ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1081 สูตรโกง ตอนที่ 1082 เจ้าคนเดียว
ตอนที่ 1081 สูตรโกง / ตอนที่ 1082 เจ้าคนเดียว
ตอนที่ 1081 สูตรโกง
สีหน้าของเจียงเห่อเทียนแข็งทื่อ
ภายในท้องพระโรง เงียบสนิทในทันที
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยความสงสัยและตกใจ พวกเขาหันไปมองที่ตู๋กูเยว่โดยพร้อมเพรียง
นาง…นางพูดว่าอันใดนะ?
อินทรีสามตานั่น ก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของนางหรือ!?
“เจ้าโกหก!”
เจียงเห่อเทียนดึงสติกลับคืนมา การตอบสนองแรกคือไม่เชื่อ
“คนหนึ่งคนมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาได้หนึ่งตัว เป็นไปไม่ได้ที่…”
“ความจริงมันก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ประมุขเจียงไม่เชื่อ ข้าก็จนปัญญา”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น แล้วมองไปทางอสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัวนั้น
“พวกเจ้าจะอยู่แค่หนึ่ง หรือว่าจะลงมือพร้อมกัน?”
ทั้งสองตัวสบสายตากัน แล้วแยกย้ายออกไป ล้อมรอบเจียงจื่อหยวน
นี่เท่ากับว่ามันต้องการจะลงมือพร้อมกัน
ฉู่หลิวเยว่นวดหัวคิ้ว จากนั้นก็หันไปพูดกับเจียงเห่อเทียนด้วยรอยยิ้มจนปัญญา
“ประมุขเจียง ข้าขอโทษด้วยจริงๆ ท่านดูสิ พวกมันทั้งสองนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไร บางครั้งข้าก็ไม่สามารถควบคุมได้”
เจียงเห่อเทียนขมวดคิ้วแน่น ตู๋กูเยว่ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก!
เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการจะปล่อยเจียงจื่อหยวนไป และให้อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวจัดการนาง!
หน้าผากของเจียงเห่อเทียนมีเส้นเลือดปูดโปน
“เจ้า! เจ้าใช้วิธีอันใดกันแน่!”
แม้ว่าเขาจะถามเช่นนี้ แต่ความจริงแล้วในใจของเจียงเห่อเทียนก็รู้ดีว่า อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวนี้ ล้วนเป็นสัตว์ในพันธสัญญาของตู๋กูเยว่
ไม่ว่าจะเป็นกษายะหางวายุ หรือว่าอินทรีสามตา ล้วนเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์สายเลือดระดับสูง การมีอยู่เช่นนี้ หากพวกมันไม่ได้ยินยอมด้วยตนเอง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถบังคับมันได้
โดยเฉพาะเรื่องของการยอมรับเจ้านาย!
ต้องบอกก่อนว่าอสูรศักดิ์ศิษย์เหล่านี้มีนิสัยหยิ่งทระนงเป็นอย่างมาก
หากใช้วิธีการปราบปรามมันให้ยอมรับ มันยินยอมที่จะฆ่าตัวตายดีกว่า และไม่มีทางยอมติดตามผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นโดยไม่สมัครใจ
นางทำพันธสัญญากับกษายะหางวายุตัวหนึ่ง ก็ทำให้ทุกคนตกใจอย่างมากแล้ว
ใครจะคาดคิดเล่าว่านางยังมีอินทรีสามตาอีกตัว!
ไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง!
แต่ว่าตอนนี้ เจียงเห่อเทียนไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้แล้ว
“หากประมุขเจียงยืนยันจะคิดเช่นนั้น ข้าก็ช่วยไม่ได้ เรื่องนี้เราสามารถถกกันได้ในภายหลัง แต่ว่าตอนนี้ ข้าต้องขอจัดการการประลองครั้งนี้ก่อน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็หันไปมองฝั่งตรงข้าม
เจียงจื่อหยวนที่โดนทำร้ายจนหมอบอยู่ที่พื้น เพิ่งจะลุกขึ้นมา
ใบหน้าและร่างกายของนางเต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรัง สีหน้าของนางก็ดูย่ำแย่อย่างมาก
ดวงตาคู่หนึ่งมองไปยังตู๋กูเยว่ด้วยความตกใจระคนโมโห
คำพูดเมื่อครู่นี้ นางก็สามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน!
อสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัว…ตู๋กูเยว่ผู้นี้ เป็นใครมาจากไหนกันแน่!
“คุณหนูใหญ่เจียง เจ้าจะยอมแพ้หรือจะสู้ต่อ?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาแล้วถามอย่างใจดี
ริมฝีปากของเจียงจื่อหยวนกระตุกเล็กน้อย
แน่นอนว่านางไม่ต้องการยอมแพ้! แต่ด้านหน้าของนางคืออินทรีสามตา ด้านหลังคือกษายะหางวายุ พวกมันทั้งสองจ้องมาที่นางด้วยแววตาดุร้าย!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นางต้องการจะพูดคำว่า “สู้ต่อ” แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวก็จะลงมือพร้อมกัน!
เมื่อครู่นางเพิ่งใช้พลังสัญลักษณ์ไป แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ แล้วตอนนี้ล่ะ?
เจียงจื่อหยวนขบฟันแน่น ภายในริมฝีปากมีกลิ่นคาวเลือดออกมา
เดิมทีนางจะใช้โอกาสนี้ในการเอาชนะตู๋กูเยว่ และแย่งอันดับหนึ่งมา คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้
นางยังไม่ได้ประมือกับตู๋กูเยว่อย่างจริงจังเลย แต่นางก็แพ้เสียแล้ว!
ท่ามกลางความเงียบงัน เจียงจื่อหยวนหลับตาลง แล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า
“ข้า…ยอมแพ้”
“คุณหนูใหญ่เจียงตรงไปตรงมามาก”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวชมเชยอย่างไม่ตระหนี่ คำชมนั้นดูจริงใจอย่างยิ่ง
เจียงจื่อหยวนกลั้นหายใจเอาไว้ นางเกือบจะอกแตกตายแล้ว!
ตอนที่ 1082 เจ้าคนเดียว
ในที่สุดเจียงเห่อเทียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งตัวมาพยุงเจียงจื่อหยวน จากนั้นก็พานางลงไป
“จื่อหยวน เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”
เจียงจื่อหยวนเช็ดเลือดที่มุมปากของตนเอง
แน่นอนว่านางบาดเจ็บสาหัส!
การคัดเลือกพระชายาผ่านไปแล้วสองรอบ อีกทั้งที่หนึ่งของสองรอบนั้น ผู้ที่ชนะล้วนเป็นตู๋กูเยว่!
ด้วยผลคะแนนดังกล่าว ต่อให้ตู๋กูเยว่ไม่ได้รับตำแหน่งพระชายา แต่นางสามารถอยู่ในพระราชวังเมฆาสวรรค์ต่อได้อย่างแน่นอน!
เมื่อคิดว่าหลังจากนี้จะต้องได้เจอหน้านางทุกวัน เจียงจื่อหยวนก็รู้สึกหนักใจอย่างยิ่งแล้ว
ตอนแรกนางแค่ไม่ชอบขี้หน้าของตู๋กูเยว่ แต่ตอนนี้นางขยะแขยงอีกฝ่ายเต็มทน!
เจียงเห่อเทียนรีบสั่งให้หมอเทวดาจับชีพจรของเจียงจื่อหยวน
“ซู่เหล่า จื่อหยวนเป็นอย่างใดบ้าง?”
เมื่อเห็นซู่เหล่าขมวดคิ้ว เจียงเห่อเทียนถามคนอย่างกังวลใจ
ซู่เหล่าถอนหายใจออกมา
“คุณหนูใหญ่ไม่ได้บาดเจ็บถึงชีวิต แต่นางบาดเจ็บภายใน เกรงว่าจะต้องใช้เวลาครึ่งเดือนกว่าจะหายดี”
“เป็นไปได้อย่างใด?”
เจียงเห่อเทียนตกใจอย่างมาก
“เมื่อครู่จื่อหยวนได้วางอาณาเขตเทพเซียน อีกทั้งด้านหน้ายังมีไหมคงวายุขวางอยู่ แม้ว่าอินทรีสามตาจะแข็งแกร่งมาก แต่ไม่ควรจะทำให้นางเจ็บสาหัสขนาดนี้สิ!”
“นี่มัน…”
ซู่เหล่าเหลือบสายตามองไปยังเจียงจื่อหยวน
“คุณหนูใหญ่น่าจะรู้ตัวดี…”
“อินทรีสามตาตอนนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ”
เจียงจื่อหยวนหลับตาลง จากนั้นก็ดึงมือของตัวเองกลับ และพยายามทำเสียงให้เงียบที่สุด
แม้ว่านางจะโมโหและไม่ยินยอม แต่นางก็ไม่ลืมว่าที่นี่คือ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์
คนจำนวนนับไม่ถ้วนลอบมองจากด้านข้าง
“มันแข็งแกร่งกว่ากษายะหางวายุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ในขณะที่นางนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมด ร่างกายของนางก็ยังคงสั่นเทาอยู่เล็กน้อย
ในตอนที่อินทรีสามตาลงมือโจมตี แรงคุกคามที่รุนแรงทำให้นางสัมผัสได้ถึงไอแห่งความตาย!
“เป็นไปไม่ได้!”
เจียงเห่อเทียนรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น
“อินทรีสามตาก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ตามหลักการแล้วมันไม่มีทางแข็งแกร่งกว่ากษายะหางวายุ…”
แต่เขาก็รู้ว่า เจียงจื่อหยวนไม่มีทางพูดโกหก
ซู่เหล่าเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กดเสียงลงต่ำ
“ประมุข ผู้บำเพ็ญเพียรหนึ่งคนสามารถทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงหนึ่งตัว เห็นได้ชัดว่าตู๋กูเยว่ผู้นี้มีปัญหา ไม่แน่ว่าอินทรีสามตาตัวนี้…แต่ซ่อนอันใดแปลกๆ ไว้”
เจียงเห่อเทียนขมวดคิ้ว แล้วรีบส่ายหน้า
“ช่างเถอะ เจ้าช่วยรักษาจื่อหยวนก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที”
“ขอรับ”
…
ฉู่หลิวเยว่ประสานมือคำนับไปทางเซียนสุ่ยหลิง พร้อมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่เจียงที่ออมมือ”
เจียงจื่อหยวนกัดฟันกรอด แต่ก็ไม่ได้ทำอันใดนาง ปล่อยให้นางผยองไปก่อน!
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตาไปรอบข้าง นางก็เลิกคิ้วแล้วยิ้มเบาๆ
“ไม่ทราบว่ายังมีท่านไหนอีกบ้างที่ไม่ยอมรับกับผลลัพธ์การประลองเช่นนี้? ทุกท่านสามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ ข้าจะเล่นกับพวกท่านให้ถึงที่สุด!”
บรรยากาศเงียบงัน
ล้อเล่นกันแล้ว!
แม้กระทั่งเจียงจื่อหยวนยังถูกทุบตีขนาดนั้น ยังจะมีคนไม่มีตาบุกขึ้นไปอีกหรือ? นั่นไม่ใช่รนหาที่ตายให้ตัวเองหรือ!?
อสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัว…คนธรรมดาจะทำได้หรือ!?
“ดูเหมือนทุกคนจะไม่ได้คัดค้าน”
หรงซิวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้านบน พูดขึ้นอย่างเฉื่อยชา
“เช่นนั้นที่หนึ่งของทั้งสองด่านก็คือคุณหนูตู๋กู”
ในตอนนั้นทุกคนมีสีหน้าแตกต่างกัน แต่ไม่มีใครพูดอันใดเลย
ทันใดนั้นหรงซิวก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ทุกคนมองมาที่นี่ด้วยสายตาแปลกประหลาด
หลังจากนั้นก็เห็นว่ามีชายคนหนึ่งสวมชุดดำ ใบหน้างดงาม คล้ายเซียนคล้ายมาร เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง แล้วยกริมฝีปากขึ้นบางๆ
“งานคัดเลือกพระชายาในครั้งนี้ ช้าเตรียมมาสามด่านเท่านั้น ตอนนี้คุณหนูตู๋กูชนะไปแล้วสองด่าน เช่นนั้นด่านสุดท้าย ไม่จำเป็นต้องประลองแล้ว”
เขาผายมือออกไปทางหญิงสาวชุดสีแดง
“ตำแหน่งพระชายา…ตกเป็นของนางแล้ว!”
…
คำพูดเดียว ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก!
คาดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะตัดสินการคัดเลือกพระชายาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้!?
ไม่มีด่านที่สาม ไม่มีลางบอกเหตุ พูดออกมาโต้งๆ!
แค่นี้…ก็ตัดสินเรียบร้อยแล้ว!?
เพียงชั่วพริบตาเดียวทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว!
“ฝ่าบาทไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
เจียงเห่อเทียนลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนขึ้นทันที!
“พระชายาจะต้องมีตำแหน่งสูงส่ง เมื่อเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งและรุ่งเรืองของพระราชวังเมฆาสวรรค์ ท่านจะตัดสินรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างใด!?”
ริมฝีปากของหรงซิวมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏอยู่ แต่ในแววตาของเขานั้น ไม่มีประกายสดใสเลย
“การคัดเลือกพระชายา ทุกเผ่าได้รับการรับเชิญทั้งหมด อีกทั้งการแข่งขันก็เกิดขึ้นอย่างยุติธรรม ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าทุกท่านสามารถเป็นพยานได้! และตอนนี้ผลตัดสินก็ได้ออกมาแล้ว ผู้ชนะทั้งสองด่านก็คือนาง นางจะต้องเป็นพระชายา ซึ่งนี่เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างมากแล้ว เหตุใดประมุขตระกูลเจียง จึงต้องคัดค้านขึ้นมาด้วย?”
เจียงเห่อเทียนสำลักไป แต่ในใจกลับร้อนรุ่ม
หากฝ่าบาทเลือกตู๋กูเยว่ แล้วจื่อหยวนจะทำอย่างใด?
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้ามืดครึ้ม
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าตู๋กูเยว่เป็นคนที่ฝ่าบาทคัดเลือกเอาไว้ว่าจะเป็นพระชายาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!? ถ้าเช่นนั้นการประลองเหล่านี้จะมีความหมายอันใด!?”
เงียบกริบ
คนเดียวที่จะกล้าถามคำถามเช่นนี้ต่อหน้าหรงซิว เกรงว่าจะมีแค่ตระกูลเจียงแห่งเซียนสุ่ยหลิงแล้ว!
รอยยิ้มที่มุมปากของหรงซิวจางหายไปในทันที
“การคัดเลือกพระชายา ข้าไม่ได้แทรกแซงเลยตั้งแต่ต้นจนจบ หรือว่าข้าสามารถช่วยนาง ให้นางชนะอันดับหนึ่งได้?”
เจียงเห่อเทียนพูดอันใดไม่ออก
ใช่แล้ว ทุกคนในสนามล้วนเห็นกับตาว่าตู๋กูเยว่สามารถเอาชนะด่านทั้งสองด่านได้อย่างใด!
จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้!
เจียงเห่อเทียนกำหมัดกรอด
เขาสามารถมองออกว่า หรงซิวสนใจตู๋กูเยว่ ไม่เช่นนั้นเมื่อครู่นี้พระองค์คงไม่ยืนการให้นางเข้าร่วมการประลองคัดเลือกพระชายา
แต่เขาคิดไว้เสมอว่า ต่อให้ตู๋กูเยว่แสดงผลงานดีแค่ไหน หรงซิวก็จะมอบเพียงตำแหน่งพระสนมให้นาง ตำแหน่งพระชายานั้นนางไม่มีคุณสมบัติ
ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นตู๋กูเยว่อยู่ในสายตา
แต่ใครจะคิดเล่าว่า หรงซิวไม่เพียงเลือกนาง แต่ยังให้นางเป็นพระชายา!
แล้วนี่จะให้เซียนสุ่ยหลิงของพวกเขารับได้อย่างใด!?
ในตอนนี้เหตุผลนั้นไม่สามารถใช้การได้อีก
เจียงเห่อเทียนจึงรีบเปลี่ยนคำพูด
“ฝ่าบาท แม่นางคนนี้มีที่มาไม่ชัดเจน ต่อให้ท่านต้องการจะเลือกนางเป็นพระชายา แต่ท่านต้องแสดงภูมิหลังของนางให้ชัดเจนเสียก่อนสิพ่ะย่ะค่ะ!?”
ขณะที่พูดเขาก็มองไปยังเซียนสุ่ยหลิง
“หากข้าจำไม่ผิดละก็ ตู๋กูเยว่…ติดตามมาที่นี่กับประมุขตระกูลหลินแห่งหน้าผาแดนสวรรค์ แต่นางไม่ใช่คนของหน้าผาแดนสวรรค์?”
ในตอนนี้หลินเทียนเฟิงยังคงตกใจอยู่ที่ตู๋กูเยว่ได้รับเลือกเป็นพระชายา เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาจึงไม่ได้ตอบสนองอันใดไป
ริมฝีปากของเจียงจื่อหยวนกระตุกเล็กน้อย ในตอนที่เขากำลังจะพูดขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“นางไม่ใช่คนของหน้าผาแดนสวรรค์จริงๆ นางเป็นคนมาจากนอกพรมแดน!”
หัวใจของเจียงจื่อหยวนเต้นไม่เป็นจังหวะ จากนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง!
คนที่พูดนั้นคือ โหลวหรูไห่!
ในตอนนั้นเองโหลวหรูไห่ก็เหมือนจะไม่ได้สังเกตถึงสายตาเตือนของเจียงจื่อหยวนเลย
นางลุกขึ้นพรวด แล้วชี้ไปยังฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่กลางท้องพระโรง ก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า
“นางเป็นเพียงบุคคลธรรมดาที่มาจากนอกพรมแดนเมื่อไม่กี่วันมานี้!”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองโหลวหรูไห่ แล้วหรี่ตาขึ้น ในใจก็หัวเราะเสียงเย็น นางรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่จบได้ง่ายๆ แน่…ข้าก็จะขอรออยู่ตรงนี้
“คนนอกพรมแดน”
เพียงแค่สี่คำนี้หลุดออกมา ทั่วทั้งท้องพระโรงก็เหมือนจะมีระลอกคลื่นใหญ่ถาโถม!
แต่เหมือนกับโหลวหรูไห่ยังไม่พอใจ นางสัมผัสได้ถึงสายตาของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นจึงมองกลับด้วยความเย็นชา ก่อนจะมองไปยังตู๋กูโม่เป่าที่อยู่ด้านข้าง
“อีกทั้ง! นางยังไม่ได้แต่งงาน แต่กลับมีลูกแล้วหนึ่งคน!”
—————————-