผู้อาวุโสฟูมะทำให้ผมสับสนจริงๆ..ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอครับว่าการที่องค์กรทหารรับจ้างเรดซันถูกกวาดล้างไปมันไม่เกี่ยวอะไรกับผม..มันก็เป็นเพียงความคับข้องใจส่วนตัวระหว่างองค์กร..อีกอย่างผมก็ไม่เคยคิดที่จะจัดการกับสมาคมมังกรดำเลย..ใครต่างก็รู้ดีว่าสมาคมมังกรดำนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนแล้วผมจะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงทำไม..เพราะงั้นอย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เลย” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “อันที่จริงแล้วผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตแบบนี้เต็มทนและและตอนนี้ผมก็แค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างเงียบๆและคราวนี้ที่ผมมาเยือนประเทศญี่ปุ่นก็เพื่ออยากพัฒนาเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและแน่นอนว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องรบกวนผู้อาวุโสฟูมะ”
“ยังไงเราก็เป็นนักธุรกิจเมื่อเราทำธุรกิจเราต้องใส่ใจผลประโยชน์ร่วมกัน..ถึงแม้ว่าฟูมะกรุ๊ปของเราจะไม่ได้โด่งดังไปทั่วโลกแต่ก็ติดสองร้อยอันดับแรก..และอิทธิพลของตระกูลฟูมะของเราในประเทศญี่ปุ่นก็กว้างขวางเพราะงั้นการช่วยเหลือเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย” ฟูมะฮายาคุจิพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเข้าใจว่าผู้อาวุโสฟูมะหมายถึงอะไร..นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเพราะงั้นถ้าหากตระกูลฟูมะมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลยนะครับผมจะทำให้ดีที่สุด”
“ในเมื่อคุณเย่พูดแบบนั้นผมก็ไม่รังเกียจครับ..เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ผมก็ต้องการความช่วยเหลือบางอย่างจากคุณเย่” ฟูมะฮายาคุจิพูด “ผมหวังว่าคุณเย่จะช่วยได้…”
ก่อนที่ฟูมะฮายาคุจิจะพูดจบจู้ๆลูกศิษย์ของสำนักนินจาอิงะก็เดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วพูดว่า “อาจารย์ครับ..ผู้อาวุโสฮัตโตริ ชิฮิโระจากตระกูลฮัตโตริมาเยี่ยม!”
ฟูมะฮายาคุจิก็ขมวดคิ้วแน่นและการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเขากำลังกำจัดเย่เชียนแต่จู่ๆฮัตโตริชิฮิโระกลับปรากฏตัวมาที่นี่ ‘หืม..ตาเฒ่าชิฮิโระ..ไม่ช้าก็เร็วฉันจะถอนรากถอนโคนตระกูลฮัตโตริทั้งหมด!’ ฟูมะฮายาคุจิคิดอย่างลับๆ
ฟูมะฮายาคุจิก็มองไปที่ลูกศิษย์แล้วพูดว่า “บอกให้ผู้อาวุโสฮัตโตริรอที่ล็อบบี้ก่อน”
“ขอรับ!” ลูกศิษย์ตอบและเดินออกไป จากนั้นฟูมะฮายาคุจิก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ผมต้องขอโทษจริงๆพอดีผมมีแขกที่นี่..ผมต้องออกไปต้อนรับแขกก่อน..คาเอดะช่วยดูแลคุณเย่และคุณซ่งให้ดีอย่าละเลยเด็ดขาด..เดี๋ยวฉันกลับมา”
คาเอดะก็ให้ความสนใจกับคำพูดของฟูมะฮายาคุจิและเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้วพูดว่า “ชอรับท่านปู่ไม่ต้องกังวลไป..ผมจะปฏิบัติกับคุณเย่อย่างดี”
ฟูมะฮายาคุจิก็พยักหน้าอย่างลับๆและลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินออกไปแต่ทว่าเขาก็เห็นว่าฮัตโตริชิฮิโระก็กำลังเดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วพูดว่า “หืม..ผู้อาวุโสฟูมะมีแขกผู้มีเกียรติขนาดนี้เชียวหรือ”
.
.
.
.
.
.
.