ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1022 ไปด้วยกัน
ตอนที่ 1022 ไปด้วยกัน
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหวอย่างรุนแรง!
นั่นหมายความว่า พี่เป่าอาจจะมีร่างกายเช่นนี้ไปตลอดชีวิตหรือ?
ชีวิตของคนคนหนึ่งยืนยาวขนาดไหน แล้วยิ่งไปกว่านั้นพี่เป่าสามารถข้ามผ่านอาณาจักรเซียนเทพ และหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วด้วย?
แม้ว่าร่างกายในตอนนี้จะดูน่ารัก แต่แท้ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่เด็ก
หากจะต้องติดอยู่ในร่างศักดิ์สิทธิ์อายุสามขวบไปตลอดชีวิต…
สำหรับเขาแล้วจะต้องเป็นเรื่องทรมานอย่างมาก
“หึ อย่าให้เขารู้ล่ะ ว่าเจ้ารู้แล้ว”
หลานเซียวถอนหายใจออกมา
“การตัดสินใจนี้ ในตอนแรกข้ากับผู้อาวุโสลำดับที่ห้าก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะหลังจากนั้น…เกือบจะล้มเหลว จึงทำให้พวกเรารู้สึกตัวขึ้นมา ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีทางรู้เลย ดังนั้นเขาไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับเจ้าแน่ และเขาก็ไม่อยากให้พวกเราพูด แต่ข้าเพียงคิดว่า เรื่องนี้ไม่ควรปิดบังเจ้า”
“ที่ข้าพูดเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะให้เจ้าซาบซึ้งในบุญคุณของเขา แต่อยากให้เจ้ารู้ว่า…แม้จะมีคนหักหลังเจ้า แต่ก็มีคนยืนอยู่ข้างเจ้าตลอดไปเช่นกัน”
ต่อให้จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายเพียงใดก็ตาม!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่หลิวเยว่ได้ยินหลานเซียวพูดอย่างจริงจังขนาดนี้
มีความรู้สึกบางอย่างพลุ่งพล่านอยู่ในอกของนาง หัวใจของนางอุ่นวาบ ร่างกายทั่วทั้งร่างกายก็เหมือนจะอุ่นขึ้นด้วย
นางหลับตาลง ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ในแววตา และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มของนางก็กลับมาเป็นเช่นเดิม
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม พี่เป่า ข้าดีใจนักที่สามารถช่วยท่านได้”
…
ในเมื่อหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว เช่นนั้นตู๋กูโม่เป่าก็เป็นอิสระแล้ว
เขาถูกขังที่ทะเลทรายจันทราสีชาดมานานหลายปี เมื่อสามารถออกมาได้ เขาก็รู้สึกไม่คุ้นเคย
โดยเฉพาะ…รูปลักษณ์อย่างเช่นปัจจุบัน
เขาใช้เวลานานมากในการโน้มน้าวตัวเอง ที่จะเมินเฉยกับประเด็นนี้
ท้ายที่สุดแล้วกว่าจะออกมาได้นั้นมันไม่ง่ายเลย
ทั้งสองคนสนทนากันอีกสองสามประโยค จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจมานาน
“พี่เป่า พวกท่านรู้จักหรงซิว ใช่หรือไม่?”
ตู๋กูโม่เป่าเหลือบสายตามองนาง
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ราบเรียบ
“ข่าวที่สำคัญขนาดนี้ แต่ท่านกลับให้เสวี่ยเสวี่ยเป็นคนส่งสาร เท่านี้มันก็เพียงพอในการยืนยันได้แล้ว ไม่ใช่หรือ?”
เมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง เสวี่ยเสวี่ยที่นั่งรออยู่ระยะไกลอย่างเงียบๆ ก็ฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น
แต่หลังจากนั้นเสียงที่เย็นชาของตู๋กูโม่เป่าก็ดังขึ้น
“ในตอนที่ข้ากำลังต้องการเรียกหาเจ้า มันก็มาที่นี่เอง จะไม่ใช้ก็กระไรอยู่”
ร่างกายของเสวี่ยเสวี่ยสั่นสะท้านทันที มันอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
มันมาที่นี่เองที่ไหนเล่า?!
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของนายท่าน มันจะมาที่นี่ได้อย่างใด!?
นี่มันไม่มีสิทธิของสัตว์อสูรจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
คำพูดนี้ของตู๋กูโม่เป่าไม่ได้ตอบคำถามของนางโดยตรง
นางเหลือบสายตามองขึ้น ก่อนจะหัวเราะ
“พี่เป่า ท่านไม่ต้องกังวล”
“ข้านึกอันใดออกได้มากมายแล้ว รวมถึง…เรื่องที่หรงซิวอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วย”
ทันทีที่สิ้นเสียง รูม่านตาสีม่วงที่งดงามของตู๋กูโม่เป่าก็ฉายความประหลาดใจออกมาด้วย
“เจ้า…เจ้านึกออกหมดแล้วหรือ? ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย?
หน้าผานั้น ศาลาแปดเหลี่ยมแห่งนั้น ที่นั่นคืออาณาจักรเสิ่นซวี่!
คนที่เล่นหมากกับนางในตอนนั้น นั่นก็คือหรงซิวไม่ผิดแน่!
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่ที่อาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว!
ความจริงแล้วสิ่งที่นางจำได้นั้นมีจำกัด คำพูดของนางเป็นแค่ประโยคลองเชิงเท่านั้น อีกทั้งคำพูดของตู๋กูโม่เป่า ก็เป็นการยืนยันการคาดเดาของนางได้พอดิบพอดี!
“ไม่ได้จำได้ทั้งหมด จำได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”
ความคิดในใจของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปทันที
ในเมื่อตู๋กูโม่เป่าก็รู้เรื่องเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะต้องรู้จักหรงซิวอย่างแน่นอน
ถ้าเช่นนั้นการที่จะให้เสวี่ยเสวี่ยช่วยเหลือก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
เพียงแต่ว่า…คาดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะไม่เคยเปิดเผยมาก่อน!
“ดังนั้นในครั้งนี้ ข้าจึงวางแผนที่จะไปอาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วยตนเองอีกครั้ง”
ตู๋กูโม่เป่าขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าเล็กสีขาวอมชมพูจริงจังขึ้นมาหลายส่วน
“ตอนนี้?”
“ตอนนี้”
“เจ้าไม่มีทางไม่รู้ว่าด้วยระดับพลังของเจ้าในตอนนี้ หากจะไปอาณาจักรเสิ่นซวี่…เป็นเรื่องอันตรายมากแค่ไหนใช่หรือไม่?”
“ในเมื่อก่อนหน้านี้ข้าเคยไปมาแล้ว เหตุใดตอนนี้ถึงไปไม่ได้ล่ะ?”
ตู๋กูโม่เป่ารู้สึกลังเลขึ้นมา
แน่นอนเพราะว่าตอนนั้นเจ้าแข็งแกร่งกว่าตอนนี้!
แต่เมื่อคิดถึงว่า ภายในร่างกายของนางในตอนนี้มีไพ่ไม้ตายอยู่ไม่น้อย บางทีอาจจะลองดูก็ได้
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง แต่เสวี่ยเสวี่ยที่อยู่ระยะไกลกลับกระโดดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“โอ๊ว?!”
บรรพบุรุษท่านนี้จะไปด้วยกันหรือ?
เกรงว่าฟ้าจะต้องถล่มแล้ว!
“หือ? ไม่ต้อนรับข้าหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าชำเลืองสายตามองมันเล็กน้อย
เสวี่ยเสวี่ยรีบหมอบลงอย่างเชื่อฟังทันที
เหอะๆ ล้อเล่นหรอกน่า จะไม่ต้อนรับได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ด้วยนิสัยของหรงซิว เหตุใดถึงเลี้ยงสัตว์อสูรออกมาได้ไม่มีเหตุผลขนาดนี้เล่า…
ราวกับว่ามันสามารถอ่านความคิดของฉู่หลิวเยว่ออก เสวี่ยเสวี่ยจึงเหลือบสายตามองนางอย่างเศร้าสร้อย
หรือว่านางลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้มันเคยโดนทรมานมาอย่างใด?
ใครมันจะทนได้บ้างเล่า?
“เจ้าก็ไม่เห็นด้วยหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าหันมาถามฉู่หลิวเยว่
แม้ว่าน้ำเสียงจะราบเรียบ แต่รัศมีแห่งความคุกคามสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากใบหน้าเล็กๆ นั้น
ฉู่หลิวเยว่ยกมือทั้งสองข้างขึ้น ท่าทางเห็นด้วย
“ข้าเห็นด้วยแน่นอน!”
นางเห็นด้วยแบบแท้จริง
นางรู้สึกว่ามันดีมาก
อาณาจักรเสิ่นซวี่ลึกลับยากคาดเดา ผู้แข็งแกร่งมีมากมายดุจเมฆ
แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยไปที่นั่นมาก่อน แต่ในตอนนี้นางแทบจะจำอันใดไม่ได้แล้ว อาจจะไม่รู้สถานการณ์รอบตัวเอง
หากพี่เป่าสามารถไปด้วยกันได้ จะต้องทำให้นางลดปัญหาไปได้มากแน่นอน
แล้วอีกอย่าง การมีผู้แข็งแกร่งเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทำให้นางมีความมั่นใจอย่างมาก
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงใจของฉู่หลิวเยว่ ตู๋กูโม่เป่าจึงพยักหน้าอย่างพอใจ
“เช่นนั้นก็ออกเดินทางกันเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่ลังเลเล็กน้อย
“แล้ว…หงอวี่?”
“นางจะอยู่ที่นี่ มีผู้อาวุโสลำดับที่ห้าและหลานเซียวคอยชี้แนะ”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรู้สึกว่าแผนการนี้ดีมาก
แม้ว่าจะลำบากไปสักเล็กน้อย แต่ว่าสำหรับหงอวี่แล้ว ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้อย่างยากยิ่ง
ตู๋กูโม่เป่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่ข้ามผ่านอาณาเขตเซียนเทพแล้ว ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าและหลานเซียวคงตามหลังมาอีกไม่ไกล
หากเป็นคนอื่น แม้กระทั่งใบหน้าของพวกเขาก็คงยากที่จะได้เจอ
ฉู่หลิวเยว่โบกมือให้กับเสวี่ยเสวี่ย
“เสวี่ยเสวี่ย พวกเราควรจะไปได้แล้ว!”
เสวี่ยเสวี่ยได้ยินดังนั้น แม้ว่ามันจะลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังสาวเท้าเดินเข้ามา
มันเดินตรงมาที่ข้างกายของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นก็หันไปมองตู๋กูโม่เป่าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเขยิบเข้าใกล้ฉู่หลิวเยว่มากขึ้น
ถวนจื่อที่เกาะอยู่บนไหล่ของนางเห็นดังนั้น ในที่สุดมันก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
เสวี่ยเสวี่ยจ้องไปที่มันด้วยความโกรธ
นั่นเพราะเจ้ายังเกิดไม่ทันเรื่องในปีนั้น
เจ้าลองมาดวลพลังกับบรรพบุรุษท่านนี้สิ!
เจ้าเด็กน้อย! ไม่รู้ความ!
แววตาของมันมีรอยยิ้มเย็นๆ สว่างขึ้น มันซบศีรษะเข้ากับซอกคอของฉู่หลิวเยว่
คิดว่ามันเป็นคนโง่หรือไง?
มันมองออกอยู่แล้วว่าตู๋กูโม่เป่าแข็งแกร่งมาก และเป็นคนที่ไม่สามารถยั่วยุได้
มีนายท่านของตัวเองเป็นที่พึ่งพิง แล้วเหตุใดจะต้องไปทนลำบาก?
เหอะ
เบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า สุดท้ายก็เบือนหน้าหนี เสวี่ยเสวี่ยไม่ทะเลาะด้วยแล้ว
มันจะทำอันใดได้เล่า ก็มันเลือกเจ้านายเอง
…
“ฮัดชิ้ว!”
ทันใดนั้นหรงซิวก็จามขึ้นมาทันที
เขาถูจมูกของตัวเอง
อื้อ!
เหมือนว่าช่วงนี้เขาจะไม่ค่อยสบายเท่าไร
…