ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 706 ยึดอำนาจ ตอนที่ 4
ตอนที่ 706 ยึดอำนาจ ตอนที่ 4
ทักษะการใช้ดาบของฟูมะฮายาคุจินั้นด้อยกว่าฮัตโตริชิฮิโระและถึงแม้ว่านี่จะเป็นบ้านของฟูมะฮายาคุจิก็ตามและดูเหมือนว่าเขามีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์แต่อันที่จริงแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เย่เชียนเอาชนะคาเอดะได้นั้นฟูมะฮายาคุจิจึงกระวนกระวายและประหม่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าฟูมะฮายาคุจิจะคุ้นเคยกับวิชาดาบจากหลายๆตำราก็ตามแต่ในฐานะปรมาจารย์แล้วเขากลับไม่มีสมาธิกับการต่อสู้ได้ ดังนั้นเขาจึงเสียเปรียบฮัตโตริชิฮิโระอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นการที่เย่เชียนทำให้คาเอดะหมดสติไปนั้นฟูมะฮายาคุจิจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก สิ่งนี้ทำให้ฟูมะฮายาคุจิโกรธและเขาก็ตะโกนว่า “พวกขยะมักจะไม่มีประโยชน์ในช่วงเวลาวิกฤติ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟูมะฮายาคุจิแล้วนากาซาวะเคโกะจึงรีบพูดว่า “ผู้อาวุโสคะ..ฉัน..ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา..ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้” ดูเหมือนว่าเธอจะกระวนกระวายเช่นกัน
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมบอกไปแล้วแต่ผู้อาวุโสฟูมะไม่เชื่อผม..ผู้หญิงคนนี้วางแผนเอาไว้และมีจุดประสงค์บางอย่างแต่คุณไม่เชื่อ..เป็นไงล่ะมันชัดเจนแล้วใช่มั้ย?”
ฟูมะฮายาคุจิก็ขมวดคิ้วแน่นและในตอนนี้เขาก็รู้สึกว่านาคาซาวะเคโกะคนนี้เป็นเหมือนที่เย่เชียนพูดจริงๆว่าเธอมีวัตถุประสงค์บางอย่างแต่ในเวลานี้เขาก็กำลังสู้อยู่กับฮัตโตริชิฮิโระแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาที่จะไปสนใจเรื่องอื่นแต่เมื่อคิดเช่นนั้นฟูมะฮายาคุจิก็โกรธมากจนแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปฆ่าเธอในทันที
“ผู้อาวุโสฮัตโตริเราหยุดสู้กันก่อนดีไหม..ผมจะถือว่าวันนี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น..เราอย่าปล่อยให้มือที่สามเข้ามาใช้ประโยชน์จากการขัดแย้งของพวกเราเลย” ฟูมะฮายาคุจิพูด
ฮัตโตริชิฮิโระก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสฟูมะนี่คุณคิดอะไรของคุณกันอยู่..คุณคิดว่าผมโง่นักเหรอเพราะท้ายที่สุดแล้วคุณก็ต้องกวาดล้างตระกูลฮัตโตริของผมอยู่ดี..ตระกูลฮัตโตริไม่ใช่อะไรที่ใครจะสามารถล้อเล่นได้..ผมขอบอกคุณเอาไว้เลยนะว่าวันนี้จะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะรอดชีวิตกลับไปได้!”
ถึงแม้ว่าฮัตโตริชิฮิโระจะรู้อยู่แก่ใจว่าฟูมะฮายาคุจินั้นหมายถึงอะไรและแน่นอนว่าเขาไม่กลัวว่านากาซาวะเคโกะจะหลอกพวกเขา ซึ่งสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือฟูมะฮายาคุจิที่จะทำลายตระกูลของเขาดังนั้นเขาจึงไม่มีวันปล่อยให้ฟูมะฮายาคุจิมีชีวิตรอดต่อไปเพื่อคุกคามตระกูลของตนไปอย่างแน่นอนและถ้าหากฟูมะฮายาคุจิถูกกำจัดไปตระกูลฟูมะทั้งหมดก็ไม่ใช่อุปสรรคของเขาเลย
ฟูมะฮายาคุจิก็จ้องมองด้วยความโกรธและพูดว่า “ถ้างั้นก็มาตัดสินให้มันจบๆไปเลย”
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความสามารถนั้นหรือเปล่า” ฮัตโตริชิฮิโระก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและดาบในมือของเขาฟันเป็นแนวทแยงมุม ซึ่งการฟันครั้งนี้ทรงพลังและมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างยิ่งเข้าปะทะกับดาบของฟูมะฮายาคุจิและได้ยินเพียงเสียง “ชิ้ง” เสียงของเหล็กกระทบกันจนดาบของทั้งสองแตกออกจากกัน อย่างไรก็ตามฮัตโตริชิฮิโระก็ไม่ได้สนใจและเขาก็ใช้ดาบในมือของเขาที่หักแทงทะลุเข้าไปที่ช่องท้องของฟูมะฮายาคุจิอย่างรวดเร็ว
เลือดของฟูมะฮายาคุจิก็ไหลออกมาอย่างกะทันหันและฮัตโตริชิฮิโระก็พยายามดึงมีดที่เสียบอยู่ในท้องของฟูมะฮายาคุจิออกมาแต่ฟูมะฮายาคุจิก็คว้าใบมีดเอาไว้ด้วยมือของเขาจนฮัตโตริชิฮิโระดึงมันออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นฮัตโตริชิฮิโระก็ขมวดคิ้วและรีบถอยออกไป อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปแล้วเพราะฟูมะฮายาคุจิได้ใช้ดาบในมืออีกข้างหนึ่งของเขาแทงเข้าไปที่ช่องท้องของฮัตโตริชิฮิโระอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ทั้งฮัตโตริชิฮิโระและฟูมะฮายาคุจิต่างก็ปล่อยมือจากดาบกันทั้งคู่และใช้มือประกบที่หน้าท้องเพื่อห้ามเลือดแต่เลือดก็ยังคงไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้งและพวกเขาต่างก็คิดเช่นเดียวกันว่าพวกเขาจะต้องไม่พลาดจนให้มือที่สามมาฉวยโอกาสนี้ไป
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันจบแล้วเหรอ..พวกคุณไปพักกันก่อนเถอะเพราะการแสดงที่แท้จริงมันยังไม่เริ่ม..พวกคุณพลาดเองที่ไม่เชื่อคำพูดของผม..เป็นยังไงล่ะมันคุ้มหรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่าฟูมะฮายาคุจิและฮัตโตริชิฮิโระต้องการต่อสู้กันอีกครั้งแต่มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้และหลังจากนั้นไม่นานจู่ๆชายชราคนหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและไม่ใช่ใครอื่นซึ่งเป็นคนที่นากาซาวะเคโกะส่งข้อความรายงานสิ่งต่างๆและคนๆนั้นก็คือดันโซบายาชิที่จะมาเก็บกวาดสิ่งต่างๆนั่นเอง
ดันโซบายาชิก็เหลือบมองฟูมะฮายาคุจิกับฮัตโตริชิฮิโระแล้วยิ้มอย่างมีชัยจากนั้นก็พูดว่า “ผู้อาวุโสฟูมะ..ผู้อาวุโสฮัตโตริ..มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณกัน..ทำไมพวกคุณถึงได้รับบาดเจ็บกันล่ะ?” หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “คุณเย่เองก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
“ผู้อาวุโสดันโซคุณกำลังทำอะไร..ทำไมคุณถึงพาคนเข้ามาและฆ่าลูกศิษย์ของเราล่ะ?” ฟูมะฮายาคุจิพูดอย่างโกรธเคือง
“คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ..คุณเป็นผู้นำสำนักนินจาอิงะมาเป็นเวลานานแล้วและมันก็ถึงเวลาที่จะต้องวางมือได้แล้ว..มันหมดยุคของตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตริแล้ว..หลายปีที่ผ่านมาพวกคุณไม่เคยไว้หน้าตระกูลดันโซของผมเลย..เพราะงั้นมันถึงเวลาแล้วที่จะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว..ต่อจากนี้ไปในโลกใบนี้มันจะไม่มีตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตริอีกต่อไปและจะมีเพียงตระกูลดันโซของผมเท่านั้น” ดันโซบายาชิพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีชัย
“คุณต้องการก่อกบฏงั้นเหรอ” ฟูมะฮายาคุจิพูดอย่างเดือดดาล
“กบฏเหรอ?..แย่จัง..ผมไม่เคยคิดที่จะอยู่ร่วมกับพวกคุณเลย..เดี๋ยวผมจะทำให้สำนักอิงะดำเนินไปอย่างรุ่งโรจน์เอง” ดันโซบายาชิพูดอย่างเย้ยหยัน
“ดันโซบายาชิปรากฏว่าเป็นคุณนี่เองที่กล้าพูดแบบนี้อย่างโจ่งแจ้ง..แต่ผมไม่ใช่คนเดียวที่จะต่อต้านคุณ” ฮัตโตริชิฮิโระตอกกลับ “ในที่สุดคุณก็รู้แล้วสินะว่าตระกูลดันโซนั้นล้มเหลวมากแค่ไหน?”
“หืม..อย่าภาคภูมิใจไปหน่อยเลยคุณไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือไงว่าพวกเราทั้งคู่จะไม่สามารถรอดชีวิตกลับไปได้..ที่ตลกก็คือการที่คุณวางแผนมาอย่างดีแต่กลับตกเป็นเบี้ยของคนอื่น..คุณควรจะรู้สึกละอายใจมากกว่าผมใช่ไหมผู้อาวุโสฮัตโตริ” ฟูมะฮายาคุจิพูด
“จะไม่มีใครรอดชีวิตออกไปได้ทั้งนั้น” ดันโซบายาชิพูด
“เดี๋ยวก่อนๆ” เย่เชียนโบกมือแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสดันโซครับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย..การที่คุณกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตริเพื่อยึดตำแหน่งผู้นำของสำนักนินจาอิงะมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับผม..คุณจะเหมารวมผมได้ยังไง”
“ไม่เกี่ยวงั้นเหรอ?” ดันโซบายาชิเย้ยหยันแล้วพูดว่า “ผมคุยกับสมาคมมังกรดำอย่างชัดเจนแล้วว่าตราบใดที่ผมกำจัดคุณมันก็จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และสถานะของผมก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ..แบบนั้นแล้วผมจะปล่อยคุณไปงั้นเหรอ..นอกจากนี้ถ้าผมปล่อยคุณไปมันก็เหมือนกับว่าผมปล่อยเสือขึ้นภูเขาไปน่ะสิ..ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
“ผู้อาวุโสดันโซปรากฏว่าคุณกำลังเล็งหัวผมอยู่งั้นหรอ?..ผมไม่ได้คาดหวังว่าผู้อาวุโสดันโซจะเป็นคนเจ้าเล่ห์” ฮัตโตริชิฮิโระพูดอย่างโกรธเคือง “แต่อย่าได้ภาคภูมิใจไปเลยเพราะถึงแม้ว่าคุณจะฆ่าผมถึงยังไงเหล่าสมาชิกของตระกูลฮัตโตริของผมก็จะไม่ยอมแพ้และพวกเขาจะตามแก้แค้นอย่างแน่นอน”
“ล้างแค้นเหรอ?” ดันโซบายาชิพูดด้วยรอยยิ้มที่อวดดี “เมื่อผมฆ่าพวกคุณทั้งสองแล้วตระกูลฮัตโตริกับตระกูลฟูมะก็เป็นได้แค่ขยะและสมาคมมังกรดำก็จะให้รางวัลแก่ผมมากมายอย่างแน่นอน..ทั้งการสนับสนุนในสิ่งที่ผมทำ..เพราะงั้นตระกูลฮัตโตริกับตระกูลฟูมะจะยังต้านทานได้อยู่อีกเหรอ?”
“ตระกูลดันโซสมรู้ร่วมคิดกับสมาคมมังกรดำงั้นเหรอ?..ดันโซบายาชิคุณได้พิจารณาผลที่จะตามมาหรือเปล่า..เหล่าลูกศิษย์ในสำนักจะไม่มีวันปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน” ฟูมะฮายาคุจิพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก..ไอ้พวกหน้าซื่อใจคดทั้งหลายไม่สนใจเรื่องของตระกูลนินจาหรอก..นักการเมืองเหล่านั้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่หวังแต่ผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น..สำหรับพวกเขาแล้วตระกูลนินจาอย่างเราก็เป็นได้แค่หุ่นเชิดในสายตาของพวกเขส..ผมไม่ใช่สุนัขที่กระดิกหางและชีวิตของผมก็ควรจะถูกกำหนดโดยผมเอง” ดันโซบายาชิพูด
“หืม..ดันโซบายาชิอย่าภาคภูมิใจนักเลย..ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเราสองคนจะได้รับบาดเจ็บกันอยู่แต่คุณจะทำอะไรพวกเราได้?..ในเหล่าตระกูลนินจานั้นทักษะการต่อสู้ของตระกูลดันโซอ่อนแอที่สุด..แบบนี้คุณจะทำอะไรได้?” ฟูมะฮายาคุจิพูด
“ฮ่าฮ่า…” ดันโซบายาชิพูดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “ฟูมะฮายาคุจิคุณประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า..ถึงแม้ว่าตระกูลดันโซของผมจะเทียบไม่ได้กับตระกูลฟูมะและตระกูลฮัตโตริแต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คุณพูด..คุณดูถูกผมเกินไปแล้ว..ถ้าผมจะฆ่าพวกคุณมันก็ง่ายมากและผมก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองเลย” จากนั้นดันโซบายาชิก็เหลือบมองไปที่นากาซาวะเคโกะและพูดด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือว่า “ที่รัก..คุณคือผู้นำของสำนักนินจาอิงะคนต่อไป!”
.
.
.
.
.
.
.