ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1086 อัญเชิญ
ตอนที่ 1086 อัญเชิญ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเข้าใจ
“เมื่อถึงตอนนั้นจะต้องได้ตัวเลขอันใดถึงจะสำเร็จ?”
หรงซิวชะงักไปเล็กน้อย แล้วอธิบายว่า
“ถ้าประมุขตระกูลหลินขึ้นมาทดสอบ เขาก็จะอยู่ประมาณเลขห้า ประมุขตระกูลเจียง จะอยู่ประมาณแปด เจ้าได้ระดับห้าก็ถือว่าสำเร็จแล้ว”
หน้าผาแดนสวรรค์แห่งตระกูลหลินถือเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเสิ่นซวี่ พลังในสายเลือดของพวกเขานั้น เดิมทีแล้วก็จะอยู่ในระดับประมาณนี้ สำหรับเซียนสุ่ยหลิง เขามีระดับที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่เซียนสุ่ยหลิงมั่นใจอย่างมาก
คนที่อยู่ระดับอย่างหน้าผาแดนสวรรค์ ถือว่าไม่อยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วยซ้ำ และอำนาจในการควบคุมประตูนั้น ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของทุกคนเลย
แต่ทว่าอย่างน้อยเขาก็ได้ระดับห้า
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น
“แล้วเจ้าล่ะ?”
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย
“สิบเอ็ด”
…
โรคจิตจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่แค่นเสียง “เหอะ” ออกมา
นางสามารถเดาได้นานแล้วว่าหรงซิวเป็นคนมีพรสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มาถึงที่นี่และรู้ฐานะที่แท้จริงของเขา
นางก็ยิ่งแน่ใจในเรื่องนี้
ดังนั้นตอนที่นางถามคำถามนี้ นางก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจอย่างเต็มที่แล้ว
แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายคนนี้ ไม่เหลือทางเดินให้คนอื่นเลย
สิบเอ็ด…
นี่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
“ช่างหาเรื่องให้ข้าจริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“นี่เป็นงานที่ลำบากมาก”
หรงซิวสามารถเดาความต้องการของนางได้ แววตาแฝงด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ระดับเดียวกับข้า ขอเพียงผ่านระดับห้า ก็สามารถโน้มน้าวใจพวกเขาได้แล้ว”
“หากแค่ระดับห้า เกรงว่าจะไม่สามารถทำให้พวกเขาเงียบปากลงได้ล่ะมั้ง?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางๆ แล้วถามกลับ
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าอยากจะยืนข้างเจ้าอย่างเต็มภาคภูมิ ต่อให้ไม่สามารถอยู่ระดับเดียวกับเจ้าได้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้มันห่างมากเกินไป?”
“อ่า ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”
เจียงเห่อเทียนได้ยินเสียงพูดคุยของทั้งสองคน เขาก็อดหัวเราะเสียงเย็นไม่ได้
“คนนอกพรมแดน หากจะต้องการอัญเชิญนาฬิกาไร้กาลเวลาออกมาก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว! ถ้าเจ้ามีเวลามาคิดเรื่องเพ้อฝันอยู่ตรงนี้ ข้าว่าเจ้าไปคิดหาวิธีที่ทำให้ขายหน้าน้อยที่สุดจะดีกว่านะ!”
คำพูดของเจียงเห่อเทียนไม่มีความเกรงใจกันเลยแม้แต่น้อย
ตำแหน่งของเซียนสุ่ยหลิงนั้นสูงมาก กอปรกับก่อนหน้านี้เขาได้รับการดูแลอย่างดีจากประมุขพระราชวังเมฆาสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงมีท่าทางกำเริบเสิบสานมาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้เขายังค่อนข้างเกรงใจหรงซิวอยู่ แต่ตอนนี้หรงซิวได้ทำร้ายจิตใจลูกสาวสุดที่รักของเขา และยังทำลายหน้าตาของเซียนสุ่ยหลิง ดังนั้นเขาจึงโกรธอย่างมาก และไม่ได้สนใจอันใดมากแล้ว
ตอนที่เผชิญหน้ากับฉู่หลิวเยว่ เขามีท่าทางดูถูกเหยียดหยามนางอย่างมาก
ในสายตาของพวกเขา คนนอกพรมแดนเช่นนี้ เดิมทีนางไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย!
รอจนนางพ่ายแพ้ต่อหน้าสายตาประชาชน อับอายขายขี้หน้า เขาก็ไม่เชื่อว่าหรงซิวจะปกป้องนางจนถึงที่สุด!
แววตาของหรงซิวมีประกายเย็นชาขึ้น สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็พูดแทรกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มว่า
“ขอบคุณประมุขตระกูลเจียงที่เป็นห่วง ข้าจะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
ขณะที่พูดนางก็แกว่งแขนหรงซิว พร้อมกะพริบตาปริบๆ นัยตาสีดำเปล่งประกายสดใส
“งั้นข้าไปแล้วนะ!”
พูดกับคนพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์
ต้องใช้ฝีมือพิสูจน์ตัวเอง นี่คือทางเดียวที่จะสามารถปิดปากพวกเขาได้!
แน่นอนว่าความรักก็ทำได้เช่นกัน แต่ว่ามันก็เป็นแค่ตัวช่วยเท่านั้น ใช้แค่บางครั้งยังพอได้ ถ้ามากกว่านี้นางก็ไม่ยินยอม
…ที่ทำเช่นนี้เพื่อประกาศศักดาให้เห็นได้ชัด ไม่ใช่การต่อสู้กับพวกน่าเบื่อพวกนั้น
นางไม่อยากเสียเวลากับคนกลุ่มนั้น เมื่อเห็นท่าทางเจ้าเล่ห์ของนาง ความโกรธที่อยู่ในใจของหรงซิวก็พลันหายไปทันที
ดวงตาและหัวคิ้วคลายออก
“ได้”
…
หรงซิวสะบัดแขนเสื้อออก ลำแสงสีทองสายหนึ่งก็พุ่งออกไปด้านนอกทันที!
ลำแสงนั้นแหวกอากาศเป็นทางยาว บินตรงจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์ สร้างเป็นสะพานสู่ตำหนักสักการะเทพ!
ฉู่หลิวเยว่กระโดดขึ้นไปบนสะพานสีทอง จากนั้นก็เดินต่อไป!
…
“คาดไม่ถึงว่านางจะขึ้นไปจริงๆ หรือว่านางไม่กลัวว่าม่านวัดจะไม่ปรากฏตัวเลขออกมา จนสุดท้ายก็ต้องอับอายขายขี้หน้าหรือ?”
“นั่นสิ! ตำแหน่งพระชายาของพระราชวังเมฆาสวรรค์ จะสามารถเป็นกันได้ง่ายๆ ที่ไหน?”
“แต่นางเป็นคนนอกพรมแดน ทำแบบนั้นก็ถือว่าเป็นทางตันทางหนึ่ง…”
เมื่อมองแผ่นหลังของฉู่หลิวเยว่ที่ค่อยๆ ลับตาไป
คนจำนวนไม่น้อยเริ่มกระซิบกระซาบกัน
คนส่วนใหญ่จะมองโลกในแง่ร้าย
ต่อให้เมื่อครู่นี้ฉู่หลิวเยว่สามารถอัญเชิญอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้สองตัว พวกเขาก็คิดว่านางไม่สามารถผ่านด่านนี้ได้
ฝีมือของนางนั้นไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่เบื้องหลังบางอย่างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
พลังแห่งสายเลือดของนาง เมื่อเกิดมาไม่มี เช่นนั้นตลอดชีวิตนี้ก็จะไม่มีทางมี
นอกเสียจากนางจะทะลวงด่านกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียน!
ยิ่งไปกว่านั้นผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเซียนก็ยังไม่ได้รับการยอมรับ จะต้องเป็นคนที่ผ่านเข้าอาณาจักรเทพเซียนอย่างสมบูรณ์แบบแล้วเท่านั้น!
แต่เรื่องแบบนี้มันจะง่ายขนาดนั้นได้อย่างใด?
อย่าว่าแต่นางเป็นคนนอกพรมแดนเลย แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรในอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็มีไม่รู้ตั้งกี่คนที่ต้องติดอยู่ระดับครึ่งเซียนไปตลอดชีวิต ไม่มีทางเลื่อนขั้นไปอีกขั้นได้!
แม้กระทั่งตายแล้ว ก็ไม่สามารถก้าวพ้นระดับนั้นออกมา!
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางคือจอมยุทธ์ระดับเจ็ด!
หากต้องการจะอัญเชิญนาฬิกาไร้กาลเวลา อีกทั้งผ่านการทดสอบสายเลือดในระดับห้าขึ้นไป…
ก็เหมือนเป็นแค่คนโง่นอนละเมอเท่านั้น
…
ในขณะเดียวกันนั้นเองแน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้น
และแน่นอนว่าต่อให้นางได้ยินนางก็ไม่สนใจ
เรื่องอื่นวันว่างเปล่า ฝีมือเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง
ในตอนนี้คำถามเดียวที่นางครุ่นคิดอยู่ก็คือ ในเมื่อหรงซิวตอบตกลงให้นางขึ้นมา เขาต้องมั่นใจอย่างแน่นอนว่านางจะทำสำเร็จ
แต่เหมือนว่านางจะไม่มีพลังสายเลือดอันใดนั่นสิถึงจะถูก…
ต่อให้เป็นร่างเดิมของซั่งกวนเยว่ ก็ยังมีการสืบทอดพลังเพียงเล็กน้อยจากองค์ปฐมกษัตริย์ แต่ก็น่าจะไม่พอใช้ แล้วตอนนี้ล่ะ?
ประมาณหนึ่งเค่อผ่านไป ในที่สุดนางก็มาถึงปลายสะพานสีทอง…ตำหนักสักการะเทพ!
เมื่อมองไปรอบๆ ตรงหน้าของนางคือพระราชวังสีดำโอ่อ่างดงาม บนหลังคามีรูปแกะสลักอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายชนิด แรงกดดันเข้มข้นอย่างมาก!
ประตูบานใหญ่สีดำที่อยู่ตรงกลางปิดสนิท และบนนั้นมีสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ด้วย!
…นั่นคือสัญลักษณ์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์
ฉู่หลิวเยว่ได้แต่มองไปรอบๆ เท่านั้น
แต่นางก็รู้สึกว่าเลือดที่อยู่ภายในกายนั้นพลุ่งพล่าน เหมือนกับว่าพลังดั้งเดิมกำลังจะระเบิดออกมา!
นางรีบดึงสายตากลับโดยทันที
ตำหนักสักการะเทพแห่งนี้…ไม่อาจดูเบาได้เลยทีเดียว!
ด้านหน้าของตำหนัก มีลานกว้างขนาดใหญ่อยู่ บนพื้นนั้นปูด้วยหยกสีดำ หากยืนอยู่บนนั้น ก็สามารถเห็นเงาสะท้อนของตนเองได้
โดยรอบตำหนักสักการะเทพ และลานกว้างแห่งนี้ มีทหารสวมชุดเกราะสีดำยืนคุมอย่างเข้มงวด!
ลมปราณของคนเหล่านี้ แข็งแกร่งกว่าทหารที่ฉู่หลิวเยว่เคยเจอมาก!
เมื่อฉู่หลิวเยว่มาถึง พวกเขาก็จ้องนางโดยไม่ละสายตา แต่ยังคงยืนอยู่ในจุดตำแหน่งของตนเอง
ฉู่หลิวเยว่ลอบประหลาดใจ
คนที่สามารถอยู่ที่ตำหนักสักการะเทพแห่งนี้ได้ ก็ต้องไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพที่ได้รับการฝึกเป็นอย่างดี ย่อมเป็นกำลังทางทหารที่ยิ่งใหญ่…
ฉู่หลิวเยว่กระโดดลงมาเบาๆ
ในตอนนั้นเองนางก็ยืนอยู่ตรงข้ามตำหนัก และยืนอยู่ด้านหน้าลานกว้างพอดี!
สายตาของคนจำนวนนับไม่ถ้วนจดจ้องมาที่นาง
บรรยากาศรอบข้างเงียบกริบ
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตาลง
ในตอนนั้นลมปราณของนางก็พุ่งสูงขึ้น!
ครืน!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
ความว่างเปล่าได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
นาฬิกาแดดทรงกลมขนาดใหญ่สีทองค่อยๆ ปรากฏขึ้น!