ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1005 ข้าจะตีผู้ชายของข้า
ตอนที่ 1005 ข้าจะตีผู้ชายของข้า
“ก๊อกๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง และเห็นว่าเฉินอีกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู
“นายท่าน ปริศนาที่ท่านได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ ข้าแก้สำเร็จแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่หัวใจเต้นแรง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมา
นางเดินมาอย่างรวดเร็วจนไม่มีทางมองเห็นลวดลายที่ปรากฏขึ้นตรงระหว่างคิ้วของเชียงหว่านโจว
“เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”
เฉินอียิ้มบางๆ จากนั้นก็ส่งกระดาษที่พับเอาไว้มอบให้นาง
“ปริศนาไม่ได้ยาก ข้าสามารถแก้ได้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้มีโอกาสมอบให้ท่าน จนทำให้ยืดเยื้อมาถึงตอนนี้”
ฉู่หลิวเยว่รับไป จากนั้นก็รีบเปิดดูอย่างรวดเร็ว ในแววตามีประกายความประหลาดใจขึ้นมาหลายส่วน
หลังจากผ่านไปสักพัก นางถึงได้เงยหน้าขึ้นมา พร้อมหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา
“เจ้าพูดเป็นอยู่อย่างเดียว นั่นคือคำว่า ‘ไม่ยาก’…”
หลังจากที่นางกลับมาจากตำหนักตะวันออก นางก็เขียนกลไกของตำหนักนั้นให้กับเฉินอี
ตอนนั้นนางเปิดมันออกมาด้วยความตื่นตระหนก แต่ความจริงแล้วนางไม่ได้ชำนาญเรื่องนี้
นางเห็นว่าภายในตำหนักนั้นมีกลไกอย่างอื่นเชื่อมต่อกันอยู่อีก ดังนั้นนางจึงบอกเรื่องนี้กับเฉินอี
เฉินอีมีความเชี่ยวชาญด้านนี้มากที่สุด
หากสามารถทะลวงกลไกเหล่านี้ได้ นับว่าช่วยลดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย
แต่ตอนแรกนั้นนางเพียงแค่จะลองดูเท่านั้น ไม่ได้หวังว่าเขาจะสามารถแก้ไขกลไกเหล่านี้ได้
อย่างใดก็ตามความสามารถในด้านนี้ของนางก็ด้อยกว่าเขามาก เพราะนางทำได้เพียงอธิบายลักษณะภายนอก แต่ไม่สามารถอธิบายถึงหลักกลไกด้านในได้
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสามารถแก้ไขกลไกได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้…
นางมองดูลวดลายที่อยู่บนกระดาษอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ความสามารถของเฉินอีในด้านนี้ ต่อให้นางพยายามเท่าไรก็ไม่มีทางตามทัน
“ความจริงแล้วอาจจะเป็นเพราะว่าข้าไม่ได้เจอของที่น่าสนใจแบบนี้มานานแล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกสนุกขึ้นมา”
รอยยิ้มของเฉินอีลึกขึ้น น้ำเสียงที่พูดนั้นก็จริงใจอย่างมาก
หากคนอื่นเห็นกระดาษแผ่นนี้เข้าโดยไม่ระวัง จะต้องทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากตามมาแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือกลไกในตำหนักตะวันออกขององค์รัชทายาทเป่ยหมิง หากถูกแพร่ออกไป ไม่ว่าจะอธิบายอย่างใด ก็คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาได้
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า เปลวเพลิงกระจายออกมาจากกลางฝ่ามือของนาง กระดาษแผ่นนั้นถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว
เฉินอีกวาดสายตามอง แล้วมองเข้าไปภายในห้อง เห็นว่าเชียงหว่านโจวกำลังนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิม
“ท่านมาเยี่ยมเชียงหว่านโจวหรือ? ตอนนี้เขาเป็นอย่างใดบ้าง?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“พลังทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันภายในร่างกายของเขา หากบุ่มบ่ามลงมือไป จะกลายเป็นเรื่องไม่ดี ดังนั้น…ครั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับตัวของเขาแล้ว”
เฉินอีมองมาที่นาง และลังเลที่จะพูดเล็กน้อย
“มีอันใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
เฉินอีหัวเราะแล้วส่ายหน้า
“ไม่มีอันใด ท่านเพิ่งได้เลื่อนขั้น จำเป็นจะต้องโคจรพลังเพื่อปรับสมดุลเสียก่อน ที่นี่ยกให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพยักหน้าเห็นด้วย
ไม่ว่าเฉินอีจะทำงานอันใด มักจะไว้ใจได้ อีกทั้งฝีมือของเขาก็แข็งแกร่ง เขาเหมาะที่จะอยู่ที่นี่มากที่สุดแล้ว
จากนั้นนางก็กำชับอีกไม่กี่คำ นางจะเดินจากมา
เฉินอีมองจนสุดสายตา จนกระทั่งเงาร่างของนางนั้นหายตัวไป จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง
เขาเดินไปหยุดอยู่ด้านข้างของเชียงหว่านโจว เฉินอีจ้องมองอย่างละเอียด จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นแสงประกายจางๆ ที่ระหว่างคิ้วของอีกฝ่าย
ลวดลายนั้น มันปรากฏขึ้นมาบางครั้ง
เมื่อครู่นี้…นางน่าจะยังไม่ได้เห็นมันใช่หรือไม่?
เฉินอีมองดูอยู่สักพัก แววตาก็ลึกล้ำมากขึ้น
…
ฉู่หลิวเยว่กลับไปที่ห้องของตนเอง จากนั้นก็เริ่มโคจรลมปราณของตนเอง
นางเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หลังจากที่นางทะลวงไปถึงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดแล้ว นางก็สามารถฟื้นตัวได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
หลังจากได้ผ่านธรณีประตูที่สำคัญแล้ว ความแข็งแกร่งในทุกด้านของนางจะเพิ่มสูงมากขึ้น
กอปรกับตอนนี้นางได้ฟื้นฟูเส้นชีพจรเทียนจิงแล้ว แน่นอนว่าจึงมีข้อดีเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการฝึกฝนหรือว่าความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ก็เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ภายในตันเถียนกลับมาสงบดังเดิมแล้ว
ไข่มุกธาราก็ลอยอยู่อย่างเงียบสงบ ลายเส้นทั้งเจ็ดสว่างขึ้นจนแสบตา!
ทั่วทั้งร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังดั้งเดิม
ความรู้สึกแบบนี้ นางไม่ได้สัมผัสมานานมากแล้ว
เมื่อก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเจ็ด นางถึงได้ก้าวเข้ามาสู่หนทางแห่งความแข็งแกร่งได้อย่างเป็นทางการ
หลังจากโคจรพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายแล้ว นางจึงแบ่งจิตส่วนหนึ่ง มองไปยังเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำอันนั้น
ตอนนี้ได้มีรอยร้าวปรากฏขึ้นอยู่บนนั้น ด้านในของรอยร้าวมีแสงสว่างส่องออกมา
น่าเสียดายที่ฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถสัมผัสของที่อยู่ภายในนั้นได้เลย
นอกเสียจากว่าของชิ้นนั้นจะแตกออกอย่างสมบูรณ์!
จิตใจของฉู่หลิวเยว่ตื่นตระหนกอย่างมาก
ตอนนี้นางคือจอมยุทธ์ระดับเจ็ด อีกทั้งยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ในตัว!
หากสามารถใช้ประโยชน์จากพลังนี้ได้ละก็…บางทีอาจจะสามารถเปิดผนึกที่ว่านี้ได้?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของนางก็เปล่งประกายขึ้น ท่าทางมุ่งมั่น
พูดแล้วก็ทำเลย!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลงกลั้นลมหายใจ
จากนั้นนางก็ดึงพลังออกมาจากไข่มุกธารา!
แสงสว่างจางๆ ที่อยู่บนนั้น มันคือพลังศักดิ์สิทธิ์!
ทันใดนั้นเองนางก็ควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นและใส่เข้าไปในเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำ!
…
ภายในท้องพระโรง หรงซิวกำลังอ่านสมุดพับ
ด้านหน้าของเขานั้นคือ หมิงเหยาและคนอื่นๆ ที่กำลังยืนอยู่อย่างนอบน้อม
“ฝ่าบาท นี่คือรายชื่อเบื้องต้น เป็นรายชื่อของหญิงงามที่มีอายุเหมาะสม ลักษณะโดดเด่น เชิญฝ่าบาทพิจารณา”
หมิงเหยาโค้งกายลง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประจบสอพลอ
แม้ว่าในใจของเขาจะไม่ยินยอมให้กลุ่มอื่นเข้าร่วมการคัดเลือกด้วย แต่ว่าหรงซิวออกปากด้วยตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดอันใดมากได้
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยื่นมือแทรกแซงเรื่องอื่นไม่ได้
ตัวอย่างเช่นบนสมุดพับเล่มนี้ ความจริงแล้วจะต้องมีภาพเหมือนของหญิงงามทุกคน
นี่จึงเป็นการแข่งขันความงามโดยธรรมชาติ
สีหน้าของหรงซิวเรียบเฉย คาดเดาอารมณ์ไม่ได้
ในตอนนั้นเอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที คิ้วดั่งสันดาปขมวดขึ้น ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นที่ใบหน้า
“ฝ่าบาท ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”
หมิงเหยาและคนอื่นๆ รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป ดังนั้นจึงรีบถามขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
หรงซิวโบกมือแล้วเอามือบีบสันจมูก
“ไม่เป็นไร”
เพียงแต่ว่า…เขาถูกฮูหยินของตนเองทำร้ายเข้าแล้ว
**********************************