ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1025 ลูกกำพร้าแม่หม้าย
ตอนที่ 1025 ลูกกำพร้าแม่หม้าย
ฉู่หลิวเยว่มึนงงอยู่ครู่หนึ่ง
เหมือน เหมือนว่าคนผู้นี้จะเข้าใจผิดแล้ว!?
แต่ว่านางยังไม่ทันได้พูดอันใด นางก็รับรู้ได้ถึงลมปราณที่เย็นยะเยือกจนเกือบจะทำให้แช่แข็งคนให้ตายได้!
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นว่าใบหน้าของตู๋กูโม่เป่าดำคล้ำราวกับก้นหม้อ!
เมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียด ฉู่หลิวเยว่ก็กดศีรษะของเขาเข้ามาในหน้าอก บังคับให้เขาเบือนหน้าออก
เฮ้อ ถ้ามองต่อไป เกรงว่าเขาจะพุ่งไปฆ่าคนคนนั้นทันที!
“ใต้เท้าพูดล้อเล่นแล้ว…”
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้อธิบาย ตู๋กูโม่เป่าก็คว้าข้อมือของฉู่หลิวเยว่ออก และหันหน้าไปทางนั้นอย่างดื้อรั้น
ไม่ว่าใครก็ตามที่มองเห็นสีหน้าของเด็กคนนี้ ก็จะรู้ว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติ!
เหมือนว่าหลินเซียวสามารถสัมผัสอันใดได้บางอย่าง เขาหันไปมองแล้วก้มหน้าลง…
ฉู่หลิวเยว่ก้มตัวลง มือข้างหนึ่งอุ้มตู๋กูโม่เป่าขึ้นมา ส่วนมืออีกข้างก็กดศีรษะเล็กๆ ลงที่ไหล่ของตนเอง
ตู๋กูโม่เป่ายังไม่ทันได้ตอบสนอง แต่ร่างกายก็อยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น และอ่อนโยน
มือเล็กๆ ของเขากำลังจะเคลื่อนไหว แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยั้งมือ
“ใต้เท้าท่านดูสิ ข้ามาที่นี่คนเดียวพร้อมกับเด็กเล็กอีกหนึ่งคนมันลำบากมาก…”
ความเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นบนหน้าของนาง แม้ว่านางจะยิ้มอยู่ แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงความขมขื่น
“…พ่อของเขานั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาไปอยู่ที่ใด…”
ตู๋กูโม่เป่าขัดขืนขึ้นเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่ถูกฉู่หลิวเยว่กอดรัดจนแน่น
ด้านหนึ่งเขายังไม่ต้องการแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาให้ทุกคนเห็น ส่วนอีกด้านหนึ่งเขากลัวว่าจะทำให้ฉู่หลิวเยว่บาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงใช้ความพยายามด้านร่างกายที่อ้วน และเตี้ยในการขัดขืนเท่านั้น
แต่น่าเสียดายที่มันไม่เป็นผลเลย
“ต้าเป่า เด็กดี…เป็นเด็กดีนะ…” ฉู่หลิวเยว่ปลอบเสียงเบา วงแขนโอบรัดตัวของเขาไว้อย่างแน่นหนา จนเขาไม่สามารถขยับตัวได้ ในขณะเดียวกันนั้นเองก็ใช้มือลูบหลังเขาเบาๆ ด้วย ราวกับว่าต้องการจะปลอบเด็กน้อยจริงๆ
เมื่อตู๋กูโม่เป่าได้ยินประโยคนั้น ในที่สุดก็หยุดขัดขืน แล้วฝังใบหน้าตัวเองไว้บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่
อย่างสิ้นหวัง
ในตอนนี้ไม่เงยหน้าไปมองดีที่สุด!
ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเขา…ก็ป่นปี้แล้ว!
เมื่อเห็นว่าเขาหยุดนิ่งลงแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ถอนลมหายใจออกมา ก่อนจะหันไปมองที่หลินเซียวอย่างอ้อนวอนอีกครั้ง
“ใต้เท้า ท่านช่วยข้าสักครั้งเถอะ…ท่านดูสิ เด็กเล็กขนาดนี้ หากไม่มีคนดูแลแล้วละก็…”
ท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรมของนาง ทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
หลินเซียวขมวดดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ยังคงโบกมือเช่นเดิม
“ไม่ได้! ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีข้อยกเว้นเช่นนี้ จะปล่อยให้…”
“ให้พวกเขาเข้ามาพร้อมกันเถอะ”
ในตอนนั้นเอง เสียงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของนาง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง
ผู้ที่มาใหม่คือชายหนุ่มคนหนึ่ง ท่าทางอายุประมาณไม่เกินสิบเจ็ดปี รูปงาม รูม่านตาเป็นสีสว่าง มีรอยแผลเป็นเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวที่หางตา ทำให้เขาดูห่างเหินและเย็นชามากยิ่งขึ้น
เขาสวมเสื้อคลุมลายพระจันทร์เสี้ยว รูปร่างสูงเพรียว
เป็นคุณชายที่สง่างามไร้มลทิน
เพียงแต่ใบหน้าของเขาซีดขาวอย่างมาก โดยเฉพาะริมฝีปากที่ไม่มีเลือดฝาดเลย
ดูแล้วเหมือนเขาจะเป็นผู้ป่วยมานานแล้ว
ราวกลับหากสัมผัสเพียงเล็กน้อย เขาอาจจะแตกสลายได้
แต่หลังจากนั้นไม่นานฉู่หลิวเยว่ก็สามารถสัมผัสได้ว่า ลมปราณของชายคนนี้แข็งแกร่งมาก
คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะก้าวข้ามอาณาเขตเซียนเทพแล้ว!
เหมือนว่าเขาก็เป็น…ครึ่งเทพ!?
เมื่อหลินเซียวเห็นว่าผู้ที่มาใหม่เป็นใคร ก็หน้าเปลี่ยนสี และรีบโค้งตัวทำความเคารพทันที
“คารวะคุณชายสี่!”
“แค่ก…แค่กๆ…”
เหมือนว่าชายคนนั้นจะพูดอันใดบางอย่างขึ้นมา แต่เขากลับไอขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หลินเซียวรีบสาวเท้าเดินเข้าไปด้านหน้า ท่าทางตื่นตระหนก
“คุณชายสี่ ท่านเป็นอันใดไป? ไม่สบายตรงไหนหรือ?”
ชายคนนั้นหัวเราะเสียงเบา
“สุขภาพของข้าเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ข้าชินเสียแล้ว”
เขาส่ายหน้า แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นอันใด ก่อนจะชี้ไปที่ฉู่หลิวเยว่
“นางเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม เด็กก็ย่อมบริสุทธิ์ เด็กคนนี้เหมือนจะอายุสามขวบเท่านั้น ไม่มีทางก่อเรื่องได้หรอก ปล่อยพวกเขาเข้ามาด้านในเถิด อย่าพรากพวกเขาสองแม่ลูกด้วยเหตุผลเล็กน้อยเช่นนี้เลย”
น้ำเสียงของเขาเบามาก ราวกับว่าตอนที่มองไปยังฉู่หลิวเยว่ เขาจะนึกอันใดขึ้นมาได้
หลินเซียวไม่กล้าพูดอันใดมาก
มีใครไม่รู้บ้างว่าท่านแม่เสียชีวิตในการคลอดคุณชายสี่ หลินจือเฟยที่ประตูแดนสวรรค์นี้
หลายปีผ่านมา คุณชายสี่ก็ยังจดจำเรื่องราวเหล่านี้อยู่ในใจเสมอ
ข่าวลือด้านนอกก็โหมกระหน่ำ พวกเขากล่าวว่า คุณชายสี่เป็นสัตว์ประหลาด ที่เกิดมาฆ่าแม่ของตนเอง
แม้ว่าเบื้องบนจะสั่งห้ามปล่อยข่าวลือนี้ แต่ปากคนมันห้ามกันได้ที่ไหน
คุณชายสี่เคยได้ยินมาหมดแล้ว
เรื่องนี้จึงทำให้เขาเป็นคนเก็บตัว ไม่สนใจสิ่งอื่น และแปลกแยก
ในสถานการณ์ทั่วไปแล้ว เขาไม่มีทางสนใจเรื่องแบบนี้
แต่วันนี้เขาได้มาเห็นแม่ลูกที่กำลังจะต้องพลัดพราก ในใจก็รู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมา จึงพูดออกมาเช่นนั้น
“ในเมื่อคุณชายสี่พูดเช่นนี้แล้ว งั้น…ข้าน้อยก็จะปล่อยพวกเขาเข้าไป คุณชายสี่ได้โปรดวางใจ”
หลินเซียวตอบรับด้วยความเคารพหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หันไปพูดกับฉู่หลิวเยว่
“งงอันใดเล่า? ยังไม่รีบเข้ามาขอบคุณคุณชายสี่อีก!”
ฉู่หลิวเยว่กอดต้าเป่าเอาไว้ พร้อมกล่าวขอบคุณกับหลินจือเฟยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณคุณชายสี่มากเจ้าค่ะ!”
แต่หลินจือเฟยแค่โบกมือส่งๆ จากนั้นก็พูดเสียงเรียบว่า
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น กว่าที่เจ้าจะเดินทางมาถึงที่นี่ได้นั้นยากลำบากมาก หลังจากที่เข้าไปในอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว เจ้าจะต้องดูแลเขาให้ดีนะ”
ในขณะที่พูดเขาก็หันไปมองทางตู๋กูโม่เป่าที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่
“แม้ว่าเจ้าจะยังเด็กมาก แต่ก็หวังว่าเจ้าจะรู้ความโดยเร็ว และรับรู้ถึงความยากลำบากของท่านแม่”
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเสียงกัดฟันกรอดจากใครบางคนอย่างชัดเจน
นางลูบหัวตู๋กูโม่เป่าเบา ๆ แล้วหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นว่า
“คุณชายสี่ได้โปรดวางใจ ต้าเป่าของพวกเรารู้ความมาตลอด”
เดิมทีนางอยากจะให้เขากล่าวขอบคุณหลินจือเฟย เพื่อการแสดงที่สมบูรณ์แบบ
แต่ฉู่หลิวเยว่คิดไปคิดมาแล้วไม่เอาเสียดีกว่า
…นางยังอยากจะหาทางลงให้ตนเองอยู่
ทำเรื่องที่โหดร้ายเกินไปมันจะไม่ดี…
หลินจือเฟยกระแอมไอหลายครั้ง อีกทั้งยังคงรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปาก แต่มันก็ยังไม่ดีขึ้น
หลินเซียวไม่สามารถสนใจฉู่หลิวเยว่ได้อีกต่อไป จึงถามขึ้นอย่างประหม่าว่า
“คุณชายสี่ ให้ข้าน้อยเรียกคนมารับท่านดีหรือไม่? ร่างกายของท่าน…”
หลินจือเฟยส่ายหน้า
“ข้ากลับเองได้ ไม่ต้องทำให้ท่านพ่อเป็นกังวล”
เมื่อพูดจบ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านไปเล็กน้อย ก่อนจะเคลื่อนตัวผ่านม่านแสง
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่แผ่นหลังของเขา ด้วยแววตาเหม่อลอยเล็กน้อย
อาการป่วยของเขา เหมือนกับ…
“เอาล่ะ ไม่ต้องมองแล้ว ยังไม่รีบเข้าไปอีก?”
หลินเซียวถอนหายใจออกมา ก่อนจะเบือนหน้าไปมอง ฉู่หลิวเยว่ยังชะงักอยู่ตรงนั้น จึงรีบเรียกกระตุ้นนาง
“วันนี้ได้รับการช่วยเหลือจากคุณชายสี่ ซึ่งเป็นโชคดีอย่างใหญ่หลวงของพวกเจ้าแล้ว! แต่ว่าตอนนี้ เจ้าห้ามพูดเรื่องนี้กับคนอื่นเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่รีบกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็ให้คำมั่นว่าจะไม่พูดออกไปเด็ดขาด นางรีบอุ้มต้าเป่าเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว!
ก้าวเดินเพียงครั้งเดียว ก็เคลื่อนตัวผ่านม่านแสงนั้นแล้ว!
…
“เจ้าพูดอันใดน่ะ?”
หรงซิวเงยหน้าจากฎีกา
“นางพาลูกมาด้วยหรือ?”
เยี่ยนชิงคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็กัดฟันพูดว่า
“…ขอรับ ได้ยินมาว่า…เป็นลูกกำพร้าแม่หม้าย ได้รับการช่วยเหลือจากคุณชายสี่ หลินจือเฟย จึงสามารถเข้ามาด้านในได้…”
หรงซิวโกรธจนหัวเราะขึ้นมา จากนั้นก็วางฎีกาลง
“ลูกกำพร้าแม่หม้าย?”
—————————-