ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1020 มองอันใดเล่า
ตอนที่ 1020 มองอันใดเล่า
ร่างศักดิ์สิทธิ์?
กระตุ้น?
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินก็รู้สึกมึนงงไปสักพัก
“ร่างศักดิ์สิทธิ์นี้คือ…”
“หลังจากผู้บำเพ็ญเพียรที่เลื่อนขั้นผ่านระดับเก้าแล้ว จะก้าวข้ามผ่านแดนศักดิ์สิทธิ์ สามารถใช้พลังฟ้าดิน หลอมรวมร่างกายแล้วทำให้กลายเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์”
“ร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปจะมีขีดจำกัด แต่ร่างศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เหมือนกัน พลังของมันไม่มีที่สิ้นสุด บำเพ็ญเพียรถึงระดับสูงสุด ยิ่งกว่านั้นก็เป็นอมตะ! ดังนั้นสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปแล้ว ร่างศักดิ์สิทธิ์มีความสำคัญอย่างมาก และยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่สามารถฝึกฝนได้มาถึงจุดนี้ ต่อให้กายเนื้อถูกทำลาย แต่เขาก็สามารถรวบรวมและสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ใหม่ได้อีกครั้ง!”
“กายเนื้อของพวกเราทั้งหลายถูกทำลายไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่วิญญาณเท่านั้น โดยพวกเราล้วนอาศัยการดูดกลืนพลังฟ้าดิน จนในที่สุดก็สามารถหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ตราบใดที่สามารถปลุกร่างศักดิ์สิทธิ์ให้ตื่นได้ พี่เป่าก็สามารถออกจากที่นี่ได้แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ แววตาเต็มไปด้วยความยินดี
“นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากเลย! หากพลังของข้าสามารถช่วยผู้อาวุโสทั้งหลายได้ ข้าจะต้องทำอย่างแน่นอน!”
นางรู้ว่าตู๋กูโม่เป่าและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ถูกขังอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลบางประการ
แต่ละเดือนพวกเขาออกจากทะเลทรายจันทราสีชาดได้เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดโดยไม่รู้วันรู้คืน
ตอนนี้ตู๋กูโม่เป่าสามารถหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว หลังจากนี้เขาก็สามารถออกจากที่นี่ได้
พื้นดินกว้างใหญ่ มีที่ใดไปไม่ได้?
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ว่า…ทางด้านพี่เป่า เกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย”
น้ำเสียงของหลานเซียว เหมือนว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่
“ปัญหาอันใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
“ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีอันใด เขาแค่กระวนกระวายอยากจะช่วยเจ้า จึงพยายามหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ได้เร็วยิ่งขึ้น แต่ผลปรากฏว่า…”
“หลานเซียว หากเจ้าไม่ต้องการลิ้นแล้ว ข้าช่วยเจ้าดึงออกได้นะ”
น้ำเสียงของตู๋กูโม่เป่าเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว! เช่นนั้นเจ้าพูดกับเยว่เอ๋อเองเถอะ!”
หลานเซียวเริ่มร้องขอความเมตตา คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ชวนทะเลาะกับตู๋กูโม่เป่า
เรื่องนี้จึงทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ร่างศักดิ์สิทธิ์มีความสำคัญเช่นนี้ ในเมื่อหลอมสำเร็จแล้ว มันยังจะมีปัญหาอันใดอีกได้
แล้วก็…เมื่อฟังจากคำพูดของหลานเซียว เหมือนว่าเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนางเล็กน้อย?
นางครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า
“ไม่ทราบว่าตอนนี้ร่างศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องทำอย่างใดถึงจะสามารถปลุกร่างศักดิ์สิทธิ์นั้นได้?”
ทันทีที่นางพูดจบ บนพื้นผิวน้ำก็เกิดการกระเพื่อมอย่างรุนแรง
หลังจากนั้น ใจกลางทะเลสาบสีไพลินก็เกิดกระแสน้ำวนขึ้น!
ระลอกคลื่นกระจายออกไปจนทั่ว และตรงกลางค่อยๆ ยุบลง
รังไหมสีม่วงจางๆ ค่อยปรากฏ และลอยขึ้นสูงอย่างช้าๆ!
แรงกดดันที่แข็งแกร่งค่อยๆ กระจายจากด้านบนเบาๆ
เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกแน่นหน้าอกแล้ว! การโคจรพลังดั้งเดิมในร่างกายก็ค่อยๆ ช้าลง
นี่คือลมปราณของผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจ
ร่างศักดิ์สิทธิ์นี้ยังไม่ทันได้ตื่น ก็น่ากลัวขนาดนี้แล้ว
ไม่รู้ว่าพลังที่แท้จริงของตู๋กูโม่เป่าจะน่าตกใจแค่ไหน!
แล้วในตอนนี้ ทันใดนั้นไข่มุกธาราที่อยู่ภายในร่างกายของนางก็ปล่อยพลังที่อ่อนโยนแต่ทว่าแข็งแกร่งออกมา ก่อนจะแผ่กระจายเข้าทั่วทุกส่วนของร่างกายนาง
ความรู้สึกกดดันนั้นหายไปเป็นจำนวนมาก
แต่ฉู่หลิวเยว่ยังคงรู้สึกหายใจลำบาก ดวงตาจ้องมองไปข้างหน้าโดยไม่กะพริบ นางไม่กล้าพลาดแม้แต่เสี้ยววินาที
“ด้านในนี้คือร่างศักดิ์สิทธิ์ของข้า”
ไม่รู้ว่าเหตุใดน้ำเสียงของตู๋กูโม่เป่าถึงดูงุ่มง่ามขึ้นเล็กน้อย
“อีกเดี๋ยว เจ้าก็ใช้ดัชนีแทงทะลุและใส่พลังดั้งเดิมเข้าไปก็พอแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
“ได้เจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นรังไหมก็พุ่งเข้ามาหาทางฉู่หลิวเยว่
อาจจะเป็นเพราะว่าตู๋กูโม่เป่าตั้งใจยับยั้งลมปราณของตัวเอง ฉู่หลิวเยว่ถึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่แข็งแกร่งอีก ภายใต้การสนับสนุนของไข่มุกธารา นางจึงยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
ในตอนนั้นเอง ถึงได้ครุ่นคิดถึงปัญหา
…รังไหมนั้นเหตุใดมันดูเหมือนเล็กขนาดนี้ล่ะ?
ในเมื่อเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ…
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในสมองของนาง หลังจากนั้นไม่นาน รังไหมนี้ก็ลอยถอยห่างออกจากฉู่หลิวเยว่หนึ่งก้าว
บนรังไหมนี้มีประกายสีม่วงจางๆ ดูงดงามอย่างมาก
มองเห็นพลังภายในไม่ชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คิดอันใดมาก นางกัดที่นิ้วชี้ เลือดสีแดงหยดหนึ่งไหลออกมา และพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว!
หลังจากนั้นเหมือนว่าหยดเลือดถูกพลังบางอย่างชี้นำ หยดเลือดนั้นลอยออกจากปลายนิ้วของฉู่หลิวเยว่ แล้วตรงไปที่รังไหมนั้น
ในขณะเดียวกัน นอกจากจะมีพลังดั้งเดิมที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างมหาศาลแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน หยดเลือดก็ตกลงกลางรังไหมนั้น
เมื่อสัมผัสได้เพียงครู่เดียว หยดเลือดนั้นก็หายไปทันที
หลังจากนั้นรังไหมที่ว่าก็เกิดเสียงดังขึ้นและส่องประกายเกิดแสงเจิดจ้า!
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นมาปิดตาทันที!
ลำแสงสีม่วงกระจาย!
แกร๊ก!
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเหมือนมีเสียงอันใดบางอย่างแตกร้าว!
เมื่อลำแสงนั้นค่อยๆ หายไป นางถึงได้เงยหน้าขึ้นมา และมองไปทางทิศทางตรงหน้า
แต่เมื่อเห็นของสิ่งนั้นนางก็ตกตะลึงไปทันที
รังไหมนั้นได้หายไปแล้ว เหมือนว่าผ้าคลุมชั้นหนึ่งถูกยกขึ้น ในที่สุดก็รู้ว่าด้านในมีอันใด!
สิ่งที่อยู่ด้านในเหมือนเป็นเด็กน้อยอายุสามสี่ขวบ กำลังรออยู่กลางอากาศอย่างสงบนิ่ง
ใบหน้าเล็กๆ น่ารักอย่างมาก ก้อนเนื้ออ้วนๆ แต่ขนตาของเด็กคนนั้นยาวอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมสั้นสีม่วง ดูนุ่มสลวย
เมื่อลมพัดมันก็ปลิวไสวเบาๆ
ราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงสายตาของฉู่หลิวเยว่ และเขาจึงลืมตาขึ้นมาทันที!
รูม่านตาเป็นสีม่วง!
งดงามราวกับมาร!
สองคนสี่สายตาประสานกัน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทางดุร้าย
“มองอันใดเล่า ไม่เคยเห็นหรือไง?”
เดิมทีประโยคนี้จะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แต่น่าเสียดายที่น้ำเสียงของเขาน่ารักเกินไป จึงไม่ทำให้รู้สึกถูกข่มขู่เลย
ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับมา แล้วยื่นมือออกไปชี้
“อื้อ…”
“พี่เป่า พี่ยังไม่ได้สวมเสื้อผ้า”