ยอดสตรีฉางอิ๋ง - ตอนที่ 205-1 การแต่งงานของหมิ่นอีนั่ว
ปล่อยข้าออกไปนะ! ปล่อยข้าออกไป! นางหมิ่น นางโจว นี่พวกเจ้ากล้ารึ! พวกเจ้าบังอาจนัก! เว่ยฉางเจวียนตบประตูห้องเต็มแรง กรีดร้องประหนึ่งเสียสติ พวกเจ้าเป็นพี่สะใภ้ของข้าก็จะขังข้าไว้ในนี้ได้รึ?! นี่พวกเจ้ากล้าทำกับเข้าเช่นนี้! เห็นข้าเป็นนักโทษรึ?! พวกเจ้านังแพศยาสองคนนี้! พวกเจ้าไม่มีวันตายดีแน่!
ข้างนอกกำแพง นางหมิ่นและนางโจวใบหน้าเขี้ยวคล้ำ กำชับบ่าวชราที่เฝ้าประตูว่า ดูคุณหนูเจ็ดไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น ล้วนห้ามให้นางออกมา รู้แล้วหรือไม่?
นางหมิ่นพูดเสริมไปอย่างเย็นเฉียบว่า หากพวกเจ้าตั้งมากมายก็ยังดูคนคนเดียวไม่อยู่ เช่นนั้นเลี้ยงพวกเจ้าไว้ก็ไร้ประโยชน์แล้ว เข้าใจหรือไม่?!
นับแต่นางตวนมู่เสียไป เรื่องต่างๆ ในจวนล้วนเป็นพวกนางสองคนกำกับดูแล ยามนี้เมื่อทั้งสองคนออกปากพร้อมกัน บรรดาบ่าวชราจึงต่างไม่กล้าชักช้า และรับรองอย่างนอบน้อมว่า ฮูหยินน้อยทั้งสองโปรดวางใจ ต่อให้พวกบ่าวไม่กินไม่ดื่มไม่หลับไม่พัก ก็จะต้องดูคุณหนูเจ็ดเอาไว้ให้ดีเจ้าค่ะ!
เมื่อกลับมาถึงในห้องของนางหมิ่น จึงให้บ่าวออกไป สีหน้าเขี้ยวคล้ำของนางหมิ่นและนางโจวก็กลับเลือนหายไป แล้วมาดื่มชาด้วยกันอย่างเอ้อระเหยลอยชาย และสนทนาถึงเรื่องนี้ว่า สองวันมานี้หลิวรั่วเหยียไม่ได้มาอีก และไม่รู้ว่านังเด็กนี่ไปได้ยินข่าวมาจากที่ใด?
บางทีหลิวรั่วเหยียไม่ได้มาเอง แต่กลับส่งคนมาส่งข่าวให้แก่นาง? นางโจวดาดเดาด้วยเสียงต่ำ แต่น่าเสียดายที่นังเด็กนี่ก็โง่เง่านัก ถ้าคิดอยากวิ่งออกไปปานนี้ ก็ลอบออกไปเงียบๆ สิ! มาอาละวาดอยู่ในเรือนของตน กลางวันแสกๆ อยากจะปล่อยให้นางออกไปก่อเรื่องสักหน่อยก็ทำไม่ได้!
นางหมิ่นกำลังจะพูด จู่ๆ ประตูกลับถูกผลักเปิดออก เว่ยฉางอวิ๋นที่ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโทสะก็พุ่งตัวเข้ามา เมื่อเห็นว่าในห้องมีคู่สะใภ้สองคนกำลังก้มหัวชนกันพลางกระซิบกระซาบเสียงเบา ข้างกายไม่มีแม้แต่คนคอยรับใช้รินน้ำชา ก็อดจะสงสัยไม่ได้ จึงเอ่ยไปด้วยเสียเย็นเฉียบว่า พวกเจ้ามาทำสิ่งใดที่นี่?
ท่านพี่ท่านกลับมาได้จังหวะพอดี ข้ามีเรื่องจะบอกกับท่าน ในขณะที่นางหมิ่นกำลังตกตะลึงพลันเปลี่ยนมามีสีหน้าเป็นกังวล กล่าวว่า น้องเจ็ดทางนั้น…เกิดเรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ ข้ากำลังหารือกับน้องสะใภ้อยู่ทีเดียว!
เว่ยฉางอวิ๋นกำลังคำนึงถึงเว่ยซินหย่งที่อยู่ในห้องหนังสือ ว่าที่เขามาครานี้ไม่รู้ว่าจะมีข่าวดีใดมาหรือไม่ เมื่อได้ยินก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมา กล่าวว่า ในเมื่อเรื่องในเรือนหลังล้วนเป็นพวกเจ้าดูแล แล้วเหตุใดชอบเอามากวนข้า? หากมีเรื่องใดก็ล้วนต้องให้ข้าไปจัดการ แล้วจะมีเจ้าไว้ทำสิ่งใด?
คำพูดนี้รุนแรงไม่เบาเลย โดยเฉพาะเมื่อมีน้องสะใภ้อยู่ด้วย เรียกได้ว่าไม่ไว้หน้าภรรยาเลยแม้สักน้อย …ทว่านับแต่นางหมิ่นและนางโจวแต่งเข้ามาก็ถูกพวกเขาทั้งบ้านดูแคลนลบหลู่ข่มเหงก็มิใช่แค่วันสองวันแล้ว ยามนี้ล้วนฟังจนชินเสียแล้ว จึงกลับไม่ได้ใส่ใจ นางหมิ่นยังคงเอ่ยไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเดิม แต่เมื่อครู่นี้น้องเจ็ดเอาความตายมาบีบบังคับบอกว่าต้องการจะไปบ้านตระกูลหมิ่นให้จงได้เจ้าค่ะ
เว่ยฉางอวิ๋นขมวดคิ้ว กล่าวว่า บ้านตระกูลหมิ่น? นางจะไปบ้านแม่เจ้าทำสิ่งใด?
น้องเจ็ดอยากไปบ้านของหมิ่นอีนั่วน้องสาวร่วมตระกูลของข้าเจ้าค่ะ มิใช่บ้านแม่ข้า นางหมิ่นกำผ้าเช็ดหน้าแน่น พลางเอ่ยอย่างลำบากใจ หากนางเบื่อที่จะอยู่แต่ในเรือน ก็นัดเวลากับน้องอีนั่วแล้วไปพบกันข้างนอกสักหน่อยก็ยังแล้วไป แต่นางจะต้องไปที่บ้านของอีนั่วให้จงได้! ยามนี้นางยังสวมชุดไว้ทุกข์อยู่ แม้จะบอกว่าน้องอีนั่วสนิทสนมกับนางยิ่ง และไม่ได้สนใจเรื่องนี้ จึงได้มาเยี่ยมนางอยู่เรื่อยๆ แต่คนในบ้านน้องอีนั่วก็คงไม่คิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นข้อห้าม …ประเด็นหลักก็คือนางคิดจะไปหาน้องอีนั่วเพื่อทวงถามความผิด ข่าวดีของน้องอีนั่วเพิ่งจะแพร่ออกมาเท่านั้น! เกรงว่ายามนี้จะมีแขกมาอวยพรมากมาย ในเวลาสำคัญเช่นนี้ แล้วข้าจะกล้าปล่อยนางออกไปได้ที่ใด? แต่พอไม่ปล่อยให้นางออกไป ยามนี้น้องเจ็ดจึงกำลังอาละวาดหนัก เมื่อครู่นี้ท่านพี่ท่านกำลังหารือกับท่านพ่อและน้องรองอยู่ทางด้านหน้า ข้าไม่กล้าไปรบกวน ทั้งเกรงว่าหากเรื่องแพร่ออกไปก็จะไม่งาม จึงได้ให้บ่าวออกไป แล้วเชิญน้องสะใภ้รองมาหารือด้วยกันที่นี่อย่างไรเล่าเจ้าคะ!
นางจะไปหาลูกผู้น้องหมิ่น? เว่ยฉางอวิ๋นขมวดคิ้วหนแล้วหนเล่าพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย เหตุใดต้องไปทวงถามความผิดกับลูกผู้น้องบ้านหมิ่น? ระยะนี้ ลูกผู้น้องหมิ่นก็มาหานางหลายครั้ง หรือทั้งสองคนทะเลาะกันแล้ว?
นางหมิ่น กล่าวว่า เมื่อครู่นี้ข้าและน้องสะใภ้รองช่วยกันถามหลายคำ กลับมิใช่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ทว่าเป็นน้องเจ็ดนางรู้ว่าน้องอีนั่วหมั้นหมายแล้ว และด้วยเรื่องแต่งงานนี้นางจึงจะไปทวงถามความผิดกับน้องอีนั่ว จึงไม่กล้าปล่อยนางไป …เวลานี้ทั้งบ้านของท่านอาจะต้องกำลังตระเตรียมงานแต่งให้แก่น้องอีนั่วอยู่อย่างดีอกดีใจ! นางจะไปอาละวาดเช่นนี้ …ช่าง….
หลายวันมานี้ เริ่มแรกเว่ยฉางอวิ๋นก็กำลังกังวลเรื่องการมาของเว่ยซินหย่ง จากนั้นก็ถูกข่าวเรื่องจี้ชวี่ปิ้งบอกว่าสามารถรักษาเว่ยเจิ้งหงให้หายได้ทำให้กระทบกระเทือนใจจนแทบจะสิ้นหวัง แล้วจะมีเวลาใดไปใส่ใจเรื่องการแต่งงานของญาติที่จะไกลก็ไม่ไกลจะใกล้ก็ไม่ใกล้? แม้ว่าหมิ่นจือเสียจะเป็นบุตรเขยของตระกูลตวนมู่ ทว่ายามนี้ตวนมู่สิ่งกำลังเก็บตัว แม้แต่บุตรหลานในตระกูลตนเองก็ยังไม่อาจไปหาไกลเกินไป เรื่องจะไปดูแลพวกบุตรเขยก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ตำแหน่งขุนนางของหมิ่นจือเสียจะว่าต่ำก็ไม่ต่ำ ทว่าก็ไม่ถึงกับมีอำนาจมากมายอยู่ในมือ ทั้งเขาก็ยังไม่ทำตัวโดดเด่น ฉะนั้นเว่ยฉางอวิ๋นจึงไม่ใคร่ได้สนใจน้าเขยผู้นี้นัก ยามนี้ได้ยินว่าหมิ่นอีนั่วหมั้นหมายแล้ว และเว่ยฉางเจวียนต้องการจะไปทวงถามความผิดกับนางด้วยเหตุนี้ พลันคิดขึ้นมาว่า หรือว่าคนที่หมั้นหมายกับหมิ่นอีนั่วก็เป็นคนที่เว่ยฉางเจวียนแอบหมายตาไว้เช่นกัน?
เมื่อเขาคิดถึงตรงนี้ก็อดจะชิงชังที่น้องสาวคนเล็กเลอะเลือนไม่ได้ ต่อให้เดิมทีคนผู้นี้เป็นคนที่เว่ยฉางเจวียนหมายตาไว้ แต่ในเมื่อเวลานี้หมิ่นอีนั่วก็หมั่นหมายกับเขาแล้ว หมั้นก็หมั้นกันแล้ว ต่อให้เว่ยฉางเจวียนจะอาละวาดอีกเพียงใด นอกจากจะทำให้ตนเองขายหน้าแล้วยังจะมีความหมายใดอีก? ยิ่งไม่บอกว่าเวลานี้เว่ยฉางเจวียนกำลังไว้ทุกข์อยู่ด้วย! ในช่วงที่กำลังไว้ทุกข์กลับวิ่งรี่ออกไปแย่งสามีของลูกผู้พี่ …ต่อให้ต้องการจะเพิ่มความลำบากให้ทางเฟิ่งโจวก็ไม่ได้ทำเช่นนี้!
เดิมทีเว่ยฉางอวิ๋นก็คิดว่าอนาคตของบ้านตนน่ากลัดกลุ้มอยู่แล้ว ยามนี้น้องสาวคนเล็กยังจะมาก่อเรื่องเช่นนี้อีก พลันรู้สึกรำคาญใจเสียอย่างยิ่ง จึงว่า เรื่องนี้พวกเจ้าทำถูกต้องนัก ยามนี้บ้านเราล้วนกำลังไว้ทุกข์ แล้วจะออกไปวิ่งไปนั่นมานี่ข้างนอกได้ที่ใด? ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าในเมื่อบ้านท่านอาเขยหมิ่นเพิ่งจะมีเรื่องมงคล แม้บ้านเราจะออกทุกข์แล้วก็ไม่ควรไปรบกวนอยู่ดี
นางหมิ่นไม่คิดว่าสามีกลับไม่ถามไถ่ถึงสาเหตุก็พูดเช่นนี้แล้ว นางนิ่งอึ้งไปสักพักจึงบอกว่า ท่านพี่กล่าวถูกต้องแล้ว เพียงแต่น้องเจ็ดอาละวาดหนักหนานัก เมื่อครู่นี้พวกเราพาคนหลายคนไปเตือนนาง ยังแทบจะรั้งนางไว้ไม่ได้ ยามนี้จึงจำต้องขังนางเอาไว้ในเรือนแล้วให้พวกบ่าวชราคอยดูไว้ แล้วน้องเจ็ดก็ทุบประตูกรีดร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย …ข้า …ข้าก็ไม่ทราบว่าควรทำเช่นใดแล้ว?
ดูนางเอาไว้ให้ดี หากอาละวาดรุนแรงนัก ก็หาของอุดปากแล้วขังไว้ในห้อง! เว่ยฉางอวิ๋นคาดเดาเอาเอง นึกว่าเว่ยฉางเจวียนอิจฉาที่หมิ่นอีนั่วไปหมั้นหมายกับชายที่นางชอบ จึงได้โวยวายต้องการจะไปทวงถามความผิดกับหมิ่นอีนั่ว ดังนั้นแล้วตอนที่นางร้องตะโกนก็ไม่แน่ว่าอาจจะพูดเรื่องนี้ออกมา …หากเรื่องนี้แพร่ออกไป แล้ววันหน้าคนตระกูลเว่ยจะออกจากบ้านได้อย่างไร? จึงสั่งความไปโดยไม่ทันคิดมากว่า ให้บ่าวคนสนิทดูนางไว้ให้ดี ห้ามผู้ใดไปวิจารณ์ส่งเดช! บอกพวกบ่าวที่ได้ยินนางพูดจาส่งเดชว่า หากมีผู้ใดปากมาก จะถูกตีตายทั้งครัวให้หมด!
……………………………………