ยอดสตรีฉางอิ๋ง - ตอนที่ 154-2 สะใภ้รู้กันอยู่ในใจ
ตอนที่ 154-2 สะใภ้รู้กันอยู่ในใจ
Xiaobei
รอจนนางไปแล้ว พวกนางหวงไม่เข้าใจเรื่องที่เกิด จึงเอ่ยเตือนเว่ยฉางอิ๋งไปว่า “เวลานี้ฮูหยินน้อยกำลังอยู่ในช่วงดูแลครรภ์ ท่านหมอเทวดาจี้ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าเครียด ฮูหยินน้อยสี่ก็หาใช่คนที่มีเหตุผลและอ่อนน้อมไม่ แม้ว่าสิ่งที่ฮูหยินน้อยพูดกับนางในวันนี้ล้วนเป็นคำพูดที่มีเหตุผล ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าฮูหยินน้อยสี่จะฟังหูซ้ายทะลุหูขวาหรือไม่? แล้วเหตุใดฮูหยินน้อยต้องเสียเวลามาเป็นห่วงนางเล่าเจ้าคะ?”
“ลูกที่เลี้ยงดูมาย่อมรู้คุณบิดามารดา” เว่ยฉางอิ๋งไม่คิดจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป …เพราะอย่างไรก็ดี เรื่องนี้ก็สำคัญและเกี่ยวพันกับเรื่องในวงกว้าง ตวนมู่อู๋เซ่อถูกเลิกราให้กลับบ้านแม่ มิใช่มาตายอยู่ในบ้านสามี เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นความเจ็บแค้นมหาศาลของตระกูลตวนมู่แห่งจิ่นซิ่ว แม้นางหวงและนางเฮ่อจะเชื่อใจอได้ แต่ซ่งไจ้สุ่ยเห็นว่าอย่างไรก็ควรต้องระวังไว้สักหน่อยเป็นดี ยิ่งมีคนรู้น้อยก็ยิ่งปลอดภัย
ฉะนั้นตอนนี้นางจึงวางท่าทีขึงขังและบอกไปว่า “ครานี้ ข้าต้องตกอกตกใจเพราะลูกของข้าคนนี้เสียจริงๆ จึงทำให้เข้าใจว่าจิตใจของคนเป็นแม่นั้นต้องทั้งรักทั้งสงสารและทะนุถนอมลูกเพียงใด! ดังนั้น เมื่อได้เห็นน้องสะใภ้สี่มาหาเมื่อครู่นี้ ข้าก็นึกไปถึงว่านางถูกตวนมู่อู๋เซ่อวางแผนเป่าหูมาตั้งแต่ก่อนแต่งเข้าบ้าน จนเป็นเหตุให้การแต่งงานใหม่ที่น่ายินดี กลายเป็นเกิดเรื่องทะเลาะกันจนทั้งสองฝ่ายต่างไม่สงบ แม้ว่าวันนี้เรื่องจะผ่านไปแล้ว ทว่าอย่างไรก็ยังคงมีรอยร้าวอยู่ และรอยร้าวนี้ตวนมู่อู๋เซ่อมีส่วนทำให้เกิดขึ้น ทว่าน้องสะใภ้สี่เองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน ยามนี้ หากต้องการแก้ไขทุกเรื่องให้หมดไป ก็ยังต้องให้น้องสะใภ้สี่เป็นคนเริ่มต้นก่อน”
แล้วพูดปลงอนิจจังว่า “ก่อนนี้เห็นท่านแม่ต้องเสียใจจนล้มป่วยด้วยเรื่องของ น้องสะใภ้สี่ ก็นึกว่าท่านแม่เพียงแค่โมโหหนัก เวลานี้ตั้งท้องเอง จึงรู้ว่าการที่ท่านแม่โกรธนั้นเกรงว่าจะเป็นเพียงเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดกลับคือเสียใจ อย่างไรเสียน้องชายสี่ก็เป็นท่านแม่เลี้ยงดูมาจนโต น้องสะใภ้สี่ก็ยังเป็นท่านแม่ไปเลือกสรรมาเป็นหลานสะใภ้ด้วยตนเอง การที่ทั้งสองคนนี้ไม่เข้าและเข้าใจผิดท่านแม่ ท่านแม่ย่อมต้องเสียใจมากกว่าเคืองโกรธ ข้าคิดว่าหากน้องสะใภ้สี่รู้สึกเสียใจจริงๆ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดที่สามารถปลอบใจท่านแม่ได้บ้างก็เป็นเรื่องดี อย่างไรเสียทุกคนก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ท่านแม่เห็นน้องชายสี่เป็นดังเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ เสมอมา ย่อมหวังให้พวกเขารู้ความ”
คำพูดที่น่าฟังเช่นนี้ พวกบ่าวย่อมไม่ใช่เพียงแค่กล่าวชมเชยกันอยู่แต่ภายในเรือนจินถงแล้วก็สิ้นเรื่องไปเท่านั้น ไม่ถึงสองวันเรื่องนี้ก็แพร่ไปจนถึงหูของฮูหยินซู ในเวลาเดียวกันข่าวว่ายามนี้เผยเหม่ยเหนียงไม่ได้จงใจหลบหน้าเสิ่นจั้งจู ทั้งวันไม่ออกจากบ้าน แต่กลับคอยดูแลปรนนิบัติเสิ่นจั้งจูอยู่อย่างเคารพนบนอบ
ฮูหยินซูได้ฟังแล้วทั้งยินดีทั้งสบายใจ แต่ก็ต่อว่าเว่ยฉางอิ๋งไปก่อนว่า “เด็กคนนี้ถูกแม่เฒ่าซ่งประคบประหงมชนิดริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมมาจนโต แม้ยังไม่ใคร่รู้ความเพราะอายุยังน้อย ตั้งท้องตั้งสามเดือนแล้วกลับยังไม่รู้ตัว! ทว่าเด็กที่เติบโตมาอย่างไร้ความทุกข์ความกังวล ก็กลับรักษาดวงใจที่ใสบริสุทธิ์ดังเด็กแรกเกิดเอาไว้ได้ จึงรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นที่สุด! ก็มิน่าเล่าที่แม่เฒ่าซ่งรักหลงนาง”
แม่นมเถาสำทับไปว่า “ฮูหยินกล่าวถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ฮูหยินน้อยสามอยู่ในสถานการณ์อันตราย โชคดีที่จี้ชวี่ปิ้งฝีมือล้ำเลิศ เวลานี้กำลังพยายามรักษาครรภ์เอาไว้เต็มกำลัง ทว่ากลับยังไม่ลืมมาเป็นห่วงฮูหยิน ไม่รู้สึกว่าต้องเปลืองแรงไปสนทนากับฮูหยินน้อยสี่อยู่เป็นนาน เพื่อตักเตือนให้ฮูหยินน้อยสี่ปรับปรุงตัวเสียใหม่ …หากมิใช่เพราะกตัญญูอย่างจริงใจแล้ว ก็จะไม่มีทางเอาใจใส่อย่างถี่ถ้วนเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”
“ฉางอิ๋งย่อมเป็นคนดี” ฮูหยินซูพยักหน้า จากนั้นพอเอ่ยถึงเผยเหม่ยเหนียง สีหน้าสบายใจบนใบหน้ากลับค่อยๆ เลือนหายไปจนหมด แล้วเอ่ยอย่างดูแคลนไปว่า “เพียงแต่ อย่างไรนางก็ยังเด็กจึงได้ตกหลุมพรางของนางเผยเสียแล้ว! แม้ตระกูลเผยจะอยู่ในลำดับตระกูลใหญ่เท่านั้น ทว่าก็ต้องเข้าใจจารีตธรรมเนียม นางเผยถูกหมั้นหมายให้จั้งฮุยมาเมื่อหลายปีก่อนแล้ว บ้านเผยจะไม่เร่งอบรมสอนสั่งนางเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติรึ? ถ้านางเป็นคนที่ฟังคำสอนรอบหนึ่งก็บรรลุได้จริง ก็ไม่ต้องถึงคราวเว่ยฉางอิ๋งมาสอนสั่งนางหรอก ผู้ใหญ่ในบ้านเผยของนางย่อมต้องสอนสั่งนางจนเชื่อฟังมาได้ตั้งนานแล้ว!”
แม่นมเถาคิดใคร่ครวญรอบหนึ่ง จึงเอ่ยเสียงหนักว่า “ฮูหยินหมายความว่า…?”
“ก่อนหน้านี้ นางคงนึกว่าเมื่อปะเหลาะจั้งฮุยให้ว่าตามนางไปทุกเรื่องได้แล้ว ก็จะสามารถเป็นนายผู้หญิงดูแลจวนเซียงหนิงปั๋วได้แล้ว! แต่กลับไม่คิดว่าแม้เหนือนางขึ้นมาจะไม่มีแม่สามีแท้ๆ และข้าซึ่งเป็นป้าใหญ่ผู้นี้ก็ไม่สะดวกจะไปดูแลควบคุมนาง ทว่าพ่อสามีนางกลับหาได้เลอะเลือนไม่!” ฮูหยินซูแค่นเสียงหึออกมาหนหนึ่ง กล่าวว่า “น้องรองชิงอำนาจการดูแลบ้านเรือนของนางมาให้จั้งจู เวลานี้นางมีเพียงตำแหน่งสะใภ้ใหญ่กลวงๆ ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่อาจไปถามไถ่ได้ ทุกคนในจวนเซียงหนิงปั๋ว นอกจากจั้งฮุยแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมีสีหน้าดีๆ ให้นางสักคน แล้วนางเป็นคนที่สามารถมีชีวิตอยู่เช่นนี้ได้รึ? เห็นหรือไม่ พอมีข่าวฉางอิ๋งตั้งท้องแพร่ออกมา ที่สุดนางก็หาโอกาสได้แล้ว!”
ฮูหยินซูกล่าว “หาไม่แล้ว ยังจะเป็นอย่างไรได้อีก? เกรงว่านางเผยผู้นี้คิดจะยอมอ่อนข้อมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ตัวนางเองก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองก่อเรื่องไว้หนักหนาสาหัสเกินไป เมื่อคิดจะปรับปรุงตัวใหม่ แล้วจะง่ายดายเช่นนั้นได้ที่ใด? พวกเราก็ไม่แน่ว่าจะสนใจนาง ปรากฏว่าครานี้ฉางอิ๋งมีข่าวดี นางจึงวิ่งไปแสดงความยินดี อาศัยจังหวะที่ฉางอิ๋งตักเตือน นางก็รีบตกปากรับคำไปเสีย เวลานี้ก็ไปประจบจั้งจู หนหน้าก็ไม่แน่ว่าอาจมาหาข้าด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนหาเรื่องมาพูดได้อยู่แล้ว จั้งจูต้องให้อภัยนางในเรื่องต่างๆ อยู่แล้ว เพราะจั้งจูเห็นแก่หน้าฉางอิ๋ง…ว่ากันตามตรงแล้ว ฉางอิ๋งก็ไม่ใกล้ชิดกับนางเท่าน้องชายแท้ๆ จึงไม่เหมาะจะไม่ไว้หน้านาง และด้วยกลัวว่าหากนางเผยไม่ได้รับการให้อภัยก็จะวิ่งไปฟ้องกับฉางอิ๋ง จึงทำได้เพียงต้องสนใจนางแล้ว”
แม่นมเถาจึงถามว่า “แล้วฮูหยินจะทำเช่นใดเล่าเจ้าคะ?”
“ในเมื่อไม่อาจให้นางกลับบ้านไปได้ และจะคอยเอาแต่แข็งขืนอยู่ร่ำไปก็ไม่ดี เพราะอย่างไรนางก็เป็นสะใภ้คนโตของน้องรอง” แม้ฮูหยินซูจะยังรู้สึกไม่สบายใจ แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงทอดถอนใจคำหนึ่งว่า “จั้งจูมาดูแลบ้านเรือนชั่วครู่ชั่วยาวก็พอได้ ทว่าก็ไม่มีทางไม่ให้นางเผยมารับช่วงต่อไปชั่วชีวิต ที่สุดยามนี้นางเผยก็สำเหนียกแล้วว่านางควรเจียมเนื้อเจียมตัว …อย่างไรก็ดีกว่าที่นางจะมาวางท่าแข็งขืนสุดชีวิต วันหน้าเมื่อมีลูก ค่อยอาศัยลูกๆ มาชิงอำนาจกลับไปเป็นดีกว่า ถึงยามนั้น เพื่อหลานปู่แล้ว น้องรองก็ต้องกลัวว่าขว้างหนูแล้วจะโดนของแตก เรื่องนี้ก็เอาดังนี้เถิด!”
แม่นมเถาเอ่ยว่า “ข้าน้อยรู้สึกว่า แม้การที่ฮูหยินน้อยสี่ทำเช่นนี้จะเป็นการใช้ประโยชน์จากฮูหยินน้อยสาม ทว่านางก็ช่วยสร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้แก่ฮูหยินน้อยสามนะเจ้าคะ”
“เรื่องนี้กลับจริงดังว่า” ฮูหยินซูพยักหน้า กล่าวว่า “ฉางอิ๋งเองก็ควรได้รับชื่อเสียงที่ดีงามอันนี้ จะว่าไปแล้วครั้งฉางอิ๋งอยู่ที่บ้านแม่ก็ถูกเอาอกเอาใจมากกว่านางเผย ว่ากันเรื่องคุณธรรมความดีของสะใภ้นับแต่แต่งเข้ามา กลับไม่รู้ว่าฉางอิ๋งดีกว่านางเผยอีกมากมายเท่าใด! ตระกูลเผยแห่งยิวโจวก็เป็นเพียงชั้นตระกูลใหญ่ มาตรฐานการอบรบบุตรหลานก็มิใช่จะห่างไกลกว่าตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจวเป็นหมื่นแปดพันลี้? ในเสียงร่ำลือบอกว่าแม่เฒ่าซ่งรักเอาใจฉางอิ๋งประหนึ่งแก้วตา แม้จะเป็นดังนี้ แต่นางกลับยังสามารถอบรมหลานสาวให้เพียบพร้อมทั้งจริยธรรมและความงามจนหาที่ติไม่ได้ จนกลายมาเป็นภรรยาแสนดีที่ไร้ความละอายใจใดๆ ส่วนนางหมิ่นแม่ของนางเผยที่บอกว่าตนเองเข้มงวดกับนางเผยอย่างยิ่ง อบรมมาอย่างเคร่งครัดจนถึงขั้นมีมาตรฐานที่สูงลิ่ว เจ้าดูสิ ว่านางอบรมสิ่งใดออกมา!”
______________________