ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1027 เสียแล้ว
ตอนที่ 1027 เสียแล้ว
ทั้งสองคนเดินไปจนถึงประตูเมือง
สองข้างทางมีทหารรักษาประตูยืนเฝ้าอยู่เรียงราย ในมือถือกระบี่ยาว
พวกเขาอยู่ในเครื่องแบบเหมือนกัน และมีสัญลักษณ์ลายเดียวกันอยู่ที่หน้าอกข้างซ้าย
ฉู่หลิวเยว่มองไปเพียงครู่หนึ่ง
และนึกขึ้นได้ว่ามันคือสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนม่านแสงตอนที่พวกเขาเพิ่งเข้ามา
นั่นก็คือ…สัญลักษณ์ของหน้าผาแดนสวรรค์!
เห็นได้ชัดว่าภายในเมืองนั้นครึกครื้นกว่ามาก คนเดินผ่านไปผ่านมาไม่ขาดสาย
ฉู่หลิวเยว่พาตู๋กูโม่เป่าเดินเข้าไปด้านหน้า
ทั้งสองคนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ดูสะดุดตาอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่สวมหน้ากาก ใบหน้าธรรมดา ดูไม่มีอันใด
แต่ประเด็นสำคัญคือตู๋กูโม่เป่า
ผมสีม่วงตาสีม่วง ตัวขาวราวกับหิมะ หน้าตาน่ารัก
กอปรกับดวงตาคู่นั้นที่สะอาด และงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าใครได้เห็น ก็ต้องชอบอย่างแน่นอน
ถ้าได้เจอเด็กแบบนี้บนท้องถนน พวกเขาจะต้องเลี้ยวกลับไปมองอย่างแน่นอน
ผู้คนมองมาเยอะมาก ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกไม่ค่อยสะดวกมากยิ่งขึ้น
และสิ่งที่นางกังวลมากที่สุดก็คือ หากคนเหล่านี้ยังจ้องมองต่อไป เกรงว่าบรรพบุรุษน้อยท่านนี้จะอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว
เมื่อเหลือบสายตาไปมอง ก็เห็นว่าตู๋กูโม่เป่ามีใบหน้าเย็นชาลง แววตาของเขากำลังสะกดกลั้นความโกรธ
“โอ้ย! เด็กบ้านไหนเนี่ย เหตุใดถึงได้งดงามขนาดนี้!”
ทันใดนั้นเองมีพี่สาวคนหนึ่งเข้ามาชวนคุย ตอนที่นางยื่นมือมาสัมผัสกับใบหน้าของตู๋กูโม่เป่า ในที่สุดใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีคล้ำแล้ว!
เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ นางจึงรีบดึงเขาไปด้านหลัง จากนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวขอโทษพี่สาว
“ขอโทษนะเจ้าคะ ลูกของฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว กลัวคนแปลกหน้า”
พี่สาวคนนั้นจึงไม่สามารถสัมผัสกับใบหน้าเจ้าเนื้อของเด็กได้ ในใจรู้สึกผิดหวังอย่างมาก แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามพูดเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะรบกวนต่อไป จึงได้แต่จากไปอย่างจำยอม
ต่อให้เดินออกไปไกลแล้ว ก็ยังหันกลับมามองอย่างต่อเนื่อง
ตู๋กูโม่เป่าพูดเสียงเย็นชา
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าขวางเอาไว้ ข้าไม่มีทางยอมปล่อยนางไปง่ายๆ แน่นอน!”
“นางก็ไม่ได้เลวร้ายอันใดนะ!”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา และได้แต่โน้มน้าวเขาด้วยคำพูดเท่านั้น
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพคนไหน ที่ได้มาโดนคนแปลกหน้าลูบใบหน้า ก็จะต้องอารมณ์เสียกันทั้งนั้น
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตามเดี๋ยวพวกเราก็จะไปแล้ว อดทนไว้ก่อนดีหรือไม่?”
ตู๋กูโม่เป่าสะกดกลั้นอารมณ์
เหมือนว่านางกำลังปลอบใจเด็กอยู่เลย…
เขาจึงหมุนตัวเดินจากไปอย่างหงุดหงิด
ไม่ได้คัดค้าน ถือเป็นอันตกลง!
ฉู่หลิวเยว่ลอบถอนหายใจ จากนั้นก็ครุ่นคิดแล้วพูดว่า
“ความจริงแล้วเจ้าสามารถคิดในแง่ดีได้นะ หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าหน้าตาดี คนอื่นคงไม่มีทางมองแบบนี้! ทำตัวให้ชินเอาไว้เสียดีกว่า!”
ไม่ว่าอย่างใดนางก็ฝึกสำเร็จแล้ว นางสามารถเมินสายตาคนรอบข้างได้
ตู๋กูโม่เป่าขมวดคิ้วมุ่น
ไม่มีทางเคยชินได้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้ามองหน้าเขา เว้นเสียแต่คนผู้นั้นจะไม่อยากมีชีวิตแล้ว!
แต่ตอนนี้ เขาไม่สามารถพูดคำพูดเหล่านี้กับนางได้
เมื่อคิดไปคิดมา ก็คิดว่าอดทนไว้เสียจะดีกว่า
…
ภายใต้สายตาของคนจำนวนไม่น้อย ในที่สุดทั้งสองคนก็เดินมาถึงประตูเมือง และพวกเขาจะเตรียมตัวเข้าไป
นายทหารที่อยู่ด้านหน้าสุดเลือกสายตามองฉู่หลิวเยว่
“ชื่อแซ่”
“ตู๋กูเยว่”
หลังจากที่นางขานชื่อตนเองจบ ทหารยามคนนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
ทหารคนที่จดบันทึกอยู่ด้านข้าง ก็เงยหน้าขึ้นมามอง
“เจ้าก็คือ…ตู๋กูเยว่ที่มาจากด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างมึนงง
ในตอนนั้นเองคนที่อยู่ด้านข้างก็เงียบเสียงลง!
เหมือนว่าทุกคนจะมองมาทางนี้!
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉู่หลิวเยว่เป็นตาเดียว!
เสียงระฆังแจ้งเตือนดังขึ้นในใจของนาง แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่งเช่นเดิม
“มีอันใดหรือเปล่า?”
“ไม่มีอันใด”
เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบรายชื่อยิ้มขึ้นมา แล้วใช้สายตาสำรวจฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
“เพียงแค่นานมาแล้วที่หน้าผาแดนสวรรค์ไม่มีคนมาจากด้านนอก เมื่อได้ยินจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย”
แม้ว่าเขาจะพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
ปฏิกิริยาตอบรับของคนรอบข้าง…มันดูแปลกไปจริงๆ
“ในเมื่อใต้เท้าหลินเซียวอนุญาตให้เข้ามา เช่นนั้นก็เข้าไปเถอะ”
ทหารยามคนนั้นถามชื่อของตู๋กูโม่เป่าอีกครั้ง ก่อนจะเชิดคางให้คนที่อยู่ด้านข้างจดบันทึกลงไป
คนผู้นั้นเขียนชื่อลงไปสองชื่อ
“เอาล่ะ เข้าไปได้”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอันใดมาก นางกล่าวขอบคุณจากนั้นก็พาตู๋กูโม่เป่าเข้าไปในเมือง
หลังจากเงาร่างของนางจากไปแล้ว เสียงซุบซิบถึงค่อยดังขึ้นอีกครั้ง
“หึ ที่แท้ก็เป็นคนที่มาจากด้านนอก! ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่มีคนภายนอกเข้ามาในหน้าผาแดนสวรรค์นานแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ดูแล้วยังอายุน้อยอยู่เลย หน้าตาก็ธรรมดา คิดไม่ถึงว่าจะสามารถเข้ามาได้จริงๆ…”
“คนที่สามารถบุกเข้ามาได้ ใครจะรู้เล่าว่าแท้จริงแล้วนางอายุเท่าไร ไม่แน่อาจจะมีอายุเกินร้อยปีแล้ว!”
“ไม่ว่านางจะอายุเท่าไร แต่นางกล้ามากที่จะมาที่นี่คนเดียว! นางเป็นแกะน้อยตัวขาว ที่ไม่รู้ว่ารอบข้างมีหมาป่าจำนวนมากขนาดไหน…หลังจากที่เข้าไปแล้ว น่าจะต้องโดนจัดการอย่างทรมานอย่างแน่นอน!”
“พวกเจ้าลองเดาดูสิ ว่านางจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน? ครึ่งเดือน? สิบวัน??”
“หึ คนภายนอกที่พาเด็กเข้ามาด้วยคนหนึ่ง หนำซ้ำยังเป็นสตรี อยู่รอดได้แค่หนึ่งวัน ก็นับว่ามีความสามารถแล้ว! ครั้งนี้พวกเราหน้าผาแดนสวรรค์มีอันใดสนุกๆ ให้ดูแล้ว”
…
“พวกเขากำลังพูดอันใดกันอยู่หรือ?”
หลังจากที่เดินออกมาสักระยะ ฉู่หลิวเยว่ และตู๋กูโม่เป่าก็เดินเข้ามาในตรอกซอยแคบ จากนั้นถึงพูดขึ้น
หลังจากที่นางเดินออกมาแล้ว เหมือนว่านางจะได้ยินพวกเขาซุบซิบอันใดกันบางอย่าง เหมือนว่า…จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนาง
ตู๋กูโม่เป่าใบหน้าเย็นชา
“คำพูดไร้สาระ ไม่ต้องไปสนใจ”
ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ถามอันใดต่ออีก
ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นอีกว่า
“ด้านหน้ามีค่ายกลเคลื่อนย้าย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับหนึ่ง ภายในหน้าผาแดนสวรรค์มีเพียงค่ายกลนี้ค่ายกลเดียวเท่านั้น พวกเรารีบไปกันเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“เจ้ารู้ได้อย่างใดว่ามีแค่อันเดียว? เจ้าเคยมาที่นี่แล้วหรือ?”
“สถานที่เช่นหน้าผาแดนสวรรค์ สามารถสร้างได้แค่อันเดียว”
ตู๋กูโม่เป่ากล่าวเสียงเรียบ
ฉู่หลิวเยว่ “…อ่า”
…
หลังจากเดินตรงมาสักระยะหนึ่งแล้ว ทั้งสองคนก็กลับมาสู่ถนนที่ผู้คนพลุกพล่าน
ฉู่หลิวเยว่เดินตรงมาที่ร้านขายสมุนไพรร้านหนึ่ง ก่อนที่จะเดินตรงไปหาผู้ชายคนหนึ่ง
“สวัสดีเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับหนึ่งจะต้องเดินทางไปอย่างใดหรือ?”
แม้ว่าหน้าผาแดนสวรรค์จะเป็นแค่เมืองเมืองหนึ่ง แต่มีพื้นที่กว้างมาก นางกับตู๋กูโม่เป่าไม่สามารถเดินทางไปตามหาได้ทุกที่ ถามทางคนจะเร็ว และสะดวกสบายมากที่สุด
เดิมทีชายคนนั้นคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะเข้ามาซื้อสมุนไพร แต่เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ก้มหน้าลงทันที แล้วเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าจะไปที่นั่นหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ รบกวนพี่ชายช่วยบอกทางที” เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่สนใจใบหน้าเย็นชาของเขา และยังคงถามด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
“ข้าแนะนำนะ เจ้าอย่าไปเลย!”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
“เหตุใดล่ะเจ้าคะ?”
“หึ จะอันใดอีกเล่า? ก็ดูสภาพสิ!”
เมื่อพูดจบเขาก็ชี้นิ้วไปที่ทิศทางหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่หันไปมอง และเห็นแสงสว่างจางๆ จากตรงนั้น
“แน่นอนก็เพราะว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายมันเสียแล้วน่ะสิ!”
ชายคนนั้นยกมือขึ้นกอดอก
“ตอนนี้แม้กระทั่งคนใหญ่คนโตก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ อย่างเจ้านะหรือ? หากไม่มีธุระอันใดอีกก็รีบไปซะ! อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา!”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่น
กว่านางจะเข้ามาได้ แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับเสียเนี่ยนะ
—————————-