ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 87 เรื่องราวของหลินโรวโร่ว
ในที่สุดการรับประทานอาหารค่ำก็จบลง
ซูไห่และเฉิงเฟิงเจิ้นยังคงไม่ชัดเจนเกี่ยวกับภูมิหลังครอบครัวของเย่เชียน ทั้งที่พวกเขาต้องการรับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้ แต่พวกเขากลับได้รับฟังแค่เรื่องราวความเป็นมาในวัยเด็กของเย่เชียนตลอดเวลาระหว่างทานอาหารค่ำกันตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าหากพวกเขารู้ว่าเย่เชียนเป็นผู้นำของกองกำลังเขี้ยวหมาป่าและหัวหน้าสูงสุดของกลุ่มเครือบริษัทน่านฟ้าแล้วล่ะก็ คงเดาไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
เมื่อเห็นเย่เชียนและหลินโรโร่วจับมือกัน ขณะที่กำลังแยกย้ายกันกลับ เฉิงเฟิงเจิ้นก็พูดขึ้นมาว่า “นี่คุณจะปล่อยให้โรโร่วไปที่โรงแรมกับเขาจริง ๆ เหรอ ?”
ซูไห่ยักไหล่และพูดว่า “ทำไมล่ะ ? พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ… เธอจะให้ฉันโทรไปหาน้องสาวฉันตอนนี้แล้วบอกว่าลูกสาวเธอกำลังไปโรงแรมกับผู้ชายเหรอไง ? ไม่ต้องหรอกหน่า… ฉันเชื่อว่าโรโร่วรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่”
เฉิงเฟิงเจิ้นอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “เฮ้อ… เมื่อใดก็ตามที่ผู้หญิงมีความรัก พวกเธอก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กอายุสามขวบ! ตั้งแต่โรโร่วได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ เธอดูจริงจังและหลงเสน่ห์เขามากเลยทีเดียว… แล้วเราจะรู้จักภูมิหลังครอบครัวของผู้ชายคนนี้ได้ยังไงกันล่ะ ?”
“ฉันว่าเรื่องนี้มันเกินมือเราไปแล้วแหละ… อีกไม่กี่วันน้องสาวฉันก็จะมาที่เมืองเซี่ยงไฮ้นี้แล้ว อะไรจะเกิดก็ให้พวกเขาไปจัดการกันเอาเองเถอะ เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องนี้พวกเราก็เป็นแค่คนนอกอยู่ดี” ซูไห่พูดอย่างจริงจัง
“เฮ้อ… ก็คงทำได้แค่นี้สินะ…” เฉิงเฟิงเจิ้นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
……
หลินโรโร่วเม้มปากของเธอพร้อมกับกลั้นหัวเราะด้วยท่าทางที่น่ารัก วันนี้พวกเขาทั้งสองผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ด้วยดี เธอจึงรู้สึกดีใจและมีความสุขจนแทบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้
“คุณหัวเราะอะไรน่ะ ?” เย่เชียนถามอย่างอ่อนโยน
“ก็… ฉันไม่เคยเห็นลุงกับป้าเป็นเหมือนวันนี้เลยน่ะสิ” หลินโรโร่วตอบ
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ “หึ ๆ ๆ แน่นอนสิ ก็ผมมีเสน่ห์ขนาดนั้นนี่นะ… แม้แต่ลุงกับป้าของคุณก็ยังต้องหลงใหลในตัวผมเลย คืนนี้ผมไม่ได้ทำให้คุณขายหน้าใช่มั้ย ?”
หลินโรโร่วมองเย่เชียนอย่างอ่อนโยนและตอบว่า “อื้ม คุณมีเสน่ห์มาก… และไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้ฉันต้องขายหน้าเลย คืนนี้ฉันมีความสุขมากเลยนะ ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ” หลินโรโร่วรู้ดีถึงนิสัยของเย่เชียนว่าการที่จะให้เขาพูดอย่างอ่อนโยนในคืนนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เย่เชียนหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดว่า “ถ้าคุณรู้สึกขอบคุณผมจริง ๆ ล่ะก็… อยู่กับผมต่ออีกสักพักจะได้มั้ยล่ะ ?”
สิ้นเสียงพูดของเย่เชียน พวงแก้มขาว ๆ ของหลินโรโร่วขึ้นสีแดงระเรื่อทันที
“ที่รัก… คุณนี่ช่างน่ารักจริง ๆ ผมมีความสุขมากรู้ไหม ?” เย่เชียนยิ้มจาง ๆ และใช้นิ้วอันเรียวยาวสะกิดจมูกของหลินโรโร่วเล่นเบา ๆ จากนั้นก็พูดว่า “ไปที่โรงแรมไฮแอทกันเถอะ ผมมีห้องสวีทสุดหรูติดริมแม่น้ำด้วย”
“เย่เชียน… เราไม่ต้องถึงขนาดไปโรงแรมกันก็ได้” หลินโรโร่วพูดอย่างเขินอาย เธอรู้ดีว่าเย่เชียนไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมเธอถึงพยายามที่จะปฏิเสธเขาเพื่อไม่ให้เขาต้องใช้เงินไปกับห้องสวีทวิวติดริมแม่น้ำแสนแพงนั่น แม้ว่าหลินโรโร่วจะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะ แต่เธอก็ไม่ได้มีนิสัยที่ชอบใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายเลย สำหรับเธอแล้ว ตราบใดที่เย่เชียนกับเธออยู่ด้วยกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องกินแต่ผักและอยู่ในกระท่อมมุ้ง มันก็ทำให้เธอมีความสุขได้
เย่เชียนรู้สึกประทับใจมาก เธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ ถ้าเขาพลัดพรากจากเธอไป เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วพูดต่อว่า “ไปกันเถอะ… ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเสียใจหรอก”
หลินโรโร่วไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเพียงแค่พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ และปล่อยให้เย่เชียนจับมือเธอเข้าไปในรถแท็กซี่ จากนั้นทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปที่โรงแรมไฮแอท
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเย่เชียนในการเข้าโรงแรมกับผู้หญิงสองต่อสอง แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เขารู้สึกประหม่าและตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เย่เชียนก็จูงมือหลินโรโร่วเข้าไปในห้องนอน
หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ
ทางด้านของเย่เชียนเองก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน เขาปล่อยมือจากหลินโรโร่วแล้วเดินไปตรงด้านข้างของหน้าต่างพร้อมทั้งเปิดม่านออก เขาตัดสินใจหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบมวนหนึ่งเพื่อเป็นการปรับอารมณ์ให้ตัวเอง มิฉะนั้นแล้วด้วยอารมณ์ที่ปั่นป่วนขนาดนี้ เขาอาจจะทำอะไรที่ต้องอับอายขายหน้าก็เป็นได้
ห้องนอนสวีทของโรงแรมนี้หันหน้าไปทางแม่น้ำหวงผู่โดยตรง และเมื่อผู้เข้าพักมายืนอยู่ที่หน้าต่างก็จะเห็นแม่น้ำหวงผู่ไหลผ่านเมืองเซี่ยงไฮ้ได้อย่างสบายหูสบายตา
เย่เชียนหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นค่อย ๆ หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างเพื่อพูด พร้อมกันนั้นเขาก็ปัดอากาศรอบ ๆ ตัวเองเบา ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน เพราะกลัวว่ากลิ่นควันจะลอยเข้ามาในห้อง
“ไม่เป็นไรหรอก… มาสูบที่นี่สิ” หลินโรโร่วพูด
เย่เชียนยิ้มและดับบุหรี่ทิ้งทันที เขาเดินไปนั่งลงข้าง ๆ หลินโรโร่วและหัวเราะอย่างซุกซนพร้อมทั้งพูดว่า “ราตรีสวัสดิ์นะที่รัก… ห้องที่เราอยู่กันคืนนี้น่ะมีมูลค่าหลายพันเลยนะ เพราะงั้นเราอย่าเสียเวลาดีกว่า เราไปนอนกันเถอะ”
หลินโรโร่วตัวสั่นเล็กน้อยและพูดว่า “ฉัน… ฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ”
เย่เชียนไม่ตอบแต่ดึงหญิงสาวลงมาบนเตียงและพลิกร่างกลับไปอยู่ด้านบนร่างของเธอ
“ว๊ายยยยยย…!” ถึงแม้ว่าหลินโรโร่วจะเตรียมใจมาแล้วก็ตามที แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตกใจ
เย่เชียนลูบหน้าผากและเส้นผมของหลินโรโร่วเบา ๆ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอีกครั้ง เธอหายใจเข้าออกอย่างแรงทำให้หน้าอกของเธอยุบพองขึ้นลง ริมฝีปากที่น่าลุ่มหลงของเธอเผยอเปิดออกเล็กน้อย
เย่เชียนเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยอมแพ้ต่อความน่ารักของเธอ เขาจึงบรรจงจูบเธอเบา ๆ แต่หลินโรโร่วเป็นคนขี้อาย เธอขยับตัวไปมาอย่างเชื่องช้าและการหายใจของเธอก็ค่อนข้างติดขัด
หลังจากเวลาผ่านไปไม่น้อยกว่าสามหรือสี่นาที เย่เชียนก็ค่อย ๆ ถอนจูบออก พร้อมกันนั้นก็เลียริมฝีปากของตัวเอง จากนั้นก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ให้ตายสิ… ริมฝีปากคุณนี่หวานจริง ๆ”
เย่เชียนพลิกตัวลงนอนข้าง ๆ หลินโรโร่วและเอาแขนของเขาเป็นหมอนให้เธอหนุน เขามองไปที่เพดานแล้วถามว่า “โรโร่ว… คุณบอกว่าพ่อแม่ของคุณอาจจะคัดค้านความสัมพันธ์ของเราใช่มั้ย ?”
เมื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินโรโร่วก็กังวลและเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ตอบว่า “ไหนคุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าความรักเป็นเรื่องของเราสองคน คนอื่นไม่สามารถเข้ามาขัดขวางหรือขวางกั้นพวกเราได้น่ะ”
เย่เชียนยิ้มจาง ๆ และถามว่า “พ่อแม่ของคุณเป็นคนแบบไหนเหรอ ?”
“ครอบครัวของฉันมีอิทธิพลมากมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของฉันแล้วล่ะ ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงกันทั้งนั้น ส่วนรุ่นของฉันก็มีแค่ฉันนี่แหละมั้งที่ไม่สนใจวิถีชีวิตแบบต้นตระกูล ไม่งั้นฉันคงไม่อ้อนวอนขอมาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในฐานะนางพยาบาลหรอก” หลินโรโร่วตอบและยิ้มอย่างมีเสน่ห์
จากนั้นเธอก็พูดต่ออีกว่า “จริง ๆ แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัวของฉันน่ะเป็นกังวลมาก พวกเขาต่างก็กลัวว่าตระกูลเราจะไม่มีผู้สืบทอดที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและทำให้ชื่อเสียงของตระกูลอ่อนแอลง เพราะฉะนั้นการแต่งงานทางการเมืองจึงเป็นหนทางเดียว ลูกพี่ลูกน้องคนโตของฉันก็ทำเพื่อครอบครัวไปแล้วคนหนึ่ง การแต่งงานสำหรับพวกเขานั้นไม่ใช่เพราะความรัก ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขามีความสุขอยู่หรือเปล่า สำหรับฉันน่ะนะ ฉันคิดว่าการแต่งงานมันควรจะเกิดจากความรักจริง ๆ…
อันที่จริงพ่อกับแม่ของฉันก็เคยพูดถึงการแต่งงานของฉันมาหลายครั้งแล้วล่ะ ผู้ชายที่พวกเขาต้องการให้ฉันแต่งงานด้วยก็คือลูกชายคนโตของผู้ว่าการเมืองเจียงซู เขาก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรนักหรอก คุณรู้มั้ยว่าทำไมพ่อแม่ของฉันถึงปล่อยให้ฉันมาอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้นี่คนเดียว ?”
เย่เชียนส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่ต้องการขัดจังหวะเธอ จึงเพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่เธอเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เขาฟัง
หลินโรโร่วยิ้มกลับอย่างมีเสน่ห์ แต่ร่องรอยของรอยยิ้มเธอนั้นเผยให้เห็นถึงความโศกเศร้าและความทุกข์ใจอย่างชัดเจน