ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 782 เยี่ยมผู้ป่วย
ตอนที่ 782 เยี่ยมผู้ป่วย
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็ตื่นขึ้นโดยเสียงรบกวนจากภายนอกจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและเมื่อเขากำลังจะกดกริ่งเพื่อเรียกพยาบาลเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ข้างนอกเขาก็เห็นว่าประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักเปิดออกและมีกลุ่มคนรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยเสียงเอะอะอย่างไม่รู้จบจนเย่เชียนงุนงง
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับการพักรักษาตัวของเขาในโรงพยาบาลแต่หลี่จื้อเทียนก็สามารถรู้ได้เพราะหลังจากสองปีกว่าๆในการพัฒนาธุรกิจหลี่จื้อเทียนก็ได้วางรากฐานขนาดใหญ่ในมณฑลเหอหนานและโครงการเมืองแอนิเมชั่นและสื่อบันเทิงต่างๆก็เสร็จสมบูรณ์ไปอย่างรุ่งโรจน์และนำไปใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งภายใต้การดำเนินงานของหลี่จื้อเทียนเงินทุนทั้งหมดได้ไหลเข้าสู่มณฑลเหอหนานอย่างรวดเร็วและองค์กรต่างๆก็ได้วางรากฐานอย่างรวดเร็วในเมืองใหญ่ในมณฑลเหอหนานเช่นกัน
นับตั้งแต่ที่เย่เชียนแจ้งหลี่จื้อเทียนเมื่อเขากลับมายังมณฑลเหอหนานก่อนหน้านี้หลี่จื้อเทียนก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเย่เชียนเพราะสำหรับหลี่จื้อเทียนแล้วเย่เชียนคือคู่หูของเขาและพันธมิตรที่ทรงพลัง ดังนั้นเขาจึงต้องให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวโดยธรรมชาติ ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชนแต่หลี่จื้อเทียนก็ยังคงมีเครือข่ายมากมายด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าเย่เชียนเข้าโรงพยาบาล ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมเย่เชียนถึงได้รับบาดเจ็บแต่มันก็ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นเขาจึงต้องการรู้อย่างชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ผู้ที่มาเยี่ยมอาการป่วยของเย่เชียนมีทั้งหลี่จื้อเทียน,ม่อหลง,ชิงเฟิงและแม้แต่แจ็คเองก็รีบออกจากเมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อมาเยี่ยมเย่เชียนเช่นกัน สำหรับพวกเขาแล้วอาการบาดเจ็บของเย่เชียนสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเพราะเย่เชียนเป็นผู้นำของพวกเขาและเป็นจิตวิญญาณแห่งเขี้ยวหมาป่า
ข้างหลังพวกเขามีกลุ่มชายหนุ่มที่กำลังพูดคุยกันและส่งเสียงดัง “หุบปากกันได้แล้ว!” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะตะโกนและแน่นอนว่ามันได้ผลเพราะทุกคนต่างก็หุบปากกันไปในทันที
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิงเฟิงก็มองเย่เชียนด้วยยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “บอส!..มันเกิดอะไรขึ้น?..ทำไมบอสถึงได้นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลล่ะ?”
เย่เชียนก็กลอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “คุณรู้ข่าวเรื่องการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลของผมได้ยังไง?”
“ฉันเป็นคนบอกพวกเขาเอง” หลี่จื้อเทียนพูด “ผู้ช่วยของฉันบังเอิญพบนายที่โรงพยาบาลเมื่อคืนนี้..ฉันเองก็อยากจะมาเยี่ยมนายตั้งแต่ตอนนั้นแต่ฉันเห็นว่ามีคนอยู่กับนายหลายคนฉันเลยไม่อยากไปขัดจังหวะ..ฉันไม่คิดว่าเรื่องอาการบาดเจ็บของนายจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะงั้นฉันจึงติดต่อไปหาแจ็คและบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“แจ็ค!..อย่าบอกนะว่านายประกาศข่าวการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของฉันไปแล้ว” เย่เชียนนั้นหันไปมองที่แจ็ค ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างหลี่จื้อเทียนกับเย่เชียนนั้นค่อนข้างละเอียดอ่อนมากและถึงแม้ว่าจะเป็นการร่วมมือกันแต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ตายแทนกันได้ แต่มันก็ยังเป็นความร่วมมือในลักษณะที่เป็นประโยชน์ร่วมกันดังนั้นการปฏิบัติของหลี่จื้อเทียนที่มีต่อเย่เชียนจึงมีความห่วงใยโดยธรรมชาติ
หลังจากยิ้มเบาๆแจ็คก็พูดว่า “บอสการที่บอสเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมันเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะงั้นผมจึงต้องแจ้งพวกเขาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว..บอสคือจิตวิญญาณและเสาหลักของพวกเรานะ”
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระ..รีบโทรไปแจ้งพวกเขาโดยเร็วและบอกว่าฉันไม่เป็นไร..ฉันแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยพอได้พักสักสองสามวันก็หายแล้ว..บอกพวกเขาว่าไม่ต้องมากันแล้ว..นี่พวกนายว่างจนไม่มีอะไรทำกันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เมื่อเห็นรูปลักษณ์และการแสดงออกของเย่เชียนเช่นนี้แจ็คก็รู้ได้ว่าเย่เชียนกำลังพูดความจริงและเขาก็สบายดีไม่อย่างนั้นเขาจะไม่พูดหยอกล้อแบบนี้อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้แจ็คได้รับโทรศัพท์จากหลี่จื้อเทียนจนเขาถึงกับตกใจแต่โชคดีที่ได้เห็นเย่เชียนสบายดีเขาก็สามารถโล่งใจได้ในที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นแจ็คก็พยักหน้าตอบรับเย่เชียนอย่างเร่งรีบและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออกทีละสายเพื่อแจ้งข่าวอาการของเย่เชียนทันที
“พวกนายออกไปซะอย่ามาทะเลาะต่อหน้าบอส!” ม่อหลงหันไปเหลือบพี่น้องที่มาด้วยแล้วพูดต่อ “ที่นี่คือโรงพยาบาลเพราะงั้นอย่าเอะอะโวยวายแล้วก็อย่าสร้างปัญหาไม่งั้นก็อย่ามาโทษฉันโหดร้ายก็แล้วกัน” หลังจากพูดจบคนเหล่านั้นก็เปิดประตูและเดินออกไปทีละคน
ม่อหลงนั้นไม่ชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่ใช่ลูกน้องของม่อหลงแต่เป็นลูกน้องของชิงเฟิง แน่นอนว่าเย่เชียนเองก็ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้เพราะเขาเองก็รู้ได้ว่าคนเหล่านั้นต้องเป็นลูกน้องของชิงเฟิงเพราะชิงเฟิงเป็นคนที่ชอบโอ้อวดและต้องมีผู้คนมากมายรอบๆตัวเขา เนื่องจากชิงเฟิงเดินทางมาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ดังนั้นคนเหล่านี้จะต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังหูอย่างแน่นอน
“บอสไปโดนอะไรมา?..มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ” ม่อหลงถามด้วยความเป็นห่วง
เย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก..พลังปราณได้รับความเสียหายเล็กน้อย..แต่หลังจากได้พักสักสองสามวันมันก็หายดีแล้ว..พี่ม่อหลงลองเดาซิว่าผมไปเจอใครมา?”
“ใคร?” ม่อหลงถามด้วยความประหลาดใจ
“หยานซื่อฉุย..ผู้นำสำนักม่อจื๊อคนปัจจุบัน” เย่เชียนพูด
ทันใดนั้นความโกรธก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของม่อหลงและเจตนาฆ่าก็ระเบิดออกมาทั่วร่างกายของเขาทันที เห็นได้ชัดว่าม่อหลงนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความไม่พอใจต่อสำนักม่อจื๊อในปัจจุบัน หากไม่ใช่เพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนห้ามเขาเอาไว้ล่ะก็เขาคงจะรีบไปแก้แค้นในทันทีเพราะยิ่งระงับความเกลียดชังนานเท่าไหร่ความเกลียดชังมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นมากเท่านั้นและความเกลียดชังของม่อหลงที่มีต่อสาวกม่อจื๊ออธรรมเหล่านั้นก็รุนแรงอย่างยิ่ง
เป็นเวลานานแล้วที่ม่อหลงไม่สามารถค้นหาที่อยู่ของสำนักม่อจื๊อได้เพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกังวลเกี่ยวกับพลังของม่อหลงในตอนนี้ดังนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจึงไม่ได้บอกเขาถึงสถานการณ์ ด้วยเหตุนี้ม่อหลงจึงต้องระงับความโกรธของเขาเอาไว้และตอนนี้ หลังจากที่ได้ยินเย่เชียนพูดว่าได้พบกับใครบางคนจากสำนักม่อจื๊อและยังเป็นถึงระดับผู้นำอีกด้วยดังนั้นม่อหลงจึงโกรธเกรี้ยวและอยากที่จะพบกับคนๆนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ผมรู้ว่าพี่รู้สึกยังไงในตอนนี้แต่ผมแนะนำให้พี่อดทนรอก่อนเพราะฝีมือของเธอน่ะไม่ธรรมดาเพราะผมเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย..เพื่อประโยชน์ในอนาคตมันเป็นการดีกว่าที่จะไม่ให้เธอรู้ถึงการมีอยู่ของพี่” เย่เชียนพูด “เหตุผลที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะผมต้องการให้พี่รู้ว่าสำนักม่อจื๊อนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วและตราบใดที่โอกาสมาถึงเราค่อยมันก็ไม่สาย..ผมแค่ไม่อยากให้พี่เปิดเผยข้อมูลโดยไม่จำเป็น”
ม่อหลงย่อมรู้ดีถึงความหวังดีของเย่เชียนและมันก็เป็นเรื่องจริงหากข้อมูลของเขาถูกเปิดเผยภายใต้สภาวะที่มีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอมันจะไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนในอนาคต ดังนั้นม่อหลงจึงพยักหน้าแล้วพูด “แล้วเธอทำร้ายบอสหรือเปล่า?”
ชิงเฟิงก็กันไปมองเย่เชียนอย่างว่างเปล่าจากนั้นก็มองไปที่ม่อหลงและถามด้วยความประหลาดใจว่า “ใคร?..พวกคุณกำลังพูดถึงใครกัน?”
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เธอ..เธอแค่ต้องการทดสอบความสามารถของผมเฉยๆแต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เธอต้องการ..เรื่องนี้มันยาวเอาไว้ถ้ามีโอกาสผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็หันไปมองหลี่จื้อเทียนแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่หลี่ขอบคุณมากนะครับ..หลายปีที่ผ่านมาผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องอื่นๆจนปล่อยให้พี่ใหญ่ดูแลธุรกิจอยู่คนเดียว..ผมต้องขอโทษจริงๆและขอบคุณที่พี่ทำงานหนักเพื่อพวกเรา”
หลี่จื้อเทียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนแรกฉันชอบใจนายฉันก็เลยเลือกที่จะร่วมมือกับนาย..ฉันคิดว่าโอกาสในการร่วมมือของเรานั้นดีมากเพราะงั้นไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยอะไรแบบนั้นหรอก..อีกอย่างนายเองก็ทำในส่วนของนายได้เป็นอย่างดีแล้ว”
เย่เชียนรู้ดีว่าสิ่งที่หลี่จื้อเทียนกำลังพูดถึงคือปัญหาคาสิโนเพราะไม่มีใครคาดคิดว่านี่จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลกลางที่จงใจปล่อยข่าวและดึงดูดเงินทุนจำนวนมาก จากนั้นจึงออกนโยบายที่เป็นทางการจนผู้ลงทุนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ รัฐบาลกลางได้ให้นโยบายสิทธิพิเศษที่ดีบางประการ ด้วยเหตุนี้เหล่านักการเมืองจึงมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่แท้จริงในการเข้ามาลงทุนในธุรกิจเช่นนี้ “เงินเป็นเรื่องเล็กน้อย..ผมเชื่อในวิสัยทัศน์และความสามารถของพี่ใหญ่หลี่” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ขณะพูดถังซูหยานก็เดินเข้ามาจากประตูพร้อมกับเย่เจียอู๋และเย่เจิ้งเฟิงกับลูกชายของเขา เมื่อคืนถังซูหยานไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลแต่เธอพักในห้องผู้เข้าเยี่ยมในโรงพยาบาลและพักผ่อนอยู่ที่นี่ ซึ่งที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีห้องที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับสมาชิกในครอบครัวและทั้งหมดถูกจัดเตรียมตามการตกแต่งของโรงแรมระดับห้าดาว ผู้ป่วยที่สามารถมาโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ล้วนแต่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงและนักธุรกิจใหญ่ๆทั้งนั้น ดังนั้นโดยปกติแล้วมันจะไม่ใช่เงินจำนวนเล็กๆน้อยๆอย่างแน่นอน
เย่เจียอู๋กับเย่เจิ้งเฟิงและลูกชายของเขามาที่นี่เมื่อเช้านี้เพราะเย่เชียนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลดังนั้นเย่เจียอู๋จึงมาเยี่ยมอาการโดยธรรมชาติ ส่วนเย่เจิ้งเซียงไม่ได้มาเพราะเมื่อวานนี้หลังจากที่เย่เชียนมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับรถพยาบาลเย่เจียอู๋ก็ให้บทเรียนที่หนักหน่วงแก่เน่เจิ้งเซียงทันที ถึงแม้ว่าตอนนี้เย่เจิ้งเซียงจะเป็นผู้นำตระกูลเย่แต่เขาก็ต้องก้มตัวและเชื่อฟังเย่เจียอู๋อย่างเชื่อฟังเพราะคำพูดของเย่เจียอู๋นั้นชัดเจนมากและในอนาคตเย่เจิ้งเซียงไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสแม้แต่ปลายผมของเย่เชียนรวมทั้งอันซือกับเย่เหวินอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเย่เจียอู๋จะไม่ปรานีแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเย่เจิ้งเซียงก็เป็นลูกชายของเขาและเป็นผู้นำตระกูลเย่ในปัจจุบันดังนั้นในเวลานี้เย่เจียอู๋ยังคงต้องพิจารณาปัญหามากมายและเขาก็ไม่สามารถทำอะไรรุนแรงมากเกินไปได้
เมื่อเห็นคนสองสามคนยืนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยเย่เจียอู๋ก็ตกตะลึง แต่ด้วยการสืบค้นข้อมูลของต้วนห่าวเขาก็ได้ตรวจสอบรายละเอียดของเย่เชียนและรู้ว่าเย่เชียนเป็นผู้นำองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ดังนั้นเขาจึงเดาว่าคนเหล่านี้น่าจะเป็นพี่น้องของเย่เชียน
ม่อหลงและคนอื่นๆก็สงสัยเหมือนกันและเมื่อหันไปมองพวกเขาก็มึนงงอยู่เล็กน้อยแต่พวกเขาก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารูปร่างหน้าตาของเย่เชียนนั้นคล้ายกับคนเหล่านี้มากซึ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ
เย่เจียอู๋ก็เดินไปหาเย่เชียนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเชียนเอ็งเป็นยังไงบ้าง?..ฉันตำหนิลุงเอ็งไปแล้วเมื่อคืนนี้และเขาก็รู้ว่าเขาทำผิด..ฉันหวังว่าเอ็งจะไม่ขุ่นเคืองอะไรมากเกินไปเพราะฉันบอกลุงของเอ็งไปอย่างชัดเจนแล้วว่าห้ามยุ่งกับอันซือและเสี่ยวเหวินอีกในอนาคต..ไม่ต้องกังวลไปถ้าตราบใดที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ฉันขอสัญญาว่ามันจะไม่มีอะไรที่เลวร้ายเกิดขึ้นอีก”
“ในเมื่อคุณปู่พูดแบบนี้แล้วผมจะพูดอะไรได้อีกล่ะครับ..ทุกคนคือครอบครัวและผมเชื่อว่าลุงคงไม่ได้ตั้งใจเพราะงั้นผมก็ไม่มีอะไรค้างคาใจเหมือนกัน” เย่เชียนพูด
.
.
.
.