ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1007 นานแล้ว
ตอนที่ 1007 นานแล้ว
ในใจของฉู่หลิวเยว่ต้องการทราบคำตอบนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
แม้ว่าตอนนี้นางจะสามารถมั่นใจได้แล้วว่า ก่อนหน้านี้นางเคยรู้จักกับเถ้าแก่ใหญ่คนนั้นมาก่อน
จริงๆ
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ก่อนหน้านี้ที่ได้เจอหน้ากัน อีกฝ่ายกลับไม่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
หรือว่าเป็นเพราะนางได้เปลี่ยนตัวตนแล้ว?
แต่ว่าตอนนี้ฐานะที่แท้จริงของนางก็ถูกประกาศออกไปสู่สายตาประชาชนแล้ว
ตามหลักการแล้ว เถ้าแก่ใหญ่คนนั้นจะต้องรู้เรื่องนี้แล้วอย่างแน่นอน
ไม่รู้ว่าเขากับนาง เป็นมิตรหรือว่าศัตรูกันแน่…
เมื่อฉู่หลิวเยว่คิดถึงตรงนี้ หางตาของนางก็ไปปะทะเข้ากับกระจก ที่กำลังสะท้อนใบหน้าของนางอยู่พอดี
นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไป
นางมองใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ในกระจกอย่างละเอียด
เหมือนว่า…หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ก็มีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
ท้ายที่สุดแล้วก็เหมือนว่านางดูสาวกว่าเดิมสิบปี
ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
แต่ว่า…
แต่ว่าใบหน้านี้ เมื่อยิ่งโตขึ้น ใบหน้านางก็เหมือนกับคนเก่ามากขึ้นเรื่อยๆ
หากกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ใบหน้าของนางคล้ายกับคนเดิมอยู่ห้าส่วน แต่ตอนนี้ใบหน้าของนางนั้นคล้ายคนเดิมถึงเจ็ดส่วน
ฉู่หลิวเยว่ส่องกระจกน้อยครั้งมาก และไม่ค่อยสนใจใบหน้าของตนเองมากนัก
ดังนั้นเมื่อมามองเช่นนี้ นางจึงตกใจอยู่เล็กน้อย
แต่เมื่อมองไปแล้ว รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงอายุเท่านี้เลยด้วยซ้ำ นี่เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ปี แต่ว่าเรื่องราวกลับมีมากมาย ทั้งผ่านความเป็นความตายมา ในความรู้สึกนางย่อมรู้สึกว่ามันนานอย่างยิ่ง
ฉู่หลิวเยว่ลูบใบหน้าของตนเอง ภายในใจก็มีความคิดขึ้นมา
ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ไป…ใบหน้าของนางนั้นจะเหมือนเดิมอยู่หรือไม่?
นางเพิ่งคิดได้ขึ้นมา แต่ก็ถูกพับเก็บไปในทันที
มันจะ…เป็นได้อย่างใด?
แม้แต่ฝาแฝดก็ไม่มีทางเหมือนกันโดยสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกนางทั้งสองคนก็ไม่ใช่คนเดียวกันเสียหน่อย?
นางน่าจะคิดมากเกินไป…
เวลายามค่ำคืนมาถึง ดวงจันทร์ลอยสูงเด่นกลางนภา
ด้านในและนอกห้องเงียบกริบ
นางลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดสีดำ ปิดหน้าปิดตา ฉวยโอกาสในยามค่ำคืนออกไปจากจวนอย่างไร้เสียง
…
ฉู่หลิวเยว่มาที่วังหลวงอีกครั้ง
ในตอนที่นางมาถึงด้านนอกกำแพงวังหลวงนั้น นางสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ครั้งนี้มีการป้องกันที่แน่นหนามากขึ้นกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าการบุกวังหลวงของนางในครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้คนในวังหลวงระแวดระวังมากยิ่งขึ้น
แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
ตอนนี้นางเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดแล้ว ฝีมือของนางแข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการกับคนเหล่านี้ได้แล้ว
ดังนั้นหลังจากที่นางเลือกตำแหน่งแล้ว นางก็ทำลายม่านพลังของกำแพงวังอีกครั้ง
เพราะว่าระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นไม่น้อย ดังนั้นในตอนนี้นางจึงสามารถเปิดม่านพลังได้ง่ายดายกว่าครั้งก่อนหลายเท่าตัว
หลังจากนั้นไม่นาน ม่านพลังก็ถูกเปิดออก ฉู่หลิวเยว่กระโดดขึ้น แล้วพุ่งเข้าไปด้านในทันที! ก่อนจะวิ่งตรงไปที่ตำหนักตะวันออก!
…
ห้องทรงอักษร ตำหนักตะวันออกขององค์รัชทายาท
ตำหนักนี้ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา หน้าต่างห้องทรงอักษรปิดสนิท
ภายในห้อง จวินจิ่วชิงยืนอยู่หน้าชั้นวางหนังสือ เขากำลังมองร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้
ซั่งปิ่งเหอคุกเข่าอยู่ด้านหลังของเขา
“ข้าน้อยไม่ได้ป้องกันให้เข้มงวด จึงทำให้มีคนแอบลักลอบเข้ามา ข้าน้อยสมควรตายเป็นหมื่นครั้ง! ได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วย!”
หลังจากวันที่เขารู้ถึงความผิดปกติ เขาก็รีบส่งคนค้นหาทันที
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายเตรียมการเป็นอย่างดี จึงสามารถหนีไปอย่างไร้ร่องรอยได้
เขาแอบค้นหาอยู่ในเมืองตั้งหลายครั้ง แต่ก็หาไม่พบ
เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกเขาก็ไม่ได้ใช้ตัวตนที่แท้จริงเข้ามา จึงไม่มีทางที่จะสืบสาวตัวได้
เบาะแสนั้นถูกตัดหายไประหว่างทาง
แม้ว่าซั่งปิ่งเหอจะใช้ทุกส่วนของสมองคิดค้นหาทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ยังไม่พบอันใดเลย
สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเพิ่มจำนวนเวรยามเฝ้าที่นี่ให้มากยิ่งขึ้น และ…ยอมรับความผิด!
“แน่นอนว่าเจ้ามีความผิด”
จวินจิ่วชิงถอนสายตา จากนั้นก็หมุนตัวกลับมา พร้อมมองต่ำไปยังซั่งปิ่งเหอที่คุกเข่าอยู่
“จัดการคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
ซั่งปิ่งเหอตกใจอย่างมาก และรีบเงยหน้าขึ้น
“ท่านหมายความว่า…”
“แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้แพร่กระจายออกไป แต่ก็ไม่ควรให้คนอื่นรู้มาก”
จวินจิ่วชิงสีหน้าราบเรียบ น้ำเสียงเย็นชา มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ขึ้นเป็นสีเลือดพร้อมประกายจิตสังหารที่แฝงอยู่ภายใน!
ซั่งปิ่งเหอรีบก้มหน้าลงพื้น
“พ่ะย่ะค่ะ!”
คำพูดนี้ของฝ่าบาท หมายถึงคนที่เฝ้าอยู่ที่นี่ในวันนั้น ห้ามเหลือรอดไปแม้แต่คนเดียว…
“เดิมทีแล้วเจ้าก็สมควรตาย แต่ว่าข้ายังเก็บเจ้าไว้เพราะเจ้ายังมีประโยชน์ ดังนั้นครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าไปก่อน อีกเดี๋ยวเจ้าไปรับโทษเฆี่ยนสักร้อยไม้ก็ได้”
โทษเฆี่ยนร้อยไม้ คนที่เฆี่ยนไม่ใช่ผู้คุมทั่วไป อีกทั้งเขายังเป็นคนสนิทไม่กี่คนของจวินจิ่วชิง
เมื่อเทียบกับซั่งปิ่งเหอแล้วก็ถือว่าไม่อ่อนแอ!
ดังนั้นบทลงโทษนี้จึงไม่เบาและไม่หนักเกินไป
บทลงโทษที่ว่านี้ เทียบเท่ากับครึ่งชีวิตน้อยๆ ของเขา
แต่ซั่งปิ่งเหอสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ จึงถือว่าโชคดีอย่างมาก แล้วต้องรีบขอบคุณด้วยซ้ำ
เขาเข้าใจความโหดเหี้ยมของนายท่านได้ดีกว่าคนอื่น
และเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ก็รุนแรงอย่างมาก ดังนั้นหากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้นั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก
จวินจิ่วชิงไพล่มือข้างหนึ่งไว้ที่ด้านหลัง ก่อนจะหันไปมองที่ชั้นหนังสืออีกครั้ง
“หากนางจะมา เป็นเรื่องปกติแล้วที่เจ้าจะขวางไว้ไม่ได้”
ซั่งปิ่งเหอชะงักไป
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ท่านหมายถึง…คนผู้นั้น?!”
ไม่ใช่ว่าคนผู้นั้น…
ซั่งปิ่งเหอไม่อยากจะเชื่อ
แต่ในเมื่อจวินจิ่วชิงพูดขึ้นมาเช่นนี้ จะต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
ในใจของเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาเต็มแผ่นหลัง
“ที่แท้…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…”
แต่ว่า…เหตุใดคนผู้นั้นถึงปรากฏกายที่นี่?
จวินจิ่วชิงหรี่สายตามอง แสงสว่างพาดผ่านที่ดวงตา
เขาคิดว่านางจะกลับมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้
แม้ว่าฝีมือจะไม่ได้ดีกว่าที่เคย แต่นางสามารถเข้ามาที่นี่ได้อย่างเงียบเชียบ อีกทั้งยังสามารถเปิดกลไกได้…นับว่านางก็มีฝีมืออยู่ไม่น้อย
เขาประเมินนางต่ำเกินไปแล้ว
“ฝ่าบาท…คือว่า… ต่อไปท่านวางแผนไว้ว่าอย่างใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ซั่งปิ่งเหอถามขึ้นมาอย่างไม่สบายใจ
จวินจิ่วชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากบางก็ยกยิ้มขึ้น น้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาเย็นชา
“เช่นนั้นก็…ย้ายที่คุมขังของฉู่หนิงเสียสิ”
…
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งมาหลบซ่อนตัวในความมืดด้านนอกห้องทรงอักษร ก็ได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดี
นางขมวดคิ้วขึ้น
จวินจิ่วชิงสามารถคาดเดาสิ่งที่นางทำได้แล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่าการตอบสนองแรกของเขา คือ การย้ายที่คุมขังของฉู่หนิง?
เพื่ออันใดกันแน่?
ฉู่หนิงเป็นคนฐานะธรรมดา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเสียด้วยซ้ำ
ที่จวินจิ่วชิงใส่ใจกับเรื่องของฉู่หนิงมาก นั่นก็เป็นเพราะนาง
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องการใช้เป็นเครื่องต่อรองกับนาง!
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
คำพูดนี้จวินจิ่วชิงพูดกับซั่งปิ่งเหอ
“พ่ะย่ะค่ะ”
ซั่งปิ่งเหอตอบรับหนึ่งเสียง และรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
ในครั้งนี้แสงไฟภายในห้องก็สาดแสงส่องออกมา ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็สามารถมองใบหน้าของ
ซั่งปิ่งเหอได้อย่างชัดเจน
ตัวของนางแข็งค้างไปทันที
เพราะคาดไม่ถึงว่านางเคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
นางมั่นใจว่า ในความทรงจำของนางนั้นไม่มีคนคนนี้ปรากฏอยู่
แต่ใบหน้านี้นางกลับคุ้นเคยยิ่งนัก!
เหมือนกับว่า…นางเคยรู้จักกันมาก่อน!
หรือว่า…ซั่งปิ่งเหอก็อยู่ในความทรงจำที่ขาดหายไปเช่นกัน…
ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่กำลังครุ่นคิดเรื่องเหล่านั้นอยู่ในใจ เสียงแหบพร่าก็ดังขึ้นที่ข้างหูของนาง
“ยินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนยามวิกาล ข้ารอเจ้าอยู่…นานแล้ว”
**********************************