ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1019 ร่างศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 1019 ร่างศักดิ์สิทธิ์
เนื่องจากนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายอย่างมาก ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าจึงไม่ได้ส่งเสียงพุ่งตรงไปหาฉู่หลิวเยว่อย่างเช่นที่หลานเซียวทำ ดังนั้นเสียงจะถูกส่งออกมาจากด้านบนของทะเลทราย
มู่หงอวี่ที่ตามมาด้านหลังจึงได้ยินเสียงนั้น นางจึงกวาดสายตามองโดยรอบ
“ใครกัน!?”
ฉู่หลิวเยว่พูดปลอบใจ
“วางใจเถอะ นี่คือผู้อาวุโสที่ข้าเคยพูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ เสียงของคนเมื่อครู่นี้คือ ผู้อาวุโสลำดับที่ห้า”
“หึๆ คาดไม่ถึงว่านังหนูจะจำข้าผู้เฒ่าไม่ได้?”
ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าหัวเราะออกมา
“ดูเหมือนว่าครั้งที่แล้วจะไม่ได้ลำบากเท่าไรสินะ?”
มู่หงอวี่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เหมือนจะนึกอันใดขึ้นมาได้ ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
“ท่านๆ …ครั้งที่แล้วท่าน…”
พรึ่บ!
ทันใดนั้นทรายก็ควบรวมเป็นลูกกลมๆ แล้วลอยไปหยุดอยู่ตรงหน้ามู่หงอวี่!
พรึ่บ!
ร่างของมู่หงอวี่หายไปจากตำแหน่งเดิมทันที!
มีเพียงระลอกคลื่นบางเบาที่ทิ้งเอาไว้ในตำแหน่งเดิม แทบจะทำให้คนอื่นไม่สังเกตถึงความผิดปกตินี้เลย
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่ขยับเล็กน้อย
เพราะว่านางเลื่อนขั้นมาเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดแล้ว ดังนั้นประสาทสัมผัสของนางจึงแหลมคมมากยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นระลอกคลื่นแบบนี้นางก็ยากจะสังเกตเห็น
สมแล้วที่เป็นร่างซวีหยวน!
วินาทีต่อมา ร่างของมู่หงอวี่ก็ปรากฏกายขึ้นอยู่บนทะเลทรายที่ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง
“แฮ่ก…โชคดีที่หลบได้…”
มู่หงอวี่ลอบดีใจกับตัวเอง แต่ในตอนนั้นนางก็พบว่าทรายลูกกลมๆ สีเหลืองยังคงลอยค้างอยู่ที่เดิม มันไม่ได้ตามนางมาเลย!
สายตาของนางเหม่อลอย จากนั้นก็พบว่าตนเองมีปฏิกิริยาตอบสนองมากเกินไป
“ฮ่าๆ! ดูเหมือนว่าช่วงนี้เจ้าจะก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย!”
ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าหัวเราะขึ้นเสียงดัง
พรึ่บ!
ทรายสีเหลืองกระจายทั่วพื้น
มู่หงอวี่หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ตอนนั้นนางถึงเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายหยอกล้อนางเล่นแล้ว
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางทะเลสาบอย่างจนปัญญา
“ผู้อาวุโสลำดับที่ห้า ครั้งที่แล้วหงอวี่ถูกท่านเคี่ยวเข็ญ ท่านอย่าได้หยอกล้อกับนางอีกเลย”
มู่หงอวี่หายตัวไป แล้วมาปรากฏอยู่ข้างกายฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
“หลิวเยว่วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร! ถ้าครั้งที่แล้วข้าไม่ได้รับการชี้แนะของผู้อาวุโสท่านนี้ ข้าก็คงไม่ก้าวหน้าเร็วขนาดนี้…”
แม้ว่าใบหน้าของนางจะแดงอยู่ แต่น้ำเสียงของนางนั้นจริงใจอย่างมาก
นางรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของผู้อาวุโสลำดับที่ห้ามาจากใจจริง
เมื่อพูดจบ นางก็โค้งคำนับขอบคุณอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นว่าท่าทางและความตั้งใจของมู่หงอวี่ดีขนาดนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็วางใจลงได้
แต่ว่าผู้อาวุโสลำดับที่ห้ากลับประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง!
“ดีๆ! เด็กมีอนาคตสอนได้!”
ผู้ที่เป็นสหายกับนังหนูเยว่เออร์ได้ ความสามารถทุกด้านย่อมไม่แย่
“เส้นชีพจรเทียนจิง?”
ในตอนนั้นเองก็มีน้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น
“ฟื้นฟูได้ตั้งแต่เมื่อไร?”
แม้ว่าน้ำเสียงนี้จะเย็นชาอย่างมาก แต่ยังแฝงไปด้วยความนุ่มนวล และไม่ได้กดดันอันใด
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น พื้นผิวทะเลสาบก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา
“เมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้าค่ะ”
ตู๋กูโม่เป่าแค่นเสียงออกมา
“มันก็แค่นั้น”
หลังจากทุกคนได้รู้ว่าฉู่หลิวเยว่สามารถฟื้นฟูเส้นชีพจรเทียนจิงได้ บ้างก็ตกใจ บ้างก็อิจฉา บ้างก็ไม่อยากจะเชื่อ ล้วนมีทุกอารมณ์
แต่ไม่มีใครเหมือนกับตู๋กูโม่เป่า
น้ำเสียงดูแคลนรังเกียจเล็กน้อย ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉู่หลิวเยว่จะฟื้นฟูเส้นชีพจรเทียนจิงได้ และเขาแทบจะไม่มองมันเลย
มู่หงอวี่ลอบแลบลิ้นใส่ฉู่หลิวเยว่
แม้ว่าจะไม่มีใครเห็น แต่เพียงแค่คำพูดเช่นนั้น ก็ทำให้ทุกคนตกใจมากแล้ว
ชีพจรเทียนจิง เป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยาก!
ทั่วทั้งราชวงศ์เทียนลิ่ง ตลอดพันปีที่ผ่านมาเพิ่งมีปรากฏแค่สองคนเท่านั้น!
คนบนโลกไม่รู้กี่คนต่อกี่คนที่อิจฉานาง!
แต่สำหรับ “ผู้อาวุโส” ที่นี่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแค่…งั้นๆ?
ตอนนี้มู่หงอวี่รู้แล้วว่า เหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงพูดว่า ผู้อาวุโสที่นี่อาจจะสามารถช่วยชี้แนะร่างซวีหยวนได้?
“โชคชะตาพาลิขิต และเป็นเพราะข้าค่อนข้างโชคดี ในตอนที่กำลังจะเลื่อนขั้นเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ด ก็ถือโอกาสฟื้นฟูชีพจรเทียนจิงขึ้นมาได้”
หางตาของมู่หงอวี่กระตุกอย่างรุนแรง
คนเหล่านี้…คนเหล่านี้ล้วนบ้าไปแล้ว!
นางแอบคิดว่า ถ้านางอยู่ที่นี่ต่อไป ชีวิตของนางจะไม่สงบสุขแน่…
แม้ว่าในใจของนางจะเตรียมใจเอาไว้นานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ นางถึงพึ่งรู้ว่าตัวนางนั้นไร้เดียงสาเกินไป!
“ที่เข้ามาในครั้งนี้ นอกจากจะมาตามนัดหมายแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอร้องผู้อาวุโสทั้งหลาย”
กลัวอันใดได้อย่างนั้น
ในตอนที่หัวใจของมู่หงอวี่กำลังเต้นโครมคราม ฉู่หลิวเยว่ก็จับมือของนางขึ้นมา แล้วดึงไปด้านหน้า
“หงอวี่เป็นร่างซวีหยวน อีกทั้งกำลังจะเลื่อนขั้นเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเจ็ด ข้าเคยเจอในหนังสือโบราณกล่าวว่า พลังจิตวั่งเสิ่นของร่างซวีหยวน ทะลวงยากอย่างมาก ดังนั้นจึงอยากจะให้ท่านผู้อาวุโสทั้งหลายช่วยเหลือ ชี้แนะแนวทาง ไม่ทราบว่า…”
“เรื่องแค่นี้ย่อมไม่เป็นปัญหา”
ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“มีข้าผู้อาวุโสอยู่ รับประกันว่าจะทำให้นางฝึกพลังจิตวั่งเสิ่นได้สำเร็จ”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกาย
“ท่านเต็มใจช่วยเหลือจริงๆ หรือ?”
“แล้วเหตุใดเล่า? ร่างซวีหยวน ถือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี หากมันจะต้องสูญเปล่า ก็น่าเสียดาย”
ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าพูดขึ้น และอดที่จะแค่นหัวเราะไม่ได้
“พวกราชวงศ์เทียนลิ่งที่มีความสามารถธรรมดา พวกเขาทำให้เจ้าเสียเวลาก็ช่างเถิด ต่อไปนี้เมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะสามารถทะลวงพลังจิตวั่งเสิ่นได้แน่นอน!”
ในเมื่อเขาพูดเช่นนั้น ก็หมายความว่าเขามีใจจะช่วยจริงๆ
มู่หงอวี่รีบโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“ขอบคุณผู้อาวุโสลำดับที่ห้ามาก!”
หลังจากที่พูดเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมา
“จริงสิ ไม่ทราบว่าที่ผู้อาวุโสเรียกข้ามา มีเรื่องอันใดหรือ?”
หลังจากที่จัดการเรื่องของมู่หงอวี่เสร็จแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ให้ความสนใจอีกประเด็น
ผู้อาวุโสลำดับที่ห้ากลับไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เขาดูลังเลเล็กน้อย
“คือว่า…ให้พี่เป่าเป็นคนพูดกับเจ้าเถอะ! ข้าจะพานางไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแถวนี้ก่อน!”
เมื่อพูด เสียงตะโกนหนึ่งก็ดังขึ้น
“หงอวี่ ตามข้ามา!”
มู่หงอวี่รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
“อ่า…อ่า! ได้เจ้าค่ะ!”
เมื่อพูดจบ นางก็หันไปมองทางฉู่หลิวเยว่อย่างลังเลเล็กน้อย
แววตาของฉู่หลิวเยว่ทำให้นางรู้สึกมั่นใจขึ้น
“เจ้ารีบไปเถอะ”
มู่หงอวี่พยักหน้า
ทันใดนั้นทรายสีเหลืองกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏที่ด้านข้างของนาง
“โอ๊ะ…มาอีกแล้ว!”
มู่หงอวี่คร่ำครวญออกมาหนึ่งเสียง จากนั้นก็พุ่งตัวหายไปทันที!
หลังจากนั้นไม่นาน ที่ตรงนั้นก็เหลือเพียงฉู่หลิวเยว่คนเดียว
แสงแดดแผดเผา ลมหายใจอยู่กระจายทุกทิศ แต่บนพื้นทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกล กลับมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น
“นังหนูเยว่เออร์ เจ้ามานี่สิ”
นั่นเป็นเสียงของหลานเซียว
ฉู่หลิวเยว่เดินตามเสียงนั้นไป
เมื่อถึงริมทะเลสาบ นางก็หลุบตาลงต่ำเพื่อมองโดยไม่รู้ตัว
ท่ามกลางน้ำของทะเลสาบที่กระจ่างใส เหมือนว่าจะมีเงาสายหนึ่งรวมตัวอยู่
“ความจริงแล้วที่เรียกให้เจ้ามาในครั้งนี้ เพราะว่าพี่เป่ามีเรื่องอยากจะให้เจ้าช่วย”
น้ำเสียงของหลานเซียวค่อนข้างแปลกประหลาด
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
พี่เป่าต้องการให้นางช่วยหรือ?
คนเหล่านี้มีฝีมือแข็งแกร่งกว่านางตั้งหลายเท่า โดยเฉพาะพี่เป่า เรื่องอันใดกันที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากนาง?
“ตราบใดที่ข้าสามารถทำได้ ข้าจะไม่มีทางปฏิเสธ ไม่ทราบว่า…เป็นเรื่องอันใดหรือ?”
หลานเซียวพูดขึ้นเสียงเบา
“พี่เป่า จะให้ข้าช่วยท่านพูดหรือว่าท่านจะพูดเอง?”
เงียบกริบ
หลังจากผ่านมาสักพัก เสียงของตู๋กูโม่เป่าก็ดังขึ้น
“ถ้าได้ออกจากร่างศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดังนั้นข้าจึงต้องการพลังของเจ้าเพื่อกระตุ้นมัน และปลุกมันขึ้นมา”
**********************************