ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 726 คำสัญญา
ตอนที่ 726 คำสัญญา
หากคุณต้องการโน้มน้าวใครสักคนโดยเฉพาะคนที่มีทัศนคติเชิงลบอย่างดีห์ราห์แล้วสิ่งที่เราต้องการคือกระบวนการความคิดที่ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งถ้าไม่ต้องการดึงคนๆนั้นมาเป็นพรรคพวกเราก็ไม่ต้องทำอะไรเลยแต่ถ้าหากเราต้องการเราก็แค่ต้องใช้เวลานานและวันหนึ่งมันก็จะสำเร็จเอง
เหตุผลที่ดีห์ราห์ต้องการดีห์ราห์มาเป็นพรรคพวกนั้นก็เป็นเพราะความสามารถของดีห์ราห์ ส่วนเย่เชียนจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรนั่นก็ต้องรอดูในอนาคตจึงจะสามารถตัดสินใจได้ เมื่อเห็นความพากเพียรของดีห์ราห์แล้วเย่เชียนจึงต้องระบุเงื่อนไขด้วยตัวเองและต้องพูดตามความจริง อย่างไรก็ตามคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาก็ไม่ใช่ความเท็จเลยแต่มันมาจากความจริงใจ ซึ่งถึงแม้ว่าดีห์ราห์จะไม่เชื่อเพราะเย่เชียนไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนในโลกที่คล้ายกับดีห์ราห์ได้ แต่เนื่องจากเย่เชียนได้พบดีห์ราห์แล้วเย่เชียนก็อยากที่จะช่วย
เงื่อนไขของเย่เชียนนั้นไม่ยากเลย ดังนั้นเมื่อดีห์ราห์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “ตกลง..แต่คุณต้องสัญญากับผมอย่างหนึ่งว่าคุณจะไม่หลอกใช้ผมเพื่อไปทำร้ายคนดี..ถ้าคุณสัญญาตามนี้ผมก็พร้อมที่จะเดินไปกับคุณ..แต่ถ้าไม่ผมก็ขอปฏิเสธและถึงแม้ว่าผมจะต้องกลับไปอย่างไร้ประโยชน์ก็ตาม”
เย่เชียนกฌพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่รู้หรอกว่าคนดีหรือคนในดีในสายตาของนายนั้นแตกต่างกันยังไง..นายควรจะรู้เอาไว้นะว่าในโลกใบนี้ไม่มีสีขาวหรือสีดำที่สมบูรณ์และไม่มีความดีหรือความเลวที่แน่นอน..มันอยู่ที่ว่าคนๆเป็นใครและทำอะไรนั่นเอง”
ดีห์ราห์ก็ถึงกับตกตะลึงแต่เขาก็ต้องยอมรับว่าคำพูดของเย่เชียนนั้นเป็นความจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากหยุดไปชั่วขณะดีห์ราห์ก็พูดว่า “ผมไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก..สรุปสั้นๆว่าถ้าผมคิดว่าเขาเป็นคนดีผมก็จะไม่ช่วยคุณจัดการกับเขา..ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็ลืมมันไปซะ”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงแม้ว่าทัศนคติของนายจะแย่มากแต่ฉันก็ต้องชื่นชมนายจริงๆ..เอาเถอะไม่ว่าจะเป็นยังไงฉันก็จะรับฟังเอาไว้ก็แล้วกัน”
ดีห์ราห์ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและเขาก็ไม่อยากเชื่อเพราะหลายปีที่ผ่านมาเขาได้พบกับผู้มีอำนาจและทรงอิทธิพลมากมายที่พูดเหมือนเย่เชียน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเย่เชียนต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง อย่างไรก็ตามเมื่อลองคิดดูแล้วเขาก็นึกไม่ออกจริงๆว่าเย่เชียนนั้นต้องการตัวเขาไปทำไม “ตกลง..แต่ผมจะไปกับคุณหลังจากการแข่งขันจบลง” ดีห์ราห์พูด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หืม..ในเมื่อนายไม่เชื่อฉันแล้วฉันจะรอนายไปทำไม?..นี่มันมากเกินไปหน่อยนะ..ความอดทนของฉันมีจำกัด..ดูเหมือนนายต้องการท้าทายความอดทนของฉันสินะ”
“น้องเย่..เด็กคนนี้โง่เกินไปที่จะช่วยเหลือ..ทำไมนายถึงต้องการตัวเขาด้วยล่ะ..ทักษะการต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรถึงขนาดนั้นมันธรรมดามาก..จากมุมของฉันถ้าพวกเรายื่นมือเข้าไปช่วยแบบนี้เขาก็จะยิ่งทำตัวหยิ่งผยองมากกว่าเดิม..ลืมมันไปซะ..คนแบบนี้สักวันก็ต้องตายอย่างไร้ประโยชน์อยู่ดีเพราะงั้นก็ฆ่าล้างบางให้จบๆไปซะเลยสิ” หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“หืม..ผมไม่ใช่คนที่กลัวความตาย..ถ้าคุณอยากจะฆ่าผมก็มาซะเลยสิ” ดีห์ราห์พูดอย่างหนักแน่น
“ดูเหมือนว่านายจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดสินะเพราะถ้าฉันจะฆ่าใครฉันก็จะถอนรากถอนโคนให้หมด..ฉันรู้ว่านายยังมีแม่อยู่ที่อินเดียใช่มั้ย?..ต่อให้ฉันไม่ฆ่าเธอแล้วนายคิดว่าแม่ของนายจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกเหรอ?” หลินเฟิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์และเจตนาฆ่าในดวงตาของเขาก็ปะทุออกมา แน่นอนว่าความอดทนของคนอย่างหลินเฟิงที่เคยฆ่าคนมามากกว่า 1000 คน ก็มีจำกัดเช่นกัน
ดีห์ราห์ก็ตกตะลึงและสั่นไปทั้งตัวและเขาก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่หลินเฟิงพูดนั้นถูกต้องเพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่กลัวความตายแต่ถ้าเขาตายแม่ของเขาจะอยู่อย่างไร? ใครจะดูแลเธอใครจะเลี้ยงเธอ เมื่อตระหนักเกี่ยวกับสิ่งนี้แล้วดูเหมือนความเขาจะเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองมากจนเกินไปจริงๆ แต่ถ้าหากเขายอมแพ้ไปแบบนี้เขาจะกล้ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
เย่เชียนก็เห็นความขมขื่นของดีห์ราห์และเย่เชียนก็หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ..เอาล่ะๆพี่หลินอย่าไปทำให้เขาตกใจสิ..ในเมื่อเขาบอกว่าเขาต้องการคว้าแชมป์ก่อนก็ให้เขาทำสิ่งที่ต้องการไปเถอะ”
ดีห์ราห์เองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ไม่เข้าใจมารยาทเนื่องจากเย่เชียนยอมในสิ่งที่เขาต้องการเช่นนี้แล้วดีห์ราห์ก็ไม่คิดที่จะหยาบคายอีกต่อไป “ตกลง..ผมสัญญา..ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมผมจะช่วยคุณ” ดีห์ราห์พูด “ผมแค่ต้องการให้พวกคุณช่วยไม่ให้คนอื่นมาคุกคามผมในระหว่างที่ผมกำลังแข่งขัน..ส่วนเรื่องผลการแพ้ชนะพวกคุณอย่าเข้ามายุ่งเพราะผมต้องพึ่งพาความสามารถของตัวเองและไม่ชอบใช้กลอุบายเหล่านั้น”
เย่เชียนก็พยักหน้าและเขาก็ไม่ได้มองเด็กคนนี้ผิดไปและเขาก็รู้สึกดีใจเล็กน้อยดังนั้นเย่เชียนจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ความจริงแล้วมันไม่ได้หมายความว่าไม่เหมาะสมเพราะกุญแจสำคัญอยู่ที่ว่ามันสามารถบรรลุเป้าหมายได้หรือเปล่าแค่นั้นเอง..อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนายพูดอย่างนั้นฉันก็จะรับปากเลยว่าฉันจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องการแข่งขัน..ฉันรับปากเลยได้เลยว่านายจะสามารถนั่งในตำแหน่งแชมป์ได้อย่างภาคภูมิใจ”
“ถึงแม้ว่าผมจะชนะไม่ได้ผมก็จะไม่เสียใจเลยเพราะอย่างน้อยๆผมก็ได้ลองทำด้วยความสามารถที่แท้จริงของผมเอง” ดีห์ราห์พูด
“ตกลง..ฉันเป็นลูกผู้ชายพอ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ..ในเมื่อเราตกลงกันแล้วก็มากับฉันซะ”
“จะไปไหน?” ดีห์ราห์ถามอย่างงงๆ
“จะไปไหนงั้นเหรอ..ก็พานายไปโรงพยาบาลก่อนน่ะสิเพราะพรุ่งนี้นายต้องลงแข่งเพราะงั้นนายจะแพ้เพราะอาการบาดเจ็บของนายไม่ได้” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผมไม่เป็นอะไรไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก..ผมแค่ต้องการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บเท่านั้น” ดีห์ราห์พูดอย่างคลุมเครือ
เมื่อเห็นการแสดงออกของดีห์ราห์แล้วไป๋ฮวยก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหรอก..เดี๋ยวเขาจัดการเอง..อย่าประมาทการโจมตีของเขาเด็ดขาดเพราะถึงแม้ว่าตอนนี้นายจะไม่เป็นอะไรแต่อีกสักพักเดี๋ยวนายก็จะรู้เองเพราะงั้นไปหาหมอดีกว่า..นี่ไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่เพื่อตัวเอง”
ดีห์ราห์เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
หลังจากที่พวกเขาออกจากสนามการแข่งขันแล้วไป๋ฮวยและหลินเฟิงก็แยกย้ายกันไปส่วนเย่เชียนก็พาดีห์ราห์ไปโรงพยาบาล ซึ่งระหว่างทางเย่เชียนก็พูดคุยกับเขาและพยายามสอบถามเกี่ยวกับอดีตของดีห์ราห์แต่เด็กคนนี้ฉลาดมากเพราะส่วนใหญ่เป็นเย่เชียนที่พูดส่วนดีห์ราห์ก็ไม่ค่อยตอบ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงพูดสั้นๆเกี่ยวกับอดีตของเขา
ที่ดีห์ราห์สามารถพูดภาษาจีนได้คล่องเพราะในบ้านเกิดของเขาอาจารย์ที่สอนโยคะให้เขานั้นเป็นชาวจีนและมักจะเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับประเทศจีนและสอนภาษาจีนให้กับเขา แต่ทว่าดีห์ราห์ไม่รู้จักชื่อของอาจารย์เขารู้เพียงว่าชายชราคนนั้นเรียนโยคะจากชาวอินเดียมาอีกทีและต่อมาเขาหลบหนีเป็นเชลยสงครามจนต้องอพยพมาที่ประเทศอินเดียและอาศัยอยู่ที่นั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เย่เชียนก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แต่เขาก็เป็นผู้ฟังที่ดียิ่งไปกว่านั้นตราบใดที่ดีห์ราห์เต็มใจที่จะพูดคุยเย่เชียนก็สามารถลบล้างทัศนคติด้านลบของดีห์ราห์ได้ทีละน้อย เพื่อที่ดีห์ราห์จะได้ปฏิบัติต่อตัวเองในฐานะเพื่อนและพี่น้องนั่นเอง
เย่เชียนนั้นเริ่มต้นด้วยความเสี่ยงและถึงแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ในการต่อสู้กับดีห์ราห์จะเป็นอันตรายอย่างมากก็ตามแต่เย่เชียนก็สามารถยับยั้งและกักเก็บความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ได้ในวินาทีสุดท้าย ไม่เช่นนั้นดีห์ราห์คงจะอาการหนักกว่าแค่รอยช้ำเพราะแม้อวัยวะภายในและซี่โครงก็อาจจะเสียหายอย่างมากและอาจถึงชีวิตก็เป็นได้
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเย่เชียนก็ทำเกือบทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งเข้าคิวหรือลงทะเบียนและซื้อยา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ดีห์ราห์สัมผัสได้ถึงมิตรภาพที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่มีสถานะสูงและมีอิทธิพลอย่างเย่เชียนที่จะทำแบบนี้กับคนที่มีสถานะต่ำต้อยอย่างตน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ดีห์ราห์รู้สึกว่าแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ใช่ดีแต่เขาก็เป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพและจงรักภักดี อย่างไรก็ตามดีห์ราห์ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางสังคมที่เน่าเฟะที่มีทั้งการดูถูกการเยาะเย้ยเขาก็จะไม่เชื่อในใครง่ายๆ เพราะเขาคิดไม่ออกจริงๆว่าอะไรในตัวเขาที่คู่ควรค่าแก่การเป็นเพื่อนพี่น้องกับเย่เชียน ในร่างกายของเขาเอง ซึ่งดีห์ราห์ก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรประทับใจกับการแสดงชั่วคราวของเย่เชียนจนถึงกับต้องทำให้เขาอุทิศตนเพื่อเย่เชียน
อันที่จริงแล้วเนื่องจากคนที่สอนโยคะให้ดีห์ราห์เป็นชายชราชาวจีนดังนั้นนิสัยและการกระทำต่างๆจึงมีแนวโน้มคล้ายๆชาวจีนไม่มากก็น้อย ซึ่งความรู้สึกและทัศนคติของดีห์ราห์ที่มีต่อชาวจีนนั้นก็ดีมาก อย่างไรก็ตามประสบการณ์หลายปีเหล่านี้ได้สอนให้เขาแข็งแกร่งและไม่อ่อนต่อโลกนั่นเอง
เหตุผลที่เย่เชียนทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองไม่ใช่เพื่อซื้อใจดีห์ราห์แต่เย่เชียนเห็นว่าร่างกายของดีห์ราห์ได้รับบาดเจ็บอยู่มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง เขาไม่ได้คิดอะไรมากและแน่นอนว่าเขาจะไม่ทำให้ดีห์ราห์ประทับใจแต่อย่างใด ซึ่งเย่เชียนก็เชื่อว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปพี่น้องของเขี้ยวหมาป่าจะทำให้ดีห์ราห์คนนี้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นมันคงไม่คุ้มค่าอะไรที่ยื่นมือเข้าไปช่วยคนที่ดื้อรั้นและมีทัศนคติเชิงลบขนาดนี้เลย
หลังจากออกจากโรงพยาบาลเย่เชียนก็มอบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องให้ดีห์ราห์และส่งเขาไปที่โรงแรมที่เขาพักและจองห้องให้เขา ซึ่งห้องไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ดีกว่าที่ดีห์ราห์เคยอยู่หลายเท่าตัว ซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่ได้พักผ่อนอะไรมากนักเพราะหลังจากที่มอบยาที่ได้รับจากโรงพยาบาลให้ดีห์ราห์แล้วเย่เชียนก็บอกให้ดีห์ราห์กินยาตรงเวลาจากนั้นเย่เชียนก็หันหลังเดินจากไป
.