ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1008 รอเจ้า
ตอนที่ 1008 รอเจ้า
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจอย่างมาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง
หลังจากซั่งปิ่งเหอออกไปแล้ว ประตูของห้องทรงอักษรยังไม่ทันปิด
จวินจิ่วชิงก็เดินออกมาแล้ว พร้อมพูดกับทหารยามที่เฝ้าอยู่โดยรอบ
“พวกเจ้าออกไปรอที่ด้านนอกตำหนักก่อน ห้ามให้ผู้ใดเข้ามา หากไม่ได้รับคำสั่ง”
แม้ว่าทุกคนจะมึนงง แต่ก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อพูดจบ นายทหารเหล่านั้นก็เดินออกไปอย่างเป็นระเบียบ
หลังจากนั้นไม่นาน ภายในและภายนอกของห้องทรงอักษรก็ไม่มีใครอยู่แล้ว
“ตอนนี้ คงออกมาได้แล้วสินะ?”
จวินจิ่วชิงหันหน้ากลับมา พร้อมมองมายังทิศทางที่ฉู่หลิวเยว่อยู่
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเดินออกไป
ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องปิดบังอีกต่อไป
และในตอนนี้นางมีเรื่องบางอย่างที่ต้องการจะคุยกับจวินจิ่วชิงพอดี
จวินจิ่วชิงใช้สายตาสำรวจนาง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปในห้องทรงอักษร
ฉู่หลิวเยว่ก็เดินตามเข้าไปติดๆ
…
หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว จวินจิ่วชิงก็นั่งลงในที่ของตัวเอง พร้อมเลิกคิ้วและยิ้มให้กับฉู่หลิวเยว่
“ไม่ว่าอย่างใดเจ้าก็เคยมาที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็นั่งตามสบายเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจกับการหยอกล้อของเขา และนั่งลงในตำแหน่งตรงข้าม
ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันไปมา
จวินจิ่วชิงมองหน้านางด้วยความสนใจ ในแววตาเหมือนจะมีแสงสว่างส่องประกายออกมา
“ครั้งที่แล้วเจ้าก็เข้ามาเช่นนี้หรือ?”
“ไม่จำเป็นต้องพูดจาเกรงอก เกรงใจ ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ข้ามาที่นี่เหตุใด พวกเรามาเข้าประเด็นกันเลยเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างตรงไปตรงมา
จวินจิ่วชิงก็ยกยิ้มขึ้นบางๆ
“เดิมทีข้าอยากจะรำลึกถึงวันคืนเก่าๆ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะปฏิเสธไมตรีเช่นเดิม…”
“วันวานไม่จำเป็น เจ้าไม่มีทางมองไม่ออก ข้าลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ข้ากับเจ้าเป็นเพียงคนแปลกหน้ากันเท่านั้น พูดคำพูดเหล่านั้นไปก็ไม่มีความหมาย ถ้าเช่นนั้นเจ้าไม่รีบพูดมาดีกว่าว่าต้องทำอย่างใดเจ้าถึงจะยอมปล่อยท่านพ่อของข้าไป”
ฉู่หลิวเยว่พูดจาขวานผ่าซากอย่างมาก
จดหมายฉบับนั้นที่ได้รับมาในตอนแรก ต่อมาเป็นบันทึกนั้น ทั้งหมดทั้งมวลนั้นชี้ว่า จวินจิ่วชิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเคยรู้จักกัน แต่ว่าตอนนี้นางลืมไปหมดแล้ว พูดขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์
และยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็มีความรู้สึกบางอย่าง
นางคิดว่าก่อนหน้านี้ที่พวกนางเคยรู้จักกันอาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก
จวินจิ่วชิงนั่งพิงพนักเก้าอี้
“เงื่อนไขของข้านั้นง่ายดายมาก ก่อนหน้านี้ข้าพูดกับเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เมื่อไร?”
จวินจิ่วชิงลูบหัวคิ้วเบาๆ ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง เจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้านั้นล้อเล่นหรอกนะ?”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
แน่นอนว่านางจำสิ่งที่จวินจิ่วชิงพูดในตอนนั้นได้
เขาพูดว่า ขอเพียงนางตกลงแต่งงานกับเขา ทุกอย่างก็จะเป็นของนาง
ในตอนนั้นนางคิดว่าเขาหมายถึงพลังดั้งเดิมและพลังศักดิ์สิทธิ์สายนั้น
คิดไม่ถึงว่าจะรวมเรื่องเหล่านี้ด้วย…
“หากเจ้าตกลงข้าจะรีบปล่อยฉู่หนิงออกมาทันที และขอขมาเขาด้วยตนเอง”
ริมฝีปากบางของจวินจิ่วชิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย และแววตาของเขาไม่มีวี่แววของความล้อเล่นอยู่เลย
“เจ้าต้องการอันใด เจ้าอยากทำอันใด ข้าจะให้เจ้าทำทุกอย่างดั่งใจปรารถนา”
จวินจิ่วชิงมองหน้านาง ในแววตาเหมือนมีปราณมารลุกโชนหมุนวนอยู่ภายใน น้ำเสียงของเขาแหบพร่า จนทำให้คนมึนเมาและมึนงงได้
“ขอเพียงเจ้าพยักหน้า”
…
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับได้ยินเสียงอ้อนวอนจากในประโยคนั้น
แต่หลังจากนั้นไม่นานนางก็รีบสลัดความคิดนั้นออกไปทันที
อ้อนวอน?
คนอย่างจวินจิ่วชิงน่ะหรือ คนที่กำเริบเสิบสาน จิตใจโหดเหี้ยม และเย่อหยิ่งอย่างถึงที่สุด
มีแต่คนอื่นจะขอร้องเขา มีหรือที่เขาจะขอร้องคนอื่น?
คิดไปคิดมาเรื่องที่เขาได้กระทำไปนั้น ล้วนเฉียบขาดและแสดงถึงลักษณะของเขาอย่างเต็มที่
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่นิ่งค้างไป น้ำเสียงเย็นชา
“นี่เจ้ากำลังเอาชีวิตของท่านพ่อข้ามาข่มขู่อย่างนั้นหรือ?”
ม่านน้ำแข็งกำลังปกคลุมรอบดวงตาของนาง สายตาของจวินจิ่วชิงสั่นสะท้านไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าและดวงตาของเขาจางหายไป
“ใช่แล้ว”
เขาพูดขึ้นอย่างเกียจคร้านและเฉื่อยชา
“ข้ามีคู่หมั้นแล้ว”
“ยกเลิกเสียก็จบ”
“ข้าไม่ได้รักเจ้า”
“อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะใช้ท่านพ่อของข้ามาเป็นเบี้ยเพื่อต่อรองแล้ว พวกเรายังจะมีความรักได้อยู่อีกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่โมโหจนหัวเราะออกมา นางคิดว่าความคิดของจวินจิ่วชิงนั้นไร้สาระอย่างมาก!
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าต้องการทำอันใดกันแน่ แล้วเหตุใดถึงอยากแต่งงานกับข้าด้วย ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่รู้ด้วยว่าเมื่อก่อนพวกราเคยรู้จักกันจริงหรือไม่ ไม่รู้ว่าพวกเราเคยเป็นอันใดกัน แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้เลยว่า เรื่องระหว่างพวกเรานั้นไม่มีทางเป็นไปได้! ต่อให้เจ้าใช้วิธีการเช่นนี้ เงื่อนไขนี้ของเจ้า…ข้าก็ไม่มีทางตอบรับอย่างเด็ดขาด!”
จวินจิ่วชิงมองหน้านางแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่คิดว่าเขาจะต้องโมโหขึ้นอย่างแน่นอน แต่เขากลับยิ้มขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เจ้าพูดได้ถูกต้อง เพราะเรื่องนี้ข้าได้ทุ่มเททุกวิถีทางแล้วจริงๆ”
เขาเอามือข้างหนึ่งเท้าคาง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า
“ฉู่เซียนหมิ่นทำร้ายเจ้า ข้าก็ส่งกู่โลหิตแดงไปให้นาง คนของสำนักอื่นแย่งชิงอันดับหนึ่งกับเจ้า ข้าก็ส่งพิษเย็นทั้งเจ็ดไปให้พวกเขา คนเหล่านั้นไม่ค่อยเชื่อฟัง ข้าจึงช่วยเจ้าจัดการ…”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
“เรื่องเหล่านั้น…เป็นฝีมือของเจ้าหรือ?! เจ้าต้องการจะลงมือกับข้าตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือ?”
“หากไม่เช่นนั้น เจ้าจะสามารถกลับมาได้เร็วขนาดนี้หรือ?”
รอยยิ้มของจวินจิ่วชิงลึกขึ้น
“แต่ว่ามดพวกนั้น จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างใด ข้าแค่ช่วยเจ้าให้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น”
และให้ “เจ้าดูสิ นี่เพิ่งปีเดียวเท่านั้น เจ้าก็กลับมาแล้ว ไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจจนพูดไม่ออก
“ซั่งกวนเยว่ เจ้าคิดว่ามีแต่เจ้าคนเดียวที่คิดจะกลับมาที่เมืองซีหลิงหรือ?”
จวินจิ่วชิงชี้ที่ตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า
“ข้าก็รอเจ้ากลับมาเช่นกัน”