ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1001 ชีพจรเทียนจิง
ตอนที่ 1001 ชีพจรเทียนจิง
ลำแสงของสายฟ้าส่องประกายสว่างวาบครึ่งหนึ่งของท้องนภา
บนยอดเขาอันสูงและชัน หญิงสาวผู้นั้นยืนเชิดศีรษะ เสื้อผ้าของนางพลิ้วไหวไปตามสายลม!
บนศีรษะของนางมีดอกท้อสีทองขนาดเท่าฝ่ามือประดับอยู่
อานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวของสายฟ้าค่อยๆ ไหลลงมา ทว่ายามพบเจอดอกท้อสีทอง พลังปราณของสายฟ้ากลับชะงักประหนึ่งว่ามันเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นอย่างใดอย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆ ไหลลงมาด้านข้างแทน!
โดยยึดเอามันเป็นจุดศูนย์กลาง ประหนึ่งช่วยเป็นเสาหลักให้กับฉู่หลิวเยว่!
“นั่นมัน…กระไรหรือ?”
จวินฉีจือที่เห็นเหตุการณ์ ตกใจสะดุ้งโหยง
จะมีพลังอันใดที่ทำให้แม้แต่อานุภาพของสายฟ้ายังรู้สึกยำเกรงได้เช่นนั้น
แล้วเจ้าดอกท้อสีทองดอกน้อยๆ เช่นนี้ ก็ยังสามารถสกัดกั้นแรงกดดันเหล่านั้นเอาไว้ ไม่ให้ย่างกรายเข้ามาอย่างง่ายดาย!
จวินจิ่วชิงหรี่ตาลงอย่างอันตราย คิ้วและดวงตาของเขาแสดงความรังเกียจ
จริงๆ เชียว…ตามติดไม่เลิกราเลยนะ!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น ดวงตาจับจ้องไปที่ดอกท้อสีทองอย่างไม่ละสายตา
เมื่อครู่สายฟ้าคำรามทั้งหกโจมตีลงมาอย่างพร้อมเพรียงกัน และตอนนี้นางก็กำลังอยู่ในช่วงเพลาสำคัญในการทะลวงไปสู่จอมยุทธ์ระดับเจ็ด
เคราะห์ดีที่มีสิ่งนี้ช่วยสกัดกั้นมันไว้ได้ครู่หนึ่ง นางถึงสามารถทะลวงมาจนถึงช่วงสุดท้าย และทะลวงผ่านได้สำเร็จ!
ความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งมีบางสิ่งพร้อมที่จะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ฉู่หลิวเยว่ยืนนิ่งไม่ไหวติง แต่กลับกัน ในร่างกายของนางกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนไปทั่วปฐพีและท้องนภา!
ม่านพลังที่ไร้รูปร่างแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังปราณดั้งเดิมล้นทะลักออกมาจากภายในจุดตันเถียน ลวดลายอักขระระดับเจ็ดค่อยๆ ปรากฏขึ้นเหนือไข่มุกธารา!
แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากระดับหกก่อนหน้านี้ก็คือ สีของลวดลายอักขระที่สดใสระยิบระยับและงดงาม ส่องประกายเกินจะเปรียบ!
ณ ชั่วพริบตาที่ฉู่หลิวเยว่ได้เห็นมัน ก็ถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ!
นี่คือร่องรอยของพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่นางได้กลืนกินจากองค์ไท่จู่แห่งเป่ยหมิง!
แม้แต่ในชีวิตชาติที่แล้วนางก็ไม่เคยเผชิญกับการทะลวงระดับนี้ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ ทำให้นางก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเจ็ดได้สำเร็จ!
ขณะที่ลวดลายอักขระอันสุกใสกำลังร่างขึ้นตามธรรมเนียมนั้น จู่ๆ พื้นที่เหนือไข่มุกธาราก็มีหยดน้ำลอยออกมา
ไข่มุกธาราเปล่งประกายแวววาวหลากสี สร้างความตราตรึงให้กับผู้คนอย่างมาก มันแปรเปลี่ยนเป็นรูปหยดน้ำขนาดเล็กนับพันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนจะลอยเข้าหาส่วนต่างๆ ของร่างกายฉู่หลิวเยว่!
หลังจากผ่านการสลัดพลังอานุภาพอันน่าสยดสยองพวกนั้นออกไปแล้ว ชีพจรดั้งเดิมในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ก็ได้รับความเสียหายอย่างสาหัส ประหนึ่งพื้นดินที่แห้งแตกระแหง ทุกพื้นที่เต็มไปหลุมลึก
ครั้นที่ไข่มุกธาราพวกนั้นลอยเข้าไป ก็เป็นเหมือนดั่งสายฝนร่วงโรยมาจากฟากฟ้าลงสู่ผืนดินที่แห้งแล้ง ทำให้พื้นโลกหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิอีกครั้งในเวลาเพียงชั่วพริบตา!
ชีพจรดั้งเดิมที่เสียหายของฉู่หลิวเยว่เริ่มฟื้นตัวด้วยขนาดความเร็วที่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างประจักษ์ชัด!
อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่ามันขยายใหญ่ แข็งแรงและดูอ่อนนุ่มกว่าที่เคย!
เมื่อเห็นประกายจางๆ บนชีพจรดั้งเดิมที่ได้รับการฟื้นฟู หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็สั่นระรัวอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที!
จากนั้น ภายใต้การจ้องมองที่ไม่อยากเชื่อในสายตาตนเอง ไข่มุกธาราก็แตกกระจาย ก่อนจะเข้าซ่อมแซมชีพจรดั้งเดิมทั้งหมดในร่างกายของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว!
มวลพลังรอบกายของฉู่หลิวเยว่เพิ่มขึ้นอีกครา! ประกอบกับแรงกดดันที่เด่นชัด!
นั่นคือ….ลมปราณอันเป็นเอกลักษณ์ของชีพจรเทียนจิง!
ในขณะเดียวกับที่ทะลวงไปสู่จอมยุทธ์ระดับเจ็ด ชีพจรดั้งเดิมที่เสียหายของฉู่หลิวเยว่ไม่เพียงแต่ได้รับการซ่อมแซมด้วยอานุภาพพลังของไข่มุกธาราเท่านั้น แต่ยังถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นชีพจรเทียนจิงไปด้วย!
…
เพียงชั่วพริบตาก็รู้สึกสบาย ไร้ความกังวลไปทั้งกาย ดั่งยืนอยู่ในบรรยากาศของภูเขาสูงชันและลำน้ำอันกว้างขวาง!
พลังปราณดั้งเดิมอันน่าเกรงขามพุ่งออกมาจากตำแหน่งตันเถียน และไหลลงชีพจรดั้งเดิมจนขยายใหญ่ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า โดยปราศจากสิ่งกีดขวางใด!
เพลานี้ ภายในทรวงอกของฉู่หลิวเยว่เหมือนมีอันใดบางอย่างที่มันกำลังปั่นป่วน!
ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นอันใดที่นางไม่ได้สัมผัสมานานมากแล้วจริงๆ!
นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้ นางจะยังมีโอกาสได้รับชีพจรเทียนจิงกลับคืนมาอีกครั้ง!
นางยื่นมือออกไปตามจิตใต้สำนึก ทันทีที่ดอกท้อสีทองสัมผัสกับมือนาง มันก็สลายหายไปในชั่วพริบตา!
ในเวลาเดียวกันนั้น อยู่ๆ เจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำในตำแหน่งตันเถียนของนางก็เกิดการสั่นไหว
จากนั้นไม่นาน รอยแตกก็ปรากฏขึ้นด้านบนอย่างชัดเจน!
แสงริบหรี่อันเลือนรางส่องสว่างออกมาจากตรงกลาง ราวกับมีโลกนับหมื่นนับพันซ่อนอยู่
แล้วความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!
ยามนี้ฉู่หลิวเยว่แทบจะมั่นใจได้แล้วว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นจะต้องเป็นจิตวิญญาณของนางเอง!
ครานี้รอยร้าวบนเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำนั้นไม่มีการซ่อมแซมเพิ่มเติม แต่ก็ไม่ได้ขยายใหญ่ไปมากกว่านี้
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ถึงลมปราณอันคุ้นเคยที่อยู่ภายใน แต่นางกลับไม่สามารถเรียกมันออกมาได้
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่าเมื่อใดที่นางเปิดออกเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำจนสุด และนำจิตวิญญาณของนางที่เก็บไว้ในนั้นคืนมา ความทรงจำช่วงนั้นที่หล่นหายจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน!
เราห่างจากความจริงอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
แต่ก้าวที่ว่านี้กลับมีระยะเท่ากับเหวลึกขนาดใหญ่ ซึ่งยากที่จะเดินข้ามไป!
ครืน!
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังคิดถึงเรื่องเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำอยู่นี้ สายฟ้าหลายสายที่อยู่เหนือหัวนางก็ส่งเสียงดังกึกก้องอีกครา จากนั้นทั้งหมดก็ผ่าลงมาที่นางอย่างพร้อมเพรียง!
ครั้นปราศจากเกราะป้องกันจากดอกท้อสีทองแล้ว ฉู่หลิวเยว่จึงต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวนี้โดยตรง!
เมื่อแรงปรารถนาในใจก่อเกิด กระบี่หลงหยวนก็ลอยกลับมาในมือนางอย่างรวดเร็ว!
ทุกคนต่างหันมามองไปตามๆ กัน
ผืนฟ้าและพื้นดินมืดลง แนวเขาที่เรียงรายติดๆ กันโดยรอบพังทลายลงจนราบเป็นหน้ากลอง
มีเพียงยอดหลักของผาสูงชันครึ่งหนึ่งด้านนี้เท่านั้น ที่ยังตั้งตระหง่านอยู่
หญิงสาวในชุดสีแดงที่มีรูปร่างเพรียวบางยืนเหยียดกายตรง
ไหล่ทั้งสองข้างผอมบางและอ่อนแอ แต่กลับดูเหมือนมีพละกำลังเพียงพอที่จะค้ำยันผืนฟ้าได้ทั้งแผ่น!
ลมกระโชกแรง เส้นผมสีดำพลิ้วไหว!
ฟึ่บ!
นางจรดปลายเท้าพลันเขย่งเล็กน้อย แล้วร่างของนางก็ทะยานขึ้นไปในทันที ประหนึ่งลูกธนูอันแหลมคม!
แท้จริงแล้ว…นางเพียงต้องการที่จะปะทะกับสายฟ้าพวกนั้นซึ่งๆ หน้า!
…
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผู้คนที่อยู่นอกค่ายกลต่างก็ตกตะลึงตาค้างไปตามๆ กัน!
นางเลือกที่จะปะทะโดยใช้ไม้แข็งแบบตัวต่อตัวเข้าสู้…
“นาง…นาง…คิดกระไรของนางกันแน่?”
“ต่อให้นางจะทะลวงไปถึงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดแล้ว แต่การเผชิญหน้ากับวิถีสายฟ้าทั้งหก ก็คงจะพ่ายแพ้อย่างมิต้องสงสัยเป็นแน่…”
“โอ้ สวรรค์… แล้วเหตุการณ์เมื่อครู่ สรุปแล้วนางทะลวงสำเร็จไปได้อย่างใด?”
“นอกเหนือจากนี้ ข้าก็ไม่กล้าเอ่ยอันใด แต่ความสามารถและชะตากรรมของซั่งกวนเยว่นั้น เปรียบกับคนธรรมดาทั่วไปไม่ได้จริงๆ…”
มีการถกเถียงกันมากมายในหมู่ผู้คน ทุกคนต่างก็รู้สึกไปในทางเดียวกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวผู้นั้นในช่วงเวลานี้ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
ประการแรกคือ นางแหวกค่ายกลหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงออกด้วยตัวเอง
จากนั้นก็ต้านอานุภาพของมันแล้วปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดหลักของเขา
แล้วต่อมาก็ฉกฉวยพลังปราณดั้งเดิมจำนวนคณานับและพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่แต่เดิมเป็นของจวินจิ่วชิงไป!
ครั้นทุกคนคิดว่านางคงตายเป็นแน่แท้ที่เรียกพลังจิตวั่งเสิ่นวิถีที่เก้าออกมา แต่นางก็ยังสามารถทะลวงไปถึงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดได้อย่างไม่คาดคิดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อีกอย่างตอนนี้นางยังต้องต่อสู้กับสายฟ้าวิถีทั้งหกอีกต่างหาก!
หากสุ่มหยิบเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาสักเรื่อง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของคนหวาดหวั่น แต่อย่างใดเสียนางก็ทำมาหมดแล้วทุกสิ่ง!
…
ณ ขณะนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่มีอันใดให้ต้องคิดอีกแล้ว
ในสายตาและในใจของนาง มีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการเอาชนะพลังจิตวั่งเสิ่น!
พลังจิตสายหนึ่งก็คือพลังจิต และพลังจิตหกสายก็เป็นแค่พลังจิตเช่นกัน!
ในเมื่อมันออกมาพร้อมกัน…ก็แค่กำจัดมันออกไปพร้อมกันก็พอ!
ลมปราณอันเฉียบคมและขมขื่นยังคงปะทะเข้ามาไม่ล้มเลิก ความเจ็บปวดบาดลึกรุนแรงบนใบหน้าและร่างกาย
แต่ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยนี้ไม่ได้ทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ
นางถ่ายโอนพลังปราณดั้งเดิมในร่างกายของตน! ก่อนจะใส่เข้าไปในกระบี่หลงหยวนอย่างต่อเนื่อง!
บนตัวของกระบี่สีดำแสนเรียบง่ายและงดงาม มวลพลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างดุเดือด!
ร่องตรงกลางก็ถูกพลังของทัณฑ์สวรรค์สีเงินเติมจนเต็ม!
ฉู่หลิวเยว่เพียงคิดในใจ ก็พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นเหนือไข่มุกธารา
คลื่นลูกใหญ่อันงดงามแผ่กระจายไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศ!
ฟึ่บ!
เสียงกระบี่ดังขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่ง้างกระบี่ฟันลงมา!
ทันใดนั้นทั้งผืนฟ้าและพื้นดินก็ไร้สีสันลงทันตา!
“มาให้ข้าทำลายเสีย!”