CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 604 หัวใจแห่งโลหิต (2)

  1. Home
  2. ยอดวิถีแห่งปีศาจ
  3. บทที่ 604 หัวใจแห่งโลหิต (2)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 604 หัวใจแห่งโลหิต (2)

ตวนมู่หว่านพยักหน้า “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ มีพวกจอมอาวุโสอยู่รอบๆ แถมที่นี่ยังเป็นต้าซ่ง ไม่ใช่ต้าอินที่มีผู้เข้มแข็งมากมาย ต่อให้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงอะไร พวกจอมอาวุโสก็เอาอยู่”

ลิ่วซานจื่อเห็นด้วย สำหรับต้าซ่ง สำนักมารกำเนิดในตอนนี้เป็นขุมอำนาจยิ่งใหญ่ แค่ตัวตนระดับราชามารก็มีหลายตนแล้ว บวกกับอาวุธเทพที่ลู่เซิ่งทิ้งไว้คุ้มครองอยู่ ยังมีสำนักอริยะที่สามคอยดูแลอีก ขุมกำลังทั่วไปไม่อยู่ในสายตาจริงๆ

ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นต้าซ่งที่ระดับราชามารเป็นตัวตนขั้นสุดยอด

ลิ่วซานจื่อหวนนึกถึงอดีตที่คอยประคับประคองสถานการณ์ยากลำบากของสำนักเพียงลำพัง เทียบกับตอนนี้แล้ว เหล่าจอมอาวุโสที่เป็นตัวตนขั้นสุดยอดในหมู่ผู้ถืออาวุธหรือราชามารต่างก็เข้าร่วมสำนักมารกำเนิด

สำนักมารกำเนิดในตอนนี้เกือบกลับคืนสู่ยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว

นี่ยังไม่ได้นับเจ้าสำนักลู่เซิ่งที่ยังไม่ได้กลับมาอีก

ถ้าหากว่ารวมเจ้าสำนักคนปัจจุบันผู้นี้เข้าไปด้วย เกรงว่าจะใช้พลังปกครองต้าซ่งได้แล้ว

“จัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อน เจ้าสำนักจะต้องกลับมาแน่ ข้าเชื่อ” ตวนมู่หว่านกล่าวอย่างจริงจัง

นางแตกต่างจากคนอื่น บนตัวนางมีจุดสะกดที่ลู่เซิ่งติดตั้งเอาไว้

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ไกลออกไปก็พลันมีศิษย์คนหนึ่งวิ่งมา

“รายงานตัวแทนเจ้าสำนัก ด้านนอกมีคนขอพบขอรับ”

“หือ?” ตวนมู่หว่านผุดสีหน้าจริงจัง เพิ่งกลับมาก็มีคนมาหาแล้ว ข่าวยังไม่ทันกระจายออกไปเลยกระมัง ใครกันมาเร็วขนาดนี้

นางพลันนึกถึงเรื่องราวในอดีตส่วนหนึ่ง ดวงตาเปล่งประกาย

“ใครกัน”

“อีกฝ่ายบอกว่าเป็นคนรู้จักเก่าของเจ้าสำนัก เคยทำข้อตกลงกันมาก่อน” ศิษย์คนนั้นกล่าวอย่างประหลาดใจเช่นกัน “นอกจากนี้อีกฝ่ายดูมีอายุสิบเอ็ดสิบสองปีเท่านั้น…เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง” เขากล่าวเสริม

“อืม” สีหน้าของตวนมู่หว่านเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย “พาข้าไปดูที”

“ไม่จำเป็น ข้าเข้ามาแล้ว”

เสียงผู้หญิงที่เย็นชาเรียบเฉยตัดบทนาง เงาร่างเตี้ยเล็กที่สวมผ้าคลุมสีเทาสองสายเดินเข้ามาจากประตูทางเข้าถ้ำที่มืดครึ้ม

ผู้ที่เดินอยู่ตรงหน้าเป็นเด็กผู้หญิงผิวขาวที่งดงาม นางอย่างมากสุดมีอายุไม่เกินสิบกว่าปีตามที่ศิษย์คนนั้นบอกจริงๆ

คนที่อยู่ด้านหลังเด็กผู้หญิงเป็นเงาคนเตี้ยต่ำคลุมศีรษะคนหนึ่ง จึงมองไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง แต่ให้ความรู้สึกถึงอันตรายอย่างเลือนราง

“ข้ามาหาลู่เซิ่ง เขาเล่า ตอนนั้นเขาทำข้อตกลงกับข้าไว้แล้ว” เด็กผู้หญิงเหลียวมองซ้ายขวาหลังจากเข้ามา เหมือนประหลาดใจยิ่ง

ศิษย์สำนักมารกำเนิดที่อยู่รอบๆ เหมือนเผชิญศัตรูตัวฉกาจ ถูกคนแทรกซึมเข้ามาในสถานที่สำคัญโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แม้พวกเขาจะยังไม่ได้ควบคุมที่นี่โดยสมบูรณ์ แต่การกระทำแบบนี้เป็นการระทำที่อันตรายอย่างยิ่งต่อขุมกำลังทุกกลุ่ม

เกิดเสียงชักดาบดังเคร้งคร้าง ศิษย์สำนักมารกำเนิดค่อยๆ ย่างสามขุมเข้ามาทางนี้

“เอ่อ…เจ้าสำนักของพวกเราออกไปด้านนอกยังไม่กลับมา…ท่านมีชื่อว่าอะไรหรือ พวกเราจะได้แจ้งเขาได้ทันทีตอนที่เขากลับมา” ตวนมู่หว่านโบกมือบอกให้ทุกคนหยุด

อีกฝ่ายดูไม่มีเจตนาร้าย เพียงแต่ไม่อยากรอการรายงานเท่านั้น นางจะทำลายภาพประทับใจของสองฝ่ายลงก่อนไม่ได้

เด็กผู้หญิงขมวดคิ้ว “พวกเจ้าเรียกข้าว่าอันซาก็ได้ อย่างนั้นเจ้าสำนักของพวกเจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาได้บอกไว้ก่อนจะไปไหม”

“น่าเสียดายนัก…ไม่ได้บอกไว้…” ตวนมู่หว่านตอบ

“อย่างนี้นี่เอง…ตกลง ข้าจะกลับไปรอก่อน” อันซาหมุนตัวไปอย่างจนปัญญา ขณะกำลังจะจากไป อยู่ๆ นางก็หยุดอยู่ที่เดิม

“หือ เจ้าเป็นใคร” นางจ้องมองไปยังซากตึกหินแห่งหนึ่งในถ้ำ ตรงนั้นไม่มีใครอยู่แท้ๆ แต่นางกลับส่งเสียงถามโดยไม่มีสาเหตุ

ตอนนี้จอมอาวุโสที่เหลืออยู่ของสำนักมารกำเนิดต่างมาถึงกันหมดแล้ว คนหนึ่งในนี้คือราชาเงามืดที่เพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ลู่บนผิวดิน พริบตาที่เห็นอันซา เขาก็ตัวสั่นระริกและตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก

สาเหตุที่ราชามารอย่างพวกเขาเคยถูกจองจำและไม่มีใครช่วยเหลือ เป็นเพราะพวกเขาคือบริวารเก่าของอันซา ในฐานะจักพรรรดิมารที่ถูกผนึกเพียงคนเดียว เหล่าทหารชั้นสูงในสังกัดของอันซาย่อมถูกกดดันและลดทอนพลังอย่างโหดร้ายตามไปด้วย

ราชาเงามืดเป็นหนึ่งในนี้ แม้ก่อนหน้านี้เขาจะเป็นเพียงแม่ทัพตัวน้อยคนหนึ่ง แต่ก็เคยเห็นรูปโฉมอันสูงศักดิ์ของจักรพรรดิมารอันซาอยู่ไกลๆ

ดังนั้นเขาจึงจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร

แต่ตอนนี้อันซากลับไม่สนใจบริวารเก่าในอดีตของตัวเอง หากแต่จับจ้องซากปรักหักพังตรงนั้นเขม็ง

“ยังจะซ่อนต่อไปอีกหรือ” ม่านตานางกลายเป็นสีทองแวบหนึ่ง

สตรีผมยาวสีดำที่ร่างเป็นสีเทาคนหนึ่งยืนอยู่ในเงามืดตรงซากตึกหินอย่างสงบเงียบ พลางช้อนตาสีเทาขึ้นมองอันซา

“ลู่เซิ่งเป็นบริวารของข้า ข้ามาดูว่าเขาตายหรือไม่ ถ้าไม่ตายก็จะพาเขากลับไป” สตรีเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“บริวารของเจ้า” อันซาทำสีหน้าเยาะเย้ย “เจ้านึกว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิรัตติกาลที่ทำให้สุดยอดเจ้าแห่งอาวุธคนหนึ่งเป็นบริวารได้หรือ”

สตรีร่างเทางุนงง ก่อนจะกล่าวอย่างสับสนทันที

“เจ้าแห่งอาวุธหายากนักหรือ”

อันซาพลันเคร่งเครียด นางรู้แล้วว่าอีกฝ่ายมาจากไหน

“พวกเจ้า…” นางกัดฟัน ไม่ได้พูดอะไรอีก หากหมุนตัวพาคนอีกคนหายไปจากทางเข้าถ้ำ ถึงกับจากไปเช่นนี้

สตรีอาภรณ์เทามองดูนางจากไปอย่างมึนงงแต่ไม่ได้พูดอะไร

“ดูเหมือนจะตายไปแล้วจริงๆ” บุรุษร่างสูงใหญ่ที่สวมอาภรณ์ดำและหมวกสีดำคนหนึ่งปรากฏร่างครึ่งหนึ่งด้านข้างนาง

“ยืนยันแล้วก็ไปเถอะ” นางกล่าวอย่างราบเรียบ

“ทำไม เจ้ากังวลว่าข้าจะลงมือกับขยะเหล่านี้หรือ” บุรุษกล่าวเยาะเย้ย

“ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้เจ้าตายที่นี่เท่านั้น” สตรีอาภรณ์เทาเอ่ยอย่างเฉื่อยชา “เด็กผู้หญิงคนเมื่อครู่มีพลังแข็งแกร่งมาก ข้าเอาไม่อยู่”

บุรุษงุนงง ก่อนจะกัดฟัน ไม่ตอบโต้อะไรอีก

เขาทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

หนึ่งในสี่เสาแห่งพิภพมาร ตัวตนเช่นนี้ไม่ใช่ผู้ที่เจ้าแห่งอาวุธทั่วไปจะสู้ได้ อย่าว่าแต่เขายังไม่ใช่เจ้าแห่งอาวุธด้วยเลย

“ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าจะมาช่วยบริวารเพียงคนเดียวทำไม ไม่กลัวเหนื่อยหรือไง” บุรุษบ่นขณะหายเข้าไปในความมืด

สตรีอาภรณ์เทาไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงเม้มปากใคร่ครวญ

หอฟ้าเมฆาของสำนักนทีครามถูกทำลายไปพร้อมกับดาวเคราะห์แล้ว แถมยังลากหัวกะทิกลุ่มหนึ่งของโลกแห่งความเจ็บปวดไปด้วย คนร้ายถูกสืบเจอแล้วว่าเป็นเผ่าอสูรอินทรีราชสีห์แปดเศียร ว่ากันว่ากลไกตอบสนองของอารามในสำนักนทีครามได้ฆ่าภาพสะท้อนของมันทิ้งไป

เรื่องนี้ภายนอกดูเหมือนไม่เกี่ยวกับลู่เซิ่ง แต่นางเกิดลางสังหรณ์ที่อธิบายไม่ได้ขึ้น

กอปรกับอย่างไรนางก็เสียอัจฉริยะด้านการจัดการใต้อาณัติไป แม้ภายหลังจะหาได้หลายคน แต่ก็สู้ลู่เซิ่งไม่ได้อยู่ดี

เงียบงันสักพัก นางก็ปล่อยกลิ่นอายของตัวเองออกไปทางพวกเดียวกันในที่ลับ ซึ่งมีบางส่วนที่กระเหี้ยนกระหือรือจะลงมือ

เวลานี้หนวดของโลกแห่งความเจ็บปวดรวมถึงกากเดนของสำนักไตรอริยะเหล่านี้คล้ายกับคิดจะตีชิงตามไฟ

“ไสหัวกลับไปซะ! ต่อให้เขาตายแล้ว ก็ไม่ใช่ผู้ที่จะถูกขยะที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องโดนกำจัดอย่างพวกเจ้าจะแตะต้องได้…ไปเถอะ กลับได้แล้ว” นางมองเงาในความมืดกลุ่มนั้นที่ถอยจากไปอย่างรวดเร็วหลังถูกสยบ ตัวนางนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวจากมา

“นี่ แล้วเจ้ามานี่เพื่อทำอะไรกันแน่” บุรุษคนนั้นพลันกล่าวอย่างประหลาดใจ

“ช่วยสงเคราะห์ให้แก่บริวารเก่า” นางตอบ

“เจ้ามีน้ำใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” บุรุษรีบติดตามไป

…

นครตราชั่ง ถ้ำใต้ดินของข่ายภูเขามังกร

ปราณมารสีดำผืนใหญ่แผ่ขยายอย่างไม่หยุดยั้ง กลายเป็นค่ายกลสามมิติทรงตาข่ายขนาดใหญ่ใต้พันธนาการของค่ายกลโปร่งแสงแถบหนึ่ง

เส้นทางค่ายกลประกอบขึ้นจากปราณมาร

ลู่เซิ่งที่ลอยอยู่ตรงกลางมองดูผลึกมารอัคคีจำนวนมากที่ฝังอยู่ในค่ายกลบนพื้น ที่นี่ไม่สามารถหาผลึกพลังงานพิเศษที่เขาใช้ตอนอยู่ในสำนักมารกำเนิดได้ จึงใช้ผลึกมารอัคคีที่ควบคุมได้ยากกว่าแทน

ลู่เซิ่งคุ้นเคยกับการกางค่ายกลจุติดี เพียงแต่การเปลี่ยนผลึกมารอัคคีเป็นแหล่งพลังงานทำให้เขาต้องปรับแก้ค่ายกลเล็กน้อยเท่านั้น

รอจนกางเรียบร้อย ก็ผ่านไปสามวันแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสิบวันถึงจะหมดช่วงลาพักครึ่งเดือน

‘สิบวัน…มากพอแล้ว ทำตามแผนเดิมก็แล้วกัน หาโลกที่มีความแตกต่างของเวลามากที่สุดแล้วยกระดับจิตวิญญาณโดยเร็ว จากนั้นก็กลับไปก่อนจะถึงวันเก็บเกี่ยวของมารดาแห่งความเจ็บปวด’

ลู่เซิ่งคิดคำนวณในใจ พร้อมกับกระจายจิตวิญญาณออกไปตรวจสอบรายละเอียดของค่ายกลอย่างละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่ใดๆ อีกรอบ

ตรวจสอบอยู่ประมาณครึ่งชั่วยามกว่าๆ ในที่สุดลู่เซิ่งก็ทำการตรวจสอบครั้งสุดท้ายสำเร็จ

‘เริ่มต้นได้แล้ว’ เขาขยับจิตวิญญาณเล็กน้อย แมลงเม่าจำนวนมากพลันซ่อนตัวอยู่ในบริเวณรอบๆ หากเกิดสถานการณ์ผิดปกติขึ้น พวกมันจะรายงานมายังถ้ำใต้ดินได้ตลอดเวลา

จากนั้นค่ายกลป้องกันและค่ายกลกั้นเสียงก็คุ้มกันค่ายกลจุติไว้อย่างหนาแน่น

‘ยังมีเจ้าจวงจิ้วอีก…เหอะ มายาพิศวง สุดยอดนึกหรือไง’ ลู่เซิ่งย้อนนึกถึงราชามารสวรรค์ที่หลอกลวงเขาเมื่อก่อนหน้า ดวงตาสาดประกายเหี้ยมเกรียม

ที่แล้วมาเขาเป็นคนเอาเปรียบคนอื่นตลอด ครั้งนี้กลับเกือบถูกคนอื่นเอาเปรียบแล้ว

“รอข้าก่อนเถอะ ไม่นาน ไม่นานข้าจะกลับมา…” ลู่เซิ่งพึมพำและดีดนิ้ว

ชิ้ง!

ฉับพลันนั้นค่ายกลข้างใต้พลันเรืองแสงสีแดงหลายสาย ผลึกมารอัคคีที่ฝังตัวเข้ากับผืนดินส่องสว่างขึ้นมา

แสงสีแดงและกระแสความร้อนจำนวนมากรวมตัวกันที่จุดหนึ่ง หมุนวนไปตามลวดลายค่ายกล

ชิ้ง!

เกิดเสียงเบาๆ ดังขึ้น ร่องแยกสีเทาเปิดออกในทันใด แล้วลู่เซิ่งก็คว้าจังหวะหายเข้าไปด้านในทันที

ในร่องแยกสีเทาไม่มีนิยามด้านทิศทาง ลู่เซิ่งเพียงรู้สึกว่าเหมือนตัวเองว่ายวนอยู่ในมหาสมุทรสีเทา

วัตถุกึ่งโปร่งแสงที่พร่ามัวจำนวนมากไหลผ่านรอบๆ ตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว เขาเก็บจิตวิญญาณของตัวเองไว้อย่างมิดชิด ความจริงวัตถุกึ่งโปร่งแสงเหล่านี้เป็นทางเข้าร่องแยกของโลกต่างๆ

เพียงแต่เป็นเพราะว่ามีทางเข้าอยู่มากเกินไป เกิดเขายื่นจิตวิญญาณเข้าหา ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะถูกลากเข้าไปในโลกหรือจักรวาลที่แปลกหน้าโดยสมบูรณ์ทันที

ลู่เซิ่งรู้สึกได้ว่ามีพลังอันยิ่งใหญ่สายหนึ่งกำลังผลักดันตัวเองให้ลอยไปยังทิศทางที่กำหนดไว้อย่างมั่นคงจากด้านหลัง

ไม่นานเท่าไหร่ ผ่านไปราวสิบนาที หรือยี่สิบนาที

ก็มีแสงสีเทากลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาหา

กุ๊กๆ

ฮู้ๆๆ

ฮู้ๆๆ

ในโพรงไม้ขนาดใหญ่กลางทะเลป่าอันรกชัฏและมืดสลัว มีรังอยู่ติดกันหลายรัง กระต่ายตัวน้อยที่มีขนาดเท่ากำปั้นกำลังนอนหลับอุตุ ทั้งยังส่งเสียงประหลาดตลอดเวลา

ในตอนนี้เอง ด้านหลังร่างกระต่ายสีเทาตัวหนึ่งที่อยู่ตรงกลางก็มีร่องแยกสีเทาสายหนึ่งเปิดขึ้น จากนั้นกระต่ายสีเทาก็ลืมตา เผยให้เห็นดวงตาที่งงงวยเหมือนกับมนุษย์

……………………………………….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 604 หัวใจแห่งโลหิต (2)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์