CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 369 ความจริง (1)

  1. Home
  2. ยอดวิถีแห่งปีศาจ
  3. บทที่ 369 ความจริง (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 369 ความจริง (1)

ชั่วพริบตานั้นหยวนเฉิงเต้าตาแดงก่ำ เลือดลมพลุ่งพล่าน เขายกมือขึ้นในฉับพลัน

“ตายซะ! ปรโลกพิฆาต!”

พริบตานั้นปราณจริงแท้สีเหลืองสิบกว่าสายรวมตัวกัน กลายเป็นหอกยาวคมกริบสิบกว่าเล่ม แล้วพุ่งเข้าหาลู่เซิ่ง

หยวนเฉิงเต้ากระทืบเท้า กระตุ้นปราณจริงแท้ทั่วร่าง ทุ่มเทชีวิตโจมตีด้วยหนึ่งฝ่ามือ

ฟ้าว!

ฝ่ามือสีเหลืองแดงซึ่งมีควันเหลืองมากมายวนเวียน อ้อมผ่านคนวัยกลางคนชื่อชิงหยางผู้นั้น ก่อนจะโจมตีใส่ทรวงอกของลู่เซิ่งอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น

วินาทีนี้ หยวนเฉิงเต้าแทบจะทุ่มเททุกสิ่ง เขารู้ดีว่าด้วยคุณสมบัติของลู่เซิ่ง ถ้าหากตอนนี้ไม่ฆ่าอีกฝ่าย ภายหลังจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

อันดับหนึ่งแห่งสามสำนัก นั่นเป็นระดับอะไร?!

นั่นหมายถึงว่าลู่เซิ่งจะยกระดับอย่างน่ากลัวด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการ แล้วสุดท้ายจะไปถึงระดับที่เขาไม่อาจเอื้อมถึงอีกโดยใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบปี

เมื่อถึงเวลานั้น

‘โอกาสสุดท้าย…และเป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียว…!’ หยวนเฉิงเต้ามองสีหน้างุนงงของลู่เซิ่ง จิตใจไม่ยินดียินร้าย ลูกตายไปแล้ว คนรักก็ไม่มีแล้ว ขอแค่แก้แค้นได้ สิ่งอื่นจะมีความหมายอะไรอีก มีหรือไม่ ล้วนไม่มีความแตกต่างแม้แต่น้อย

สวบ!

อยู่ๆ เงาร่างของหยวนเฉิงเต้าก็หยุดนิ่งลงในพริบตา

เขาก้มศีรษะลงมองหน้าอกของตัวเอง มือข้างหนึ่งค่อยๆ ชักกลับ เป็นมือของชิงหยาง

คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ลู่เซิ่ง หากเป็นชิงหยาง

“ทั้งๆ ที่…ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ข้า…” เขาหมดเรี่ยวแรงพร้อมทั้งล้มลงกับพื้นเหมือนกับวิญญาณหลุดหาย จากนั้นร่างก็ค่อยๆ กลายเป็นสีดำ ก่อนจะสลายไปเป็นฝุ่นสีดำ

เมื่อครู่เขาคิดฆ่าลู่เซิ่งโดยที่ตัดสินใจตายแล้ว ลู่เซิ่งเพียงสร้างภาพหลอนเล็กน้อยด้วยจิตวิญญาณระดับจ้าวแห่งมาร คนที่อยู่รอบๆ ไม่มีใครสามารถจับได้

พลันทำให้เป้าหมายที่หยวนเฉิงเต้าพุ่งเข้าใส่กลายเป็นชิงหยาง

และสถานะของชิงหยางคือลูกของหยวนเจิ้งซั่งเหริน ดังนั้นบทสรุปจึงถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้ว

ชิงหยางที่เผชิญการลงมือสุดกำลังของยอดฝีมือระดับเดียวกัน ลนลานอยู่บ้างเช่นกัน ลู่เซิ่งจึงปรับระดับแรงในการลงมือของเขาเพียงเล็กน้อย

ดังนั้น แผนการฆ่าที่เกือบสมบูรณ์แบบจึงค่อยๆ ปิดม่าน ขนาดตายแล้วหยวนเฉิงเต้ายังไม่รู้ว่าตนตายได้อย่างไร

ตอนนี้ยอดฝีมือที่อยู่รอบๆ ซึ่งให้ความสนใจทางด้านนี้อยู่ เห็นเหตการณ์นี้แล้ว พากันผุดลุกขึ้นด้วยความสับสน ต่างก็ส่งเสียงฮือฮา

ถึงแม้ว่าระหว่างสามสำนักด้วยกันจะวุ่นวายยิ่ง แต่ว่าการตายอย่างกะทันหันของระดับผู้อาวุโสสักคนก็หายากถึงขีดสุด กลับนึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นผู้อาวุโสของสำนักผูกวิญญาณที่ต้องการแก้แค้น แต่สุดท้ายกลับถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาคนจำนวนมาก

เรื่องในครั้งนี้บันเทิงจริงๆ

ทว่านี่ก็เป็นเป้าหมายของลู่เซิ่งเช่นกัน

เพียงแค่ใช้จิตวิญญาณระดับจ้าวแห่งมารสร้างผลกระทบเล็กๆ บวกกับการยั่วยุผ่านคำพูดบางส่วน ผู้อาวุโสระดับจังหวัดที่ยิ่งใหญ่ก็ถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย แถมเขายังไม่ได้ลงมือเองอีกต่างหาก

ถึงแม้จะเป็นแค่คนที่มีพลังอ่อนแอ แต่ในเมื่อทำให้ตนไม่พอใจ ลู่เซิ่งก็ได้แต่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยทำให้หยวนเฉิงเต้ากับน้องชายของเขาลงไปพบกัน

“จ่างซุนชิงหยาง!” เจ้าตำหนักของสำนักผูกวิญญาณคนหนึ่งลุกพรวดขึ้นพร้อมกับตะโกนด้วยความโกรธ

“ข้า…” จ่างซุนชิงหยางเหลอหลาอยู่บ้างเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเมื่อครู่อีกฝ่ายจึงพุ่งตรงมาหาตน จากนั้นเขาก็ลงมือป้องกันตนเองโดยสัญชาตญาณ ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือ พลังต้านทานของหยวนเฉิงเต้ากลับอ่อนแอสุดขีด เพียงโจมตีก็…

เขาอึ้งงันไป

“ชิงหยาง…” หยวนเจิ้งซั่งเหรินผุดสีหน้าเหยเก แม้จะเป็นแค่ผู้อาวุโสระดับจังหวัดธรรมดาๆ แต่อย่างไรก็เป็นการบาดเจ็บล้มตายระหว่างสามสำนัก การที่สำนักพันอาทิตย์ค่อยๆ โน้มเอียงไปทางสำนักซ่อนธาตุไม่ใช่สิ่งที่ระดับสูงเช่นพวกเขาอยากเห็น

เขามาอยู่ในจุดสูงสุดของการสั่งสมพลังแล้ว หากเดินต่อไปก็จะถึงทางตัน สายเลือดและจิตวิญญาณของเขาเพียงสนับสนุนให้เขามาถึงขอบเขตนี้เท่านั้น อนาคตยังต้องดูพัฒนาการของเหล่าคนรุ่นหลัง และการพัฒนาของคนรุ่นหลังก็หนีไม่พ้นทรัพยากรและเงินทองจำนวนมาก ตอนนี้ความสัมพันธ์กับสำนักผูกวิญญาณเปลี่ยนแปลง เกรงว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อกิจการอย่างอื่น

ลู่เซิ่งยืนทำหน้าใสซื่ออยู่ด้านหลัง ฉวยโอกาสที่เหล่าผู้อาวุโสของสำนักพันอาทิตย์เข้ามาสอบถามจ่างซุนชิงหยางมองไปยังหยวนเจิ้งซั่งเหริน คนผู้นี้ต่างหากที่เป็นบุคคลแกนกลางของสำนักพันอาทิตย์ในจังหวัดไร้เหมันต์

หยวนเจิ้งซั่งเหรินคล้ายรับรู้ได้ถึงสายตา จึงหันมาพยักหน้าให้เขา

“ที่นี่ไม่มีเรื่องของเจ้าแล้ว กลับไปหาสถานที่พักผ่อนเองเถอะ ต่อจากนี้ต้องเป็นตัวแทนจังหวัดไร้เหมันต์ของพวกเราเข้าร่วมศึกช่วงชิงในจังหวัดอื่น จงอย่าทำให้พวกเราผิดหวัง”

“ขอรับ” ลู่เซิ่งพยักหน้าขานตอบ

“ศิษย์พี่ลู่ พวกเราไปก่อนเถอะ พี่ชิงหยางอย่างมากสุดก็ถูกลงโทษสักครั้ง ไม่เป็นอะไรมากหรอก” จ่างซุนหลันกระโดดมาถึงข้างกายลู่เซิ่งอย่างแผ่วเบา

นางสงสัยใคร่รู้ในตัวผู้เหี้ยมหาญที่โผล่มาอย่างกะทันหันผู้นี้มาก โดยเฉพาะหลังจากได้รับข้อมูลของลู่เซิ่งจากผู้เป็นตา นางก็สนใจมากกว่าเดิม

“ไม่ต้องห่วงหรอก ท่านเป็นศิษย์ของท่านผู้นั้น ต่อให้เกิดอะไรขึ้น ท่านก็ไม่มีทางโดนหางเลขไปด้วย” จ่างซุนหลันเห็นลู่เซิ่งยัง ‘กังวล’ อยู่บ้าง ก็กล่าวปลอบด้วยรอยยิ้ม

“ท่านตาข้าอยู่ที่นี่ ทุกอย่างล้วนไม่ใช่ปัญหา”

“หวังว่านะ ผู้อาวุโสชิงหยางคงไม่เป็นไรกระมัง เรื่องนี้อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ข้าก่อขึ้น ถ้าหากผู้อาวุโสชิงหยางถูกประณามเพราะข้า ข้าคงรู้สึกละอายใจ ดังนั้นหวังว่าผู้อาวุโสจะได้รับการชดเชยจากข้าในภายหลัง”

“พูดถึงเรื่องนี้…” สายตาที่จ่างซุนหลันมองลู่เซิ่งค่อนข้างแปลกประหลด “ครั้งนี้ท่านรีดไถศิษย์สำนักผูกวิญญาณสิบคน สำนักซ่อนธาตุแปดคน สำนักพันอาทิตย์สิบสองคน ทั้งหมดสามสิบคน ทุกคนจ่ายให้คนละสองหมื่นทองคำมาร…จุ๊ๆ…ช่าง…” นางไม่รู้เหมือนกันว่าจะบรรยายการกระทำของลู่เซิ่งในครั้งนี้อย่างไรดี แม้จะเข้าใจได้ แต่ก็รู้สึกตะขิดตะขวางใจ

“หกแสนทองคำมาร บวกกับหนึ่งแสนของพวกเจ้า รวมเป็นเจ็ดแสน เพียงแต่ได้มาส่วนเล็กๆ ก่อนส่วนใหญ่เป็นเพียงของมัดจำ”

“นี่ก็ร้ายกาจมากแล้ว ในสถานที่หลายแห่งเงินนี้สามารถซื้อเมืองเล็กๆ ได้เมืองหนึ่งเลยทีเดียว” จ่างซุนหลันกล่าวอย่างหมดคำพูด “ต่อจากนี้กลับไปพักผ่อนในหอคอยวิญญาณจริงแท้สักระยะก่อนเถอะ หอคอยวิญญาณจริงแท้สามารถใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ในช่วงแข่งขัน”

“อย่างนั้นหรือ?” ลู่เซิ่งพยักหน้า

“หรือท่านจะอยู่ที่นี่เพื่อดูผู้ท้าชิงคนอื่นๆ ลงมือก็ได้” จ่างซุนหลันแนะนำ “ตอนบ่ายที่นี่จะมีคนที่แข็งแกร่งที่สุดของจังหวัดวิญญาณโบยบินที่อยู่ใกล้ๆ ทำศึก ถ้าท่านสนใจก็สามารถมารับชมได้”

“ขอบคุณ” ลู่เซิ่งไหนเลยจะสนใจ เป้าหมายในการเข้าร่วมศึกช่วงชิงในครั้งนี้ได้บรรลุแล้ว เขาถึงขั้นไม่อยากเข้าร่วมการแข่งขันต่อจากนี้อีก เนื่องจากจะเป็นแค่การรังเด็กเท่านั้น เดิมทีคิดชิงอันดับแรกๆ เพื่อหาเงิน ทว่าตอนนี้ในเมื่อคิดวิธีจนหาทองคำมารมาได้มากมายปานนี้จนไม่ขาดเงินชั่วขณะ จึงไม่รีบร้อนแล้ว

ลู่เซิ่งจากมาอย่างเงียบๆ ภายใต้การนำทางของจ่างซุนหลัน ออกจากวัดตราทมิฬผ่านจุดส่งตัวที่ติดตั้งในวิหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง แล้วกลับไปถึงห้องที่เป็นจุดส่งตัวในสำนักพันอาทิตย์

เพิ่งจะก้าวออกจากห้องที่เป็นจุดส่งตัว ลู่เซิ่งก็เห็นหวังอวิ่นหลงที่ยืนรออยู่ด้านหน้าประตู ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ยังมีจ่างซื่อหลงที่มาจากเขตจันทราสารท กับบุรุษสตรีสำนักพันอาทิตย์ที่คุ้นหน้าอีกหลายคน ล้วนอยู่กันครบ

จ่างซื่อหลงมองเขาด้วยสีหน้าจนใจและกระอักกระอ่วน คนที่เหลือดวงตาฉายแววหลงไหลและนับถือ

“ศิษย์พี่ลู่…” หวังอวิ่นหลงเข้ามากล่าวทักทาย “เห็นท่านแสดงความน่าเกรงขามในศึกช่วงชิงแล้ว คนของเขตจันทราสารทเช่นพวกเราต่างก็รู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจ พวกเราคนที่มาจากเขตจันทราสารท ในที่สุดก็…”

เขาพูดน้ำท่วมทุ่ง ผลสรุปสุดท้ายคือหวังว่าลู่เซิ่งจะให้เกียรติไปงานเลี้ยงสุรา

“ตอนนี้ยังเร็วไป ข้ายังต้องเข้าร่วมศึกช่วงชิงต่อจากนี้อีก ไว้ทีหลังเถอะ หลังจากข้าเข้าร่วมการแข่งขัน ค่อยมาฉลองกับผู้เฒ่าจาง” ลู่เซิ่งทราบความหมายของพวกเขา แต่สิ่งที่เขาอยากจะทำที่สุดในเวลานี้คือการไปหาอาจารย์เชียนตู้ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาที่ต้องการ

“นี่ย่อมแน่นอนๆ!” จ่างซื่อหลงพยักหน้าติดต่อกัน ก่อนหน้านี้เขาจัดการเรื่องราวก่อนหน้าไม่ดี ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะอาจารย์ของเขาห้ามไม่ให้ใกล้ชิดกับลู่เซิ่ง แต่ของแบบนี้ถ้าเขาไม่ได้หวั่นไหวเหมือนกัน ไม่ว่าใครก็ห้ามไม่ได้

“นอกจากนี้ทางเขตจันทราสารทของพวกเรายังส่งข่าวมาด้วยว่า อีกเดี๋ยวจะมีการจัดการแข่งขันคัดเลือกคล้ายๆ กันนี้ขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นหวังว่าลู่เซิ่งเจ้าจะทำหน้าที่รับชม” ผู้อาวุโสงดงามคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างจางซื่อหลงกล่าวเสียงอ่อนโยน

“รับชมหรือ” ลู่เซิ่งประหลาดใจเล็กน้อย การรับชมเป็นการวิจารณ์ในโลกนี้ โดยจะชี้แนะตัดคะแนนให้แก่คนอื่นๆ ในการแข่งขัน ถือเป็นการวิจารณ์ที่จะตัดสินผลงานสุดท้ายของผู้เข้าแข่งขัน นึกไม่ถึงว่าเขตจันทราสารทจะยกระดับเขาขึ้นมาถึงขั้นนี้

“ถูกต้อง เจ้าสำนักอวิ๋นเป็นคนกำหนดเรื่องนี้ การเข้าร่วมเรือนด้านในเมื่อก่อนหน้านี้และการเข้าร่วมศึกช่วงชิงของเจ้า ได้สร้างความตกใจให้แก่พวกเจ้าสำนัก ตอนนี้พวกเขากำลังรับชมสถานการณ์การต่อสู้ทางด้านนี้อยู่ห่างๆ เช่นกัน” จางซื่อหลงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ตกลง ในเมื่อท่านผู้เฒ่าเจ้าสำนักออกปาก เมื่อถึงเวลาผู้เยาว์จะต้องไปแน่” ลู่เซิ่งพยักหน้า ภายหลังทางเขตจันทราสารทจะรับคนจากสำนักสำนักมารกำเนิดมาอีก จึงต้องสร้างรากฐานและเส้นสายให้ดี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่วางตัวตวนมู่หว่านไว้ตรงตำแหน่งนั้น พึงทราบว่าลูกสาวของราชาปีศาจอย่างตวนมู่หว่านเป็นมือดีในด้านการสื่อสารสร้างความสัมพันธ์ การวางตัวไว้บนเวทีเล็กๆ อย่างเขตจันทราสารทเป็นเรื่องน่าเสียดายจริงๆ

คนที่มีความสามารถในการสื่อสารโดดเด่นเหนือใคร ขอแค่มีเบื้องหลังและเวทีที่ดีพอ ก็จะสามารถงัดข้อกับขุมกำลังที่แข็งแกร่งขีดสุดได้

หลังจากลู่เซิ่งนัดแนะเวลากับพวกจางซื่อหลงเรียบร้อย และกำลังจะจากไป

“จริงสิศิษย์พี่ลู่ ข้าได้เจอสตรีที่ประหลาดมากนางหนึ่งในศึกช่วงชิง ศิษย์พี่ต้องระวังตัวไว้ ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้ถึงขีดสุดที่ศึกช่วงชิงในครั้งนี้จะมีฉากหลังอยู่” หวังอวิ่นหลงพลันส่งกระแสเสียงเตือน

“อ้อ?” ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้า

“สตรีนางนั้นมีผมยาวสีขาวอมเงิน พลังแข็งแกร่งถึงขีดสุด เสียงเหมือนมีบุรุษสตรีสองคนพูดซ้อนกัน ข้าได้แต่ปกป้องตนเองเมื่ออยู่ต่อหน้านางเท่านั้น” หวังอวิ่นหลงส่งกระแสเสียงด้วยรอยยิ้ม

เขาคิดจะตีสนิทกับลู่เซิ่ง ในฐานะองค์ชายแห่งพิภพมาร เขาสามารถสร้างผลงานในโลกมนุษย์ได้เท่าไหร่ ตัดสินกันที่สามารถสร้างช่องทางข่าวสารขึ้นที่นี่ได้มากขนาดไหน

พวกเขายินดีลงทุนทรัพยากรให้กับคนที่มีศักยภาพอย่างเต็มที่ แม้ก่อนหน้านี้ลู่เซิ่งเกือบจะฆ่าเขาทิ้ง แต่นั่นก็แค่การแข่งขันปะทะกันตามปกติ ไม่นับเป็นอะไรในสายตาของหวังอวิ่นหลง

บนโลกใบนี้ไม่มีศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ถาวร

คำพูดนี้ไม่ว่าเป็นพิภพมารหรือโลกมนุษย์ ก็ล้วนใช้กันทั่วไป

ลู่เซิ่งก็สัมผัสได้เช่นกันว่าท่าทีของหวังอวิ่นหลงมีทั้งความเป็นมิตรและความสนิทสนม เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ต้องทำให้มิตรกลายเป็นศัตรูเช่นกัน

“ขอบคุณศิษย์น้องมาก ภายหลังพวกเรามาทำความรู้จักกันให้มากๆ” ถึงอย่างไรก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มาจากเขตจันทราสารทและเข้าร่วมศึกช่วงชิงในจังหวัดไร้เหมันต์ด้วยกัน โชคชะตาแบบนี้เป็นวาสนาที่หายาก การได้สนิทกันถือว่าไม่เลว

หวังอวิ่นหลงรู้สึกยินดี จึงรีบพยักหน้า “นั่นเป็นเรื่องสมควร”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนที่อยู่กัน จากนั้นลู่เซิ่งก็เดินผละมา

พอออกจากห้องที่เป็นจุดส่งตัว ด้านหน้าก็เป็นลานกว้าง ผลึกหกเหลี่ยมขนาดมหึมาตรงกลางลานกว้างกำลังกะพริบแสงสีขาวที่เรืองแสงน้อยๆ นี่เป็นลานใจกลางในตอนที่พวกเขาเข้าสู่วัดตราทมิฬ

ลู่เซิ่งหันกลับไปมอง สถานที่ที่เขาออกมาเป็นส่วนเท้าของรูปสลักคนหนุ่มสูงชะลูดที่ถือเกาทัณฑ์พร้อมกับมองไปยังที่ไกล

……………………………………….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 369 ความจริง (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์