ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 817 ไม่กลัว
ตอนที่ 817 ไม่กลัว
ตั้งแต่เรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหูวเค่อและเย่เชียนแล้วความเกลียดชังของซงเจิ้งหยวนที่มีก็เพิ่มมากขึ้นและแน่นอนว่าเขาโกหกและใส่ร้ายป้ายสีเย่เชียนให้ฮัวหยาซินฟัง นอกจากนี้ซงเจิ้งหยวนก็รู้ดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งก่อนที่เย่เชียนนั้นถึงตัวตนของเขา ดังนั้นก็กลัวว่าเรื่องมันจะไม่จบอย่างง่ายดายและตระกูลเย่จะต้องส่งคนมาที่สำนักหยุนหยานเหมินอย่างแน่นอน อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ซงเจิ้งหยวนจึงวางแผนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆโดยการว่าร้ายตระกูลเย่ต่อหน้าฮัวหยาซินและจุดประสงค์ก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลเย่สามารถคุยกับฮัวหยาซินได้อีกแต่เขาก็ไม่คิดว่าเย่เชียนจะเป็นคนมาเอง
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะซงเจิ้งหยวนนั้นกลัวความผิดที่ไม่อาจแก้ตัวได้นั่นเอง
ความไร้เหตุผลของฮัวหยาซินนั้นทำให้เย่เชียนไม่สบอารมณ์อย่างมากและไม่ว่าสถานะของสำนักและตระกูลเหล่านี้จะสูงแค่ไหนเย่เชียนก็ไม่สนใจอีกต่อไปเพราะในจุดๆนี้เขาจะยอมแพ้ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ดิ้นรนได้อย่างไร จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “เรื่องในวันนี้มันไม่ยุติธรรมเลย..เรื่องทุกเรื่องบนโลกใบนี้มันจำเป็นต้องมีข้อมูลและหลักฐานเสมอ..ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่คนเก่งแต่ผมก็ไม่ใช่คนโง่..การที่คุณไม่ฟังคำใส่ร้ายโดยไม่ตระหนักถึงความจริงนั้นแสดงว่าคุณไม่มีวิสัยทัศน์และมองการณ์ไกล..แบบนี้มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย…ถึงแม้ว่าสถานะของตระกูลเย่ในโลกนี้จะไม่สูงเท่ากับสำนักหยุนหยานเหมินก็ตามแต่ก็ไม่ใช่ตระกูลที่จะถูกข่มเหงได้ง่ายๆ..คุณไม่รู้เลยเหรอว่าซงเจิ้งหยวนใช้ประโยชน์จากเวลางานเลี้ยงวันเกิดแอบมาขโมยกริชฉีจือเต๋าและพยายามจะฆ่าแม่ของผมด้วย?..หรือนั่นเป็นคำสั่งของเจ้านักหยุนหยานเหมินกัน?..ด้วยเหตุนี้ตระกูลเย่จึงส่งเราเพื่อมาถามความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น”
“เย่เชียนหยุดพูดเดี๋ยวนี้” หูวเค่อดุเสียงดังเพราะเธอรู้อารมณ์และนิสัยของอาจารย์ของเธอเป็นอย่างดี หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่มีที่ว่างให้เย่เชียนได้แก้ตัวเลยและเธอก็ไม่ต้องการให้เย่เชียนทิ้งชีวิตเอาไว้ในสำนักหยุนหยานเหมินแบบนี้เพราะไม่เพียงแต่ฉินหยูและคนอื่นๆจะไม่ยกโทษให้เธอเท่านั้นเพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้เลย
“เค่อเอ๋อ..ผมรู้ว่าคุณทำเพื่อผมแต่ตอนนี้คุณก็น่าจะเห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว..ไม่ใช่ว่าผมมาท้าทายอาจารย์ของคุณแต่เป็นอาจารย์ของคุณเองที่คิดจะท้าทายและยั่วยุผม” เย่เชียนพูด “ในที่สุดผมก็เข้าใจได้แล้วว่าทำไมปู่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงไม่ต้องการอยู่กับคุณเพราะผู้หญิงอย่างคุณไม่สมควรได้รับความรักจากใครสักคนและควรจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต!” ประโยคหลังเย่เชียนหันหน้าไปพูดกับฮัวหยาซินอย่างจริงจัง
“มันจบแล้ว..คงจบสิ้นแล้วสินะ” หูวเค่อพึมพำในใจด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวังอย่างมาก
ฮัวหยาซินถึงกับตกตะลึงและแปลกใจเมื่อได้ยินว่าซงเจิ้งหยวนไปที่บ้านตระกูลเย่แล้วแอบไปขโมยกริชฉีจือเต๋าแต่เมื่อเธอได้ยินประโยคถัดไปของเย่เชียนความโกรธของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเป็นจุดอ่อนของเธอ ซึ่งครั้งนี้เย่เชียนกลับพูดต่อหน้าเธอซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาทำให้เธอโกรธมาก “อยากตายมากสินะ!” ฮัวหยาซินตะโกนและพุ่งออกไปหาเชียนด้วยฝ่ามือ
“อาจารย์!…” หูวเค่อตะโกนแต่มันก็สายเกินไปที่จะหยุด ส่วนเย่หานหลินเห็นสถานการณ์นี้โดยแทบไม่ต้องลังเลใดๆเขาจึงเข้าไปขวางเย่เชียนเอาไว้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทักษะของฮัวหยาซินจะสูงแค่ไหนนั้นเย่เชียนแต่เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขาสู้หูวเค่อที่เป็นลูกศิษย์ไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับฮัวหยาซินกัน ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่คิดที่จะปล่อยให้เย่หานหลินมารับเคราะห์นี้เพื่อตัวเอง
“หลบไป!” เย่เชียนผลักเย่หานหลินออกไปด้วยมือข้างหนึ่งด้วยฝ่ามือ หากไม่ใช่เพราะเย่หานหลินที่เข้ามาขวางเย่เชียนก็อาจจะยังคงมีโอกาสหลีกเลี่ยงฝ่ามือของฮัวหยาซินแต่ตอนนี้มันไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้หลบและทำได้เพียงตั้งรับเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ซงเจิ้งหยวนผู้ซึ่งแอบดูอยู่ข้างนอกก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนและเขาก็ภูมิใจมากเพราะในใจของเราเย่เชียนนั้นหยิ่งผยองจริงๆเพราะเย่เชียนกล้าแม้แต่จะต่อสู้กับอาจารย์ของเขา ซึ่งนั่นไม่ใช่การมองหาความตายหรอกหรือ? เมื่อเห็นความตายกำลังจะมาเยือนเย่เชียนแล้วซงเจิ้งหยวนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นและตราบใดที่เย่เชียนตายไปหูวเค่อก็จะตกอยู่ในกำมือของเขาอย่างแน่นอน
หูวเค่อก็ไม่กล้ามองฉากข้างหน้าอีกต่อไปเพราะเย่เชียนนั้นแทบจะไม่มีโอกาสที่จะรอดภายใต้การโจมตีของฮัวหยาซินเลยและเธอเองก็ไม่สามารถหยุดมันได้อีกต่อไป
เมื่อถึงจุดวิกฤติมันก็สามารถเกิดปาฏิหาริย์ได้เสมอ ในตอนนี้สิ่งที่เหมือนถั่วเหลืองในจุดตันเถียนของเย่เชียนก็เริ่มหมุนอย่างบ้าคลั่งและพลังปราณของเย่เชียนก็เพิ่มขึ้นทั่วร่างกายของเขาในทันที ซึ่งพลังทั้งหมดส่งตรงไปยังฝ่ามือและมีเพียงเสียง “ปัง” จากนั้นร่างของเย่เชียนก็กระเด็นออกไปราวกับว่าวที่หักและล้มลงกับพื้นอย่างแรงแล้วสำลักเลือดออกมาเต็มปากและใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดในทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นหูวเค่อก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงเย่เชียนและถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เย่เชียนเป็นยังไงบ้าง?”ไอรีนโนเวล
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร..ผมยังไม่ตาย!”
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนยังคงพูดติดตลกได้หูวเค่อก็รู้ว่าเขานั้นไม่เป็นอะไรมากและในที่สุดความกังวลในหัวใจของเธอก็สงบลง จากนั้นเธอก็จ้องมองไปที่เย่เชียนและไม่ได้พูดอะไรใดๆแต่เธอใช้มือลูบหลังของเย่เชียนอย่างระมัดระวังเพื่อช่วยเขาบรรเทาอาการ
อย่างไรก็ตามพลังทำลายล้างของพลังปราณของเย่เชียนนั้นก็รุนแรงอย่างมากเพราะแท้ที่จริงแล้วพลังปราณของเย่เชียนได้หักล้างพลังทั้งหมดออกไปแต่อาจจะดูเหมือนอ่อนแอต่อสายตาทุกคนแต่ท้ายที่สุดแล้วนั่นก็ยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเย่เชียนเพราะเขายังไม่สามารถใช้มันได้อย่างเต็มที่ แต่เย่เชียนก็ไม่ง่ายดายอีกต่อไปและหลังจากนี้เส้นทางศิลปะการต่อสู้ตำราโบราณของเย่เชียนอาจกล่าวได้ว่าจะแตกต่างไปจากทุกคนโดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงไม่สามารถเปรียบเทียบและวัดระดับความแข็งแกร่งกับนักสู้ตำราโบราณคนอื่นๆได้
ทำไมเย่เจิ้งหรานถึงแสวงหาพลังอันชั่วร้าย? เย่เชียนเชื่อว่าเย่เจิ้งหรานพ่อของเขาจะต้องมองหาการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในศิลปะการต่อสู้และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่พลังอันชั่วร้ายนี้ก็ยังห่างไกลจากศิลปะการต่อสู้ตำราโบราณทั่วไปนัก
นอกจากนี้ยังมีพระนิรนามที่วัดหลิงหลงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนที่เย่เชียนเย่เชียนคิดว่าเขาเป็นเหมือนผู้เชี่ยวชาญด้านพลังและศิลปะการต่อสู้โบราณเพราะด้วยผนึกอันน่าเกรงขามที่ปลูกฝังในร่างกายของเย่เชียนนั้นทำให้เย่เชียนสามารถยับยั้งพลังอันชั่วร้ายในร่างกายของเขาได้ ความจริงแล้วพลังปราณของเย่เชียนนั้นแสดงให้เห็นว่าเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดาได้แล้ว ดังนั้นบางทีสิ่งที่เย่เจิ้งหรานเคยแสวงหาอยู่นั้นอาจจะเป็นขอบเขตศิลปะการต่อสู้ตำราโบราณที่ทุกคนและแม้แต่พระนิรนามก็อาจไม่รู้จัก
และคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของพลังอันชั่วร้ายและผนึกอันน่าเกรงขามที่สามารถพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดดนั้นเย่เชียนก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไร
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะถูกฝ่ามือของฮัวหยาซินโจมตีจนกระเด็นออกไปแต่นั่นก็ทำให้ฮัวหยาซินเองก็ถึงกับต้องตกตะลึงเพราะพลังที่เย่เชียนปล่อยออกมาหักล้างการโจมตีของเธอนั้นถึงกับทำให้เธอต้องถอยกลับไปสองสามก้าวและทำให้เธอพยายามต้านทานเพื่อให้ร่างกายของเธอมั่นคง แต่แขนของเธอยังคงชาตั้งแต่ข้อมือจนไปถึงไหล่ซึ่งทำให้เธอประหลาดใจและแปลกใจไปกับพลังของเย่เชียน ที่สำคัญกว่านั้นฮัวหยาซินก็รู้สึกได้ถึงพลังของปราณของเย่เชียนที่ออกมาเป็นคลื่นและกระทบร่างกายของเธอและมันก็ไม่ได้หยุดแค่นั้นเพราะมันกำลังกัดเซาะร่างกายของเธออย่างต่อเนื่องจนเธอรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้ฮัวหยาซินประหลาดใจอย่างมากและถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คาดว่าอวัยวะภายในของเธอจะได้รับความเสียหายจากพลังแฝงของเย่เชียนจนเธอไม่กล้าลังเลใดๆและรีบทำสมาธิรวบรวมพลังปราณของเธอเพื่อหมุนเวียนกำจัดพลังปราณของเย่เชียนออกไปจากร่างกายทันที
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนได้รับบาดเจ็บจากฮัวหยาซินเช่นนั้นเย่หานหลินก็ไม่ลังเลพุ่งไปที่ฮัวหยาซินอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่าทักษะของเย่หานหลินจะห่างชั้นกับฮัวหยาซินมากก็ตามแต่เขาก็ไม่มีความกลัวใดๆและยิ่งไปกว่านั้นเขาถูกส่งมาโดยผู้อาวุโสของตระกูลเย่เพื่อปกป้องเย่เชียนที่เป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลักแล้วหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเย่เชียนล่ะก็เขาจะไม่มีข้อแก้ไขใดๆเลย นอกจากนี้ในหัวใจของเย่หานหลินนั้นเขาได้รับรู้ถึงตัวตนของเย่เชียนในฐานะหัวหน้าและผู้นำแล้วดังนั้นไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เย่เชียนเป็นอะไปได้โดยเด็ดขาด
ในตอนนี้ฮัวหยาซินก็กำลังจัดการกับพลังปราณที่คุกคามของเย่เชียนในร่างกายของเธอและเธอก็ไม่สามารถตอบสนองได้เลย เพียงเสียง “ปัง” เท่านั้นเย่หานหลินก็โจมตีฮัวหน้าซินด้วยหมัดและส่งเธอกระเด็นออกไปในทันที เมื่อหมัดของเย่หานหลินกระแทกเธอนั้นมันไปขัดขวางการรวบรวมพลังในร่างกายของเธอจนทำให้เธอไร้การป้องกันใดๆจนเธอกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ฉากนี้สร้างความสับสนให้กับทุกคนและแม้แต่เย่หานหลินเองก็ไม่อยากจะเชื่อจนเขายกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาดูเพราะเขาไม่คิดว่าทักษะของเขาจะสูงกว่าเย่เชียนจนสามารถโจมตีฮัวหยาซินที่เป็นถึงเจ้าสำนักหยุนหยานเหมินได้
“อาจารย์!” หูวเค่อเองก็ตกใจเช่นกันดังนั้นเธอจึงรีบลุกขึ้นและรีบไปหาอาจารย์ของเธอทันที จากนั้นฮัวหยาซินก็เช็ดเลือดจากมุมปากของเธอและหันไปเหลือบมองที่เย่เชียน ซึ่งถึงแม้ว่าจะยังคงมีร่องรอยของความเกลียดแต่ก็ไม่เยอะเหมือนก่อนหน้านี้แต่กลับเป็นแววตาเห็นชอบโปรดปรานเสียมากกว่า
ซงเจิ้งหยวนที่เห็นฉากนี้จากด้านนอกก็ตกตะลึงมากเช่นกันแต่คราวนี้เขาคิดอะไรมากไม่ได้เขาจึงรีบเข้าไปใกล้ๆฮัวหยาซินแล้วแสร้งถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ท่านอาจารย์เป็นอะไรหรือเปล่า?” จากนั้นเขาก็หันไปมองที่เย่เชียนและเย่หานหลินแล้วตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า “หืม..พวกแกกล้ามาท้าทายสำนักหยุนหยานเหมินถึงที่เลยอย่างงั้นเหรอ?”
ทันทีที่เสียงนั้นจบลงเหล่าลูกศิษย์สำนักหยุนหยานเหมินหลายคนก็พุ่งเข้าไปในทันทีหลังจากเห็นอาจารย์ของพวกเขาได้รับบาดเจ็บและพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและอุทานว่า “ท่านอาจารย์…”
“จัดการมันสองคนซะ!..พวกมันกล้ามาสร้างปัญหากับสำนักหยุนหยานเหมินของเราและยังใช้วิธีสกปรกทำร้ายอาจารย์ของเราอีก!..อย่าให้พวกมันรอดไปได้!” ซงเจิ้งหยวนพูดอย่างมีชัย เดิมทีเขาไม่ได้หวังผลลัพธ์แบบนี้แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้เขาจึงคิดว่าควรใช้วิธีนี้ดีกว่าเพราะในเมื่อเย่เชียนทำร้ายฮัวหยาซินที่เป็นถึงเจ้าสำนักแล้วเพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีข้อแก้ตัวใดๆและไม่มีโอกาสที่เย่เชียนจะรอดไปได้อีก
“ใครกล้าก็เข้ามา!” เย่หานหลินตะโกนออกไปและยืนอยู่ข้างหน้าเย่เชียนทันที
“จัดการซะ!” ซงเจิ้งหยวนตะโกนสั่ง
“ท่านอาจารย์คะ…” หูวเค่อหันไปเหลือบมองฮัวหยาซินด้วยสีหน้าวิงวอน
ฮัวหยาซินก็มองไปที่หูวเค่อและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และคิดกับตัวเองว่า ‘เด็กคนนี้ช่างเหมือนกับตอนที่ฉันยังเด็กจริงๆ..มันโง่มาก’ จากนั้นฮัวหยาซินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆและโบกมือพร้อมกับพูดว่า “ปล่อยพวกเขาไป!”
ซงเจิ้งหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หันไปมองที่ฮัวหยาซินด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์..พวกเขา…เราจะปล่อยพวกเขาไปได้ยังไง..ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปศักดิ์ศรีของสำนักเราจะพังทลายเอานะครับ..ถ้าเป็นแบบนั้นสำนักหยุนหยานเหมินในอนาคตจะเป็นยังไง?”