ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1045 ข้าใช้ไม่เป็น
ตอนที่ 1045 ข้าใช้ไม่เป็น
เมื่อหลู่อี้พูดคำว่า “คนนอกพรมแดน” ออกมา หลู่อวี้เออร์พลันไม่พอใจและเหลือบมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว
ไม่แปลกใจที่ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ปฏิเสธไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ ที่แท้ก็เพราะสร้างวีรกรรมเช่นนี้ไว้นี่เอง!
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเขาต้องเป็นคนไปหาเรื่องคนอื่นก่อนแน่ๆ และสุดท้ายก็ไล่ต้อนคนพวกนั้นแล้วกำจัดทิ้งเสีย! นำมาซึ่งเหตุการณ์ในวันนี้!
นางเคยเตือนเขาแล้วว่าอย่าอวดดีให้มันมากนัก แต่ต่อให้เตือนกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน
ก่อนหน้านี้เขายังกล้าปิดบังทุกอย่างจากนาง กระทั่งเผชิญหน้ากับหลินเทียนเฟิงเขาพูดความจริงออกไป!
หลู่อวี้เออร์แอบก่นด่าเขาในใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็คือน้องชายของนาง ในเมื่อเรื่องมันถึงขั้นนี้แล้วก็คงไม่มีทางเลือกอื่น
ถ้าไม่ช่วยเขา แล้วจะทำอย่างใดได้อีก?
แต่ในขณะที่นางกำลังคิดว่าจะช่วยพูดให้หลู่อวี้อย่างใด ก็พลันได้ยินชื่อที่คุ้นหูดังแว่วมาเสียก่อน
ตู๋กูเยว่!
หลู่อวี้เออร์ตาโตด้วยความตกใจ แล้วหันขวับไปมองหลู่อี้อย่างไม่เชื่อ
“เมื่อครู่เจ้า…พูดว่าใครนะ?”
หลู่อี้เบนสายตามามองนางทันที
“ตู๋กูเยว่! นี่คือนามของนางไม่ผิดแน่! ข้าส่งคนไปตรวจสอบมาแล้ว!”
หัวใจของหลู่อวี้เออร์สั่นสะท้าน พร้อมยึดมั่นในความหวังสุดท้าย แล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“…ถ้า…ถ้าอย่างนั้นนางหน้าตาเป็นเช่นไร?”
ได้โปรดอย่าเป็น…
อย่าเป็น…
“ก็เหมือนแม่นางทั่วไป แต่นางมากับเด็กตัวเล็กๆ ที่มีผมกับดวงตาสีม่วง ที่ดูโดดเด่นสะดุดตามากๆ! ขอแค่พี่เขยยอมช่วยข้า ไม่นานเราจักหานางพบแน่นอน!”
ดวงตาของหลู่อวี้เออร์หม่นแสงลงทันตา ขาทั้งสองข้างพลันรู้สึกอ่อนแรง ร่างทั้งร่างโซเซและเกือบจะล้มลงกับพื้น
เป็น…ตู๋กูเยว่ผู้นั้นจริงๆ หรือนี่!
หลู่อี้ที่ตั้งใจฟ้องเสียดิบดี ครั้นได้เห็นท่าทีของนาง ก็พลันรีบเข้าไปช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น
“พี่สาว นี่เจ้า…”
ทว่าหลู่อวี้เออร์กลับผลักเขาออก ใบหน้างามเต็มไปด้วยโทสะที่พยายามอดกลั้นไว้
“เจ้าพูดพอหรือยัง!?”
หลู่อี้รู้สึกสับสนกว่าเดิม
เกิดบ้าอันใดขึ้นอีกเนี่ย?
ครู่ก่อนนางยังพูดจาเสียดิบดี ไฉนเพียงพริบตาถึงได้โกรธหน้าดำหน้าแดงเช่นนี้?
เขาเหลือบมองหลินเทียนเฟิงจากหางตาแวบหนึ่ง ก่อนจะเห็นว่าท่าทีของอีกฝ่ายแปลกไปอย่างมาก
ตอนนั้นเองที่หลู่อี้เริ่มตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ อารมณ์พออกพอใจเมื่อครู่ก่อนลดฮวบลงทันที พลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทีละนิด
“เอ่อ…คือว่า…”
“เจ้ากำลังตามหาตู๋กูเยว่อยู่สินะ?”
หลินเทียนเฟิงเอ่ยแทรก
หลู่อี้พยักหน้ารับ
“เด็กสาวคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก ถ้าได้ความช่วยเหลือจากท่าน…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็มีเสียงอันดังกังวานของหญิงสาวดังแทรกขึ้นมา
“เรื่องเล็กๆ แค่นี้ อย่าได้ลำบากท่านประมุขหลินเลย”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลู่อี้ก็รู้สึกคุ้นเคยกับมันแปลกๆ พลันเงยหน้าขึ้นมองอย่าลืมตัว
แม่นางคนหนึ่งกำลังเดินออกมาช้าๆ จากลานบ้าน
ก่อนจะเห็นเด็กสาวนางหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากในเรือนอย่างเชื่องช้า
นางเป็นสตรีรูปร่างหน้าตาธรรมดา ดวงตากลมโตคู่นั้นแพรวพราวประดุจดารา พร้อมกับปากกระจับที่ยกโค้งขึ้น ระบายยิ้มบางเบาไร้ซึ่งท่าทีหยิ่งผยอง
และข้างๆ นางก็มีเด็กตัวกลมผิวขาวน่าตาน่ารักน่าชังเดินตามมา เส้นผมและดวงตาของเด็กน้อยเป็นสีม่วง ขาเล็กๆ นั่นเดินตามนางมาทีละก้าว
หลังจากเห็นภาพตรงหน้าเต็มสองตา หลู่อี้พลันตกอกตกใจจนตาถลน แล้วชี้นิ้วใส่แม่นางที่กำลังเดินเข้ามาหา
“เจ้า เจ้า…”
“ข้ามาแล้ว คุณชายหลู่มาหาข้าเพราะเหตุอันใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เดินมาพร้อมตู๋กูโม่เป่า และหยุดอยู่ห่างจากพวกเขาไปห้าก้าว
หลู่อี้แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาโกรธมากจนตะโกนเสียงดังลั่นอย่างอดไม่ได้
“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!?”
“แล้วเหตุใดข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“อย่าบอกนะว่าที่นี่เองก็เป็นเขตแดนภายใต้ปกครองของท่าน?”
หลู่อี้แทบสำลัก รีบหันควับไปมองหลินเทียนเฟิง
“นี่เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอันใดออกมากัน!”
“ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้นการที่ข้าอยู่ที่นี่มันไปเป็นกงการอันใดของท่านเล่า?”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปากถามอย่างเอื่อยเฉื่อย
สายตาของหลู่อี้มองร่างคนเหล่านั้นไปมาอย่างลังเล อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“เจ้า! เจ้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับคนของข้า ยังมีหน้ามาถามอีกหรือ!? เจ้ามันงูพิษ! โหดเหี้ยมอำมหิต! เจ้าพูดมาสิ! เจ้ามาที่นี่ก็เพราะอยากทรมานคนใช่หรือไม่!? ใช่! มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ!”
หลู่อี้ตะโกนเสียงหนักแน่น!
“เป็นเพียงคนนอกพรมแดนที่มีต้นกำเนิดต่ำต้อยแท้ๆ ยังคิดที่จะเป็นปรปักษ์กับหน้าผาแดนสวรรค์อีกหรือ!?”
ฉู่หลิวเยว่สายตามองเขาราวกับมองตัวโง่งมตัวหนึ่ง ใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“คุณชายหลู่ ท่านพูดเช่นนี้ ข้าจะฟังไม่รู้ความได้อย่างใดกัน? ทำร้ายคนของท่านอย่างนั้นหรือ…อยู่ดีดีข้าจะไปทำเช่นนั้นเหตุใดกัน?”
“นั่นก็เพราะว่าพวกเขา…”
พูดได้ครึ่งหนึ่ง หลู่อี้ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ควรพูด พลันรีบหุบปากฉับในทันที
ถ้าหากพูดออกไป เช่นนั้นเขาก็กลายเป็นคนไร้เหตุผลเองน่ะสิ!
เดิมทีหลินเทียนเฟิงเองก็ไม่ค่อยโปรดปรานเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าได้รู้ถึงความเป็นไปของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาย่อมไม่มีทางยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้เป็นแน่
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างใดว่าเหตุใดเจ้าถึงลงมือกับพวกเขารุนแรงถึงเพียงนี้!? ก็เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยมเกินไปนั่นแหละ! แปดคน เจ้าไม่ปล่อยให้ใครรอดสักคน เจ้า…”
“คุณชายหลู่ ข้าฟังมิผิดใช่หรือไม่? ท่านกำลังจะบอกว่า…ข้าคนเดียวจัดการพวกเขาแปดคน? แล้วยังชนะด้วย?”
ฉู่หลิวเยว่ทำตัวราวกับกำลังฟังเรื่องตลกอยู่ก็มิปาน นางหัวเราะขบขันเสียงเบา
“ท่านจะยกย่องข้าเกินไปแล้วกระมัง?”
หลู่อี้โมโหเสียจนแทบขาดใจตายให้ได้
“ตอนนี้พวกเขาก็ยังอยู่ในจวนของข้า เจ้ากล้าไปเผชิญหน้ากับพวกเขาหรือไม่เล่า!?”
“นั่นไม่จำเป็นเลย”
รอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่จางลงหน่อยหนึ่ง
“ภาพนั้นคงไม่น่าดูนัก ข้าไม่สนใจหรอก”
สิ้นเสียงประโยคนี้ หลินเทียนเฟิงและหลู่อวี้เออร์ล้วนมองไปทางฉู่หลิวเยว่
คำพูดเมื่อครู่นี้…
“เจ้ายอมรับแล้วสินะ!?”
หลู่อี้ก้าวรุดไปข้างหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว สีหน้าแดงก่ำ แววตาลุกโหมไปด้วยเพลิงโทสะที่กำลังแผดเผา!
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มกว้างจนแทบถึงหู ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ในเมื่อคุณชายหลู่ยืนกรานจะให้ข้าทำให้ได้ เช่นนั้นข้าเป็นคนทำเองนี่ล่ะ แต่ว่า…แล้วมันอย่างใดต่อหรือ?”
แล้วมันอย่างใดต่อหรือ!?
หลู่อี้ไม่ได้เห็นผู้ที่หยิ่งผยองเช่นนี้ในหน้าผาแดนสวรรค์มาได้หลายปีแล้ว
เขาหัวเราะออกมาทั้งที่โกรธจัด
“ตู๋กูเยว่ เจ้าคงมิได้ไม่ทราบหรอกใช่หรือไม่ ว่าผู้ที่ยืนอยู่ข้างเจ้าล้วนเป็นผู้ใด? เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ แล้วยังจะเสแสร้งว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้นอีกหรือ?”
หลินเทียนเฟิงเป็นประมุขตระกูลหลิน อีกทั้งยังเป็นผู้นำของหน้าผาแดนสวรรค์!
ส่วนหลู่อวี้เออร์เองก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเขา แล้วก็เป็นฮูหยินตระกูลหลินอีกด้วย!
นางลงมือทำร้ายคนของเขา แล้วยังกล้ายอมรับต่อหน้าคนเหล่านี้อีกหรือ?
เบื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่แล้วสินะ!
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับทำราวกับว่าไม่เดือดเนื้อร้อนใจต่อคำขู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย
นางเอนศีรษะไปข้างหลัง และเอามือสองข้างกอดอกไว้ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบคางของตนพลางมองไปทางหลินเทียนเฟิง
จากนั้นก็ทำเป็นพาซื่อ และเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสาว่า
“ท่านประมุขหลิน ท่านอยากตัดสินโทษข้าหรือไม่?”
หลินเทียนเฟิงแทบสำลัก
ในตอนนั้นเอง ซุ่มเสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังแว่วมาจากทางด้านหลัง
“คุณหนูตู๋กู”
คนทั้งหลายล้วนพากันหันศีรษะไปมอง
หลินจือเฟยยืนอยู่หน้าประตูลานกว้าง กายสูงโปร่งงดงาม ใบหน้าแสดงอารมณ์หมางเมิน
“ยาตัวนี้ข้ามิค่อยเข้าใจนักว่าใช้อย่างใด รบกวนเจ้าช่วยดูให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”