ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 578 ลงมือ (4)
บทที่ 578 ลงมือ (4)
ลู่เซิ่งแบกซาเจี๋ยขึ้นบนบ่า ขณะกำลังจะเดินหน้าต่อนั่นเอง
ทันใดนั้น
“จัวหลิน นายไม่เป็นไร…ใช่ไหม?!”
อยู่ๆ ก็มีนักเรียนหญิงหลายคนพุ่งออกมาจากระเบียงด้านข้าง คนที่อยู่ด้านหน้าสุดคือเซี่ยเฉิง
เดิมทีเซี่ยเฉิงทำหน้าเป็นห่วง แต่ดันเห็นลู่เซิ่งฟาดซาเจี๋ยจนสลบ แล้วแบกขึ้นบ่าในพริบตาที่พุ่งออกมาพอดี
ยังพูดคำพูดเป็นห่วงเป็นใยไม่ทันจบ ก็เกือบหยุดลงกลางคัน
ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น นักเรียนหญิงคนอื่นๆ ต่างลืมตาโต ทำท่าช็อกไม่กล้าเชื่อเช่นกัน
“เอ่อ…เซี่ยเฉิง…ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ!” ลู่เซิ่งรีบปล่อยมือที่วางบนสะโพกของซาเจี๋ยออก
น่าเสียดายที่เมื่อครู่เขาออกแรงมากไป ฝ่ามือจึงทิ้งรอยลึกห้าสายไว้บนกางเกงส่วนสะโพกของซาเจี๋ย…
“ฉัน…ฉันนึกไม่ถึงว่าพวกนาย…” เซี่ยเฉิงฝืนเค้นรอยยิ้ม
“เมื่อกี้ซาเจี๋ยตกใจเลยสลบไป ฉันคิดจะส่งเขาไปที่ห้องพยาบาลพอดี!” ลู่เซิ่งรีบเปลี่ยนหัวข้อ เพื่อจะโกหกให้แนบเนียน
สภาพนี้ทำให้เขาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านเจี๋ยเซิงมีเงิน และเจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะรู้เรื่องราวไม่น้อย เขาคงจะบีบคอมันให้ตายแต่แรกแล้ว
“อ้อ…พวกนาย…ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว…” เซี่ยเฉิงคิดจะถามต่อ เพียงแต่สายตาที่มองลู่เซิ่งประหลาดขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันไปก่อนล่ะ” ลู่เซิ่งหมดคำพูด ไม่ได้อธิบาย ก่อนจะแบกซาเจี๋ยเร่งฝีเท้าไปยังประตูโรงเรียน
ทิ้งพวกเซี่ยเฉิงที่ทำหน้างงวยเอาไว้
ลู่เซิ่งฉวยจังหวะวุ่นวายพาซาเจี๋ยออกจากโรงเรียนผ่านประตูเล็กด้านข้าง แล้วมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของอวี๋ชา
ที่อยู่ของอวี๋ชาคือห้องเช่าที่เปล่าเปลี่ยว สกปรก และราคาถูกแห่งหนึ่งใกล้โรงเรียน
ตอนที่ลู่เซิ่งเจอตัวเธอ เธอกำลังใช้มีดปลอกมันฝรั่งอยู่ และกำลังตั้งหม้อต้มมันฝรั่งและผักกาดเขียวไว้ข้างๆ แม้แต่น้ำมันก็ไม่มี
“หลินหลิน…เธอมาได้ยังไงเนี่ย?!” อวี๋ชาลุกขึ้นอย่างร้อนใจเพราะจัวหลินมาถึงอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งรีบซ่อนมันฝรั่งในมือไว้ด้านหลัง
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ตามฉันมา” ลู่เซิ่งกวาดตามองรอบๆ พอจะทราบคร่าวๆ แล้วว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
เขาเข้าไปฉุดมือของอวี๋ชาก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
อวี๋ชาที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างถูกเขาลากออกจากห้องเช่า
“ยังไม่ได้ปิดประตูเลย…”
“ไม่ต้องสนใจหรอก” ลู่เซิ่งมือหนึ่งลากซาเจี๋ยโดยจับคอเสื้อของเขาไว้ มือหนึ่งฉุดดึงอวี๋ชา เร่งฝีเท้าเดินไปยังทะเลสาบเล็กๆ ในเขตชานเมืองที่อยู่ใกล้ๆ
แผนการของจัวหลินในตอนแรกคือแอบสืบความจริงของการระเบิดในครั้งนั้น ความจริงเขาสืบเจอแล้วว่า การระเบิดครั้งนั้นเป็นแผนการขององค์กรที่มีชื่อว่าม่านเหล็ก
เพียงแต่องค์กรม่านเหล็กมีพลังระดับไหน ขุมกำลังเป็นอย่างไร ประวัติการก่อตั้ง มีสมาชิกกี่คน เขาล้วนไม่รู้
ตอนนี้ลู่เซิ่งจุติลงมาแล้ว จึงคร้านจะใช้วิธีการค่อยเป็นค่อยไป หากต้องการกวาดล้างอย่างตรงไปตรงมา!
จากการสืบค้นเมื่อก่อนหน้า ดูเหมือนม่านเหล็กจะมีขุมกำลังอยู่ในระดับสูงของโรงเรียนและระดับสูงของสถานีตำรวจในท้องที่
ดังนั้นลู่เซิ่งจึงคิดไปดูที่สถานีตำรวจก่อน ส่วนจะจับตัวม่านเหล็กอย่างไร เขามีแผนการในใจแล้ว
ลู่เซิ่งพาอวี๋ชากับซาเจี๋ยไปถึงทะลสาบน้อยนอกชานเมือง ก่อนจะนำชุดเกราะขนาดใหญ่ของตัวเองที่อยู่ใต้ก้นทะเลสาบออกมา จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังกลางเมืองโดยใช้พลังผสานควบคุมชุดเกราะให้ตามติดอยู่ด้านหลัง แล้วซ่อนตัวไว้ในท่อระบายน้ำในรัศมีพันเมตรของสถานีตำรวจ
ต่อมาเขาได้ให้อวี๋ชาเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งชั่วคราว ก่อนจะนำตัวซาเจี๋ยไปนั่งลงในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ตแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจอย่างเปิดเผย
ตอนนี้ซาเจี๋ยฟื้นขึ้นมาแล้ว ก่อนหมดสติยังอยู่ที่โรงเรียน แต่พอฟื้นแล้วกลับมาถึงหน้าสถานีตำรวจในท้องที่
ความแตกต่างนี้ทำให้เขาสับสนอยู่ชั่วขณะ
“เส้นสายกับขุมกำลังของม่านเหล็กที่อยู่ที่นี่แข็งแกร่งไหม” ลู่เซิ่งถาม
“นายคิดมากไปแล้ว ที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลไป๋ ม่านเหล็กแข็งแกร่งก็จริง แต่สหพันธฯ ต่างหากที่เป็นลูกพี่ใหญ่ ตระกูลไป๋เป็นมือสังหารตัวเป้งของสหพันธฯม่านเหล็กมีเส้นสายอยู่ที่นี่นิดหน่อยเท่านั้น” ซาเจี๋ยตอบกลับอย่างมึนๆ งงๆ
“อ้อ อย่างนั้นหรอกเหรอ” ลู่เซิ่งพยักหน้าเหมือนนึกอะไรออก
“นายคงไม่คิดพาฉันไปมอบตัวหรอกมั้ง” ซาเจี๋ยหัวเราะเสียงเย็น ดูเหมือนยังใจดีสู้เสืออยู่บ้าง “ขอบอกตามตรงนะ ”อธิบดีกรมตำรวจในตอนนี้เป็นลูกของรัฐมนตรีที่ชุบตัวมาจากเมืองหลวง ขึ้นชื่อเรื่องความทะนงตน นายมีแต่จะถูกยิงตายถ้าพาฉันเข้ามอบตัว ส่วนฉันก็แค่ตายไปพร้อมกับนายเท่านั้น”
“เจ้านั่นชื่ออะไร”
“ดูแรนท์ เคอรี่ นายถามไปทำไม”
“นายรู้โครงสร้างองค์กรม่านเหล็กไหม” ลู่เซิ่งถามอีก
“รู้แค่นิดหน่อย คนที่ถูกนายกำจัดทิ้งเมื่อกี้เป็นทูตฝุ่นละอองทั่วไปของฝ่ายปฏิบัติการณ์ที่อยู่ต่ำสุด แถมน่าอนาถชนิดที่ใส่ชุดเกราะไม่ทันด้วย ต่อมาเป็นสี่นายพลใหญ่ รวมถึงรองผู้คุมม่านและผู้คุมม่านที่อยู่สูงขึ้นไปอีก” รอบนี้ซาเจี๋ยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี บอกโครงสร้างองค์กรอย่างคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว
“เข้าใจแล้ว” ลู่เซิ่งค่อยๆ ลุกขึ้น “นายอยู่ที่นี่ ห้ามไปไหนล่ะ”
“เหอะ…” ซาเจี๋ยหัวเราะเย็นชา นึกว่าเขาโง่หรือไง ห้ามไปไหนงั้นเหรอ ขณะเขากำลังจะลุกนั่นเอง
อยู่ๆ เสียงดังกระหึ่มทึบหนักก็ดังมาจากด้านตรงข้าม
มือโลหะยักษ์สีดำที่ใหญ่ถึงสองเมตรข้างหนึ่งยื่นออกมาจากท่อระบายน้ำด้านหน้าสถานีตำรวจ จากนั้นก็จับขอบพื้น แล้วกระชากอย่างแรง
เปรี้ยง!
ยักษ์ปักหลั่นตัวหนึ่งกระแทกพื้นจนแตก แล้วคลานออกมาจากท่อระบายน้ำ
มันเป็นชุดเกราะยักษ์ที่สูงถึงห้าเมตร บนร่างมันมีหินสีดำและดินโคลนห่อหุ้มอยู่ไม่น้อย ดูหยาบกระด้างหนักอึ้งและป่าเถื่อนทรงพลัง
“ดูแรนท์ เคอรี่! ออกมาเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนกระเพื่อมเหนือสถานีตำรวจ
ตูม!
ชุดเกราะยักษ์ต่อยหมัดใส่ประตูของสถานีตำรวจ
ประตูแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วกระเด็นเข้าไปด้านใน
“ใคร!” ชุดเกราะมนุษย์สีเงินหลายตัวพุ่งออกมา ชุดเกราะทุกตัวถืออาวุธระยะไกลและระยะประชิดไว้หลากหลายชนิด
ส่วนใหญ่เป็นอาวุธเย็น ส่วนน้อยเป็นปืนสำหรับยิงระยะไกล
“ชุดเกราะอะไรกัน!?” ตำรวจทั้งหมดเพิ่งจะพุ่งออกมา ก็เห็นชุดเกราะสีดำขนาดยักษ์ที่สูงถึงห้าเมตรตัวหนึ่งส่งเสียงคำรามพร้อมกับขวางประตูเอาไว้ทันที
“ยิงหยั่งเชิงระยะไกลดูก่อน” มีคนออกคำสั่งเสียงดังอยู่ด้านหลัง
พวกตำรวจเหมือนค่อยตื่นจากฝัน รีบจัดเรียงแถว แล้วใช้ปืนที่มีแค่ไม่กี่กระบอกยิงใส่ผิวชุดเกราะดังปังๆ แต่กลับเกิดรอยยุบจางๆ เท่านั้น
จากนั้นปืนอาร์พีจีขนาดเล็กที่เหมือนกับปืนครกก็ระเบิดดังตูมๆ
แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์ ยักษ์ชุดเกราะสูงห้าเมตรกว่าๆ ฉีกประตูสถานีตำรวจออกเป็นชิ้นๆ แล้วพุ่งไปด้านหน้าด้วยวิธีการที่ป่าเถื่อน
“ฉัน! โคเฮนแห่งม่านเหล็ก! วันนี้จะให้แกได้ลิ้มรสความเจ็บปวดจากนรก!” ชุดเกราะยักษ์คำราม พร้อมสาวเท้าพุ่งไปทางตึกใหญ่ที่อยู่กลางสถานีตำรวจ
กระสุนปืนใหญ่เอามันไม่อยู่ อย่างมากสุดก็เพียงทำให้เกราะหลายชั้นในระดับผิวของมันพังเละทะ แต่หากจะทะลวงเกราะออก ในเวลาอันสั้นอย่าคิดฝันถึงเลย
“แกเป็นใครกันแน่!? โคเฮนแห่งม่านเหล็ก? อุกอาจขนาดนี้เชียว! ในสายตาแกไม่มีกฎหมายงั้นหรือ หรือว่าแกไม่กลัวการลงโทษจากกฎของสหพันธรัฐ”
ชายวัยกลางคนท่าทางเคร่งขรึมที่ไว้หนวดจิ๋มสีทองคนหนึ่งตะโกนขึ้นด้านหน้าประตูตึกใหญ่
“กฎหมายหรือ” ชุดเกราะหัวเราะลั่น “ในสายตาของคนจากม่าน กฎหมายไม่สำคัญ! สหพันธรัฐไม่สำคัญ กฎหมายงั้นเหรอ สหพันธรัฐถูกควบคุมด้วยพวกขยะแก่หงำเหงือกเท่านั้น ม่านเหล็กจะปกครองสหพันธรัฐในไม่ช้าก็เร็ว และทำให้โลกดำรงอยู่ท่ามกลางโลหิตและเหล็กไปตลอดกาล!”
เขาชี้ไปยังอีกฝ่ายทันที ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“ส่วนพวกแกจะกลายเป็นทาสของพวกเรา!” มันหัวเราะลั่น แล้วตะปบมือใส่ชายวัยกลางคนไว้หนวดจิ๋มสีทองคนนั้น
“แม่เจ้า!”ซาเจี๋ยที่อยู่ไกลออกไปชมดูจนอ้าปากตาค้าง นี่มันวางถาดขี้ลงบนหัวม่านเหล็กชัดๆ!
ต่อให้อธิบดีกรมตำรวจไม่เชื่อ แต่เสียงก็ดังไปเกือบครึ่งเขตแล้ว คนหลายแสนคนอาจจะมีครึ่งหนึ่งที่ได้ยิน ครั้งนี้ม่านเหล็กได้ดังระเบิดเถิดเทิงแน่
ต่อให้เบื้องบนไม่คิดทำอะไรม่านเหล็ก แต่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว
พึงทราบว่าเบื้องบนไม่ใช่พวกเดียวกับม่านเหล็กทุกคน ครั้งนี้อึกทึกครึกโครมเกินไป คำพูดของยักษ์ชุดเกราะตัวนั้นก็น่าตกใจเกินไปเช่นกัน
เขาจึงค่อยทราบถึงความเหี้ยมเกรียมของลู่เซิ่ง นี่เป็นแผนการเปิดเผยชนิดเห็นจะๆ ตาทีเดียว
ตัวลู่เซิ่งไม่มีช่องทางตรวจสอบม่านเหล็ก จึงกดดันให้รัฐลงแรงตามหาร่องรอยของม่านเหล็กให้
ตูม!
ในตอนที่ยักษ์ชุดเกราะกำลังจะจับชายวัยกลางคนคนนั้นนั่นเอง ก็เกิดการระเบิดขึ้นใต้แขนของเจ้ายักษ์อย่างแรง กระแทกแขนใหญ่ของมันให้ลอยขึ้นไปกลางอากาศทันที
เจ้ายักษ์ร้องอย่างเจ็บปวดพร้อมกับโซเซถอยหลังไปหลายก้าว ก้อนโลหะและเศษหินมากมายบนร่างร่วงตกลงพื้น
“แกอีกแล้ว! ไอ้ชั่วหน้าไม่อาย ฉันจะถลกหนังแล้วจับแกกินทั้งเป็นในไม่ช้าก็เร็ว!” ยักษ์ชุดเกราะคำราม แล้วล่าถอยอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง มันรีบออกจากสถานีตำรวจและหนีลงไปยังท่อระบายน้ำก่อนที่ฝั่งตำรวจจะเรียกอาวุธหนักออกมาจากคลังเก็บ
ซาเจี๋ยจึงค่อยเข้าใจว่า ไอ้หมอนี่มันไม่ได้คิดจะฆ่าอธิบดีกรมตำรวจแต่แรกอยู่แล้ว มันมาเพื่อประกาศความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของม่านเหล็กเท่านั้น
สำหรับกรมตำรวจ ครั้งนี้ดูเหมือนจงใจแสดงมากเกินไป แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้ด้วย
สำนักงานกรมตำรวจซึ่งเป็นหน่วยงานของประเทศและเป็นเทพผู้พิทักษ์ของประชาชนถูกคนบุกกลางวันแสกๆ แถมยังทำให้ตำรวจหลายคนได้รับบาดเจ็บอีก
ไม่ว่าอย่างไรผลลัพธ์แบบนี้ก็ต้องมีคนออกมารับผิดชอบ และเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของกรมตำรวจ เบื้องบนจะต้องหาองค์กรก่อการร้ายที่มีความสำคัญมากพอมามอบคำว่ากล่าวให้กับประชาชนอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นแบบนี้ ม่านเหล็กจะชนตอเข้าพอดี
“เป็นไง” ขณะที่ซาเจี๋ยกำลังงุนงง ก็ได้ยินเสียงลู่เซิ่งดังมาจากด้านข้าง
“การแสดงของฉันเป็นยังไงบ้าง” ลู่เซิ่งลูบคางพลางมองความวุ่นวายของกรมตำรวจที่อยู่ไกลออกไปด้วยรอยยิ้ม
ซาเจี๋ยได้สติกลับมา รู้สึกเหมือนว่าเพิ่งได้รู้จักเพื่อนร่วมชั้นที่ทำตัวเงียบขรึมแปลกแยกในชั้นเรียนคนนี้เป็นครั้งแรก
“นายทำแบบนี้…มีแต่จะทำให้ม่านเหล็กเก็บเนื้อเก็บตัวกว่าเดิม…” ซาเจี๋ยรู้สึกว่าเสียงแหบพร่าเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร ใช้ชื่อของม่านเหล็กสักหลายๆ รอบก็พอ” ลู่เซิ่งไม่ยี่หร่ะแม้แต่น้อย
ซาเจี๋ยค่อยค้นพบในวินาทีนี้อย่างแท้จริงว่า สถานการณ์ของตนในตอนนี้อันตรายขนาดไหน
เทียบกับองค์กรม่านเหล็กที่รักษากฎเกณฑ์ จัวหลินที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ก่อการร้ายที่อันตรายยิ่งกว่าอย่างแท้จริง
เพื่อบรรลุเป้าหมาย เขาทำได้ทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการ
การบุกเข้ากรมตำรวจเมื่อก่อนหน้านี้ หรือเขาจะไม่รู้ว่าความบ้าระห่ำแบบนี้จะทำให้ตำรวจธรรมดากับประชาชนเหล่านั้นบาดเจ็บล้มตาย
ไม่ ความจริงแล้วเขารู้
ซาเจี๋ยก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับลู่เซิ่งอีก
‘มันรู้ แต่ว่ามันไม่สนใจ…’
……………………………………….