ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1116 พนันโอสถ
ตอนที่ 1116 พนันโอสถ
จากนั้นนางก็พบว่า ผู้ที่กำลังปรุงยาอายุวัฒนะอยู่นั้นไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว แต่มีอยู่สองคนด้วยกัน!
เหนือยอดเขาอันเตี้ยลูกหนึ่ง เด็กหนุ่มสองคนกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ไกลๆ
ด้านหน้าของพวกเขาแต่ละคนมีหม้อยาตั้งไว้อยู่หนึ่งลูก ภายในหม้อยานั้นมีเปลวไฟลุกท่วม นางจึงสามารถมองเห็นยาอายุวัฒนะที่มีขนาดเท่าผลลำไยได้เลือนราง
กลิ่นยาอันเข้มข้นกลิ่นนั้นก็คงแผ่กำจายมาจากที่นี่เป็นแน่
อีกทั้งข้างกายของคนทั้งสองนั้น มีแท่นหินอันหนึ่งวางแยกไว้ให้แต่ละคน
บนแท่นหินอันหนึ่งมีตราหยกสีดำหลายอันวางเอาไว้ ส่วนแท่นหินอีกอันนั้นกลับไม่มีสิ่งใดตั้งไว้อยู่เลย
นี่ดูเหมือนกำลังแข่งขันกันอย่างใดอย่างนั้น!
รอบตัวของคนทั้งสองยังมีคนอีกหลายคนที่ดูประหนึ่งว่ากำลังจับตาชมการประลองอยู่
เช่นนั้นตราหยกสีดำที่วางอยู่บนแท่นหิน ก็คงจะเป็นของพวกเขา
ฉู่หลิวเยว่มองดูอย่างถี่ถ้วนรอบหนึ่ง
ดูแล้วเด็กหนุ่มทั้งสองคงจะอายุราวๆ ยี่สิบสามยี่สิบสี่ได้
คนที่อยู่ด้านซ้ายรูปร่างผอมสูง สวมชุดคลุมสีน้ำเงิน รูปร่างหน้าตาธรรมดาทั่วไป บัดนี้ดวงตาทั้งสองของเขากำลังจ้องเขม็งไปยังยาอายุวัฒนะภายในหม้อยา ที่กำลังจะปรุงเสร็จสิ้นในไม่กี่อึดใจข้างหน้า
ดวงหน้าของเขาที่เดิมทีขาวสว่างแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมไปทั่วหน้าผากของเด็กหนุ่ม
ดูเหมือนว่า เขาจะเหนื่อยหอบเสียจนเรี่ยวแรงเหือดหายไปหมดเสียแล้ว
กลับมาดูผู้ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม บนร่างสวมเสื้อคลุมสีเขียวไข่กา ดวงหน้าสุขุม เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่อีกฝั่งแล้ว สีหน้าของเขาผ่อนคลายกว่ามาก
การแข่งครั้งนี้ผู้ใดชนะผู้ใดแพ้ ก็คงจะประจักษ์ชัดแก่สายตาแล้ว
“เหมือนว่าถั้วป๋าเซวียนจะชนะอีกแล้วสินะ”
ผู้อาวุโสเฉียวอีดูท่าจะคุ้นชินกับฉากนี้ไปแล้ว เขาลูบเคราของตนพลางเอ่ย
“ถ้าชนะจากรอบนี้อีก เขาก็ชนะมาได้ห้ารอบติดแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่มองตามสายตาของเขาไป และพบว่าเขากำลังจดจ้องไปยังเด็กหนุ่มเจ้าของดวงหน้าสุขุมผู้นั้น
แท่นหินที่อยู่ข้างกายของเขาเองก็เต็มไปด้วยตราหยกจำนวนมากวางไว้อยู่เช่นกัน
ชัดเจนแล้วว่า ทุกคนต่างคิดเห็นเหมือนกันว่าเขาจะเป็นผู้ชนะ
ในขณะที่บนแท่นหินข้างกายของเด็กหนุ่มที่อยู่อีกฝั่งในชุดคลุมสีน้ำเงิน มีเพียงตราหยกสีดำวางไว้อยู่เพียงอันเดียวโดดๆ เท่านั้น
นั่นก็คงจะเป็นตราหยกของเขาเอง
ผู้อาวุโสเฉียวอีราวกับล่วงรู้สายตาของนาง ยามเห็นนัยน์ตาของนางทอประกายฉงนก็หัวเราะอย่างเบิกบานแล้วอธิบายว่า
“พวกเขากำลังพนันโอสถกันอยู่น่ะซี”
“พนันโอสถหรือ?” ฉู่หลิวเยว่ถึงกับงุนงงไปครู่หนึ่ง
“ใช่แล้ว ศิษย์ที่ฝึกวิชาเซียนหมอภายในสำนักมีจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่ค่อยลงรอยกัน เลยมักจะมีการจัดการพนันโอสถอยู่เนืองๆ น่ะ”
“คนทั้งสองที่เข้าร่วมการพนันโอสถต้องเลือกเวลาและสถานที่จัดการแข่งขันด้วยตัวเอง ผู้ใดที่สามารถหลอมยาอายุวัฒนะที่มีระดับสูงกว่า หรือหลอมยาที่มีประสิทธิผลดีกว่าก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ แต่มันไม่เหมือนกับการแข่งขันทั่วไปตรงที่ว่า ก่อนจะจัดการแข่งขันขึ้น พวกเขาแต่ละคนจะต้องวางเดิมพันเสียก่อน ของเดิมพันจะเป็นอันใดก็ได้ อีกอย่างทุกคนที่รับชมกันอยู่ข้างๆ ก็ต้องวางเดิมพันก่อนการแข่งเริ่มเหมือนกันว่าใครชนะใครแพ้”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง
“นอกเหนือจากนี้ หากว่าเดิมพันโอสถชนะแล้วละก็ คงจะมีรางวัลอย่างอื่นมอบให้ด้วยกระมัง’”
ลำพังแค่การพนัน ไม่เพียงพอที่จะให้บรรดาลูกรักสวรรค์พวกนี้แห่กันมาร่วมวงแก่งแย่งชิงดีกันเช่นนี้หรอก
พนันกันเป็นครั้งคราวหาได้นานๆ ทีก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าหากทำกันบ่อยเป็นกิจวัตรเช่นนี้ย่อมไร้ซึ่งความจำเป็น
เอาเวลาที่มีไปเขียนใบสั่งยาไม่ดีกว่าหรือ
ในเมื่อมันกลายเป็นที่โปรดปรานของคนจำนวนมากเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่แท้
ผู้อาวุโสเฉียวอีมองนางด้วยสายตาชื่นชม
“เจ้านี่เฉียบแหลมไม่เบา การพนันพวกนี้น่ะไม่ใช่เรื่องหลักหรอก เรื่องหลักก็คือการแพ้ชนะของผู้พนันโอสถนั้นจะส่งผลต่อการสะสมคะแนนในสำนักของพวกเขาต่างหาก”
“การสะสมคะแนนหรือ?”
“สิ่งของส่วนใหญ่ภายในสำนักเรานั้นจะต้องใช้คะแนนสะสมจำนวนแตกต่างกันออกไปมาใช้แลกเปลี่ยน พูดอีกอย่างก็คือคะแนนสะสมเป็นสกุลเงินแข็งค่าภายในสำนัก มันคือ ‘เงิน’ นั่นล่ะ พวกมันเอาไว้ใช้แลกสมุนไพรทำยากับพวกตำราเรียน หรือไม่ก็ของอย่างอื่นที่เจ้าอยากได้”
“เวลามีการพนันโอสถ นอกจากพวกการพนันธรรมดาปกติแล้ว บ่อยครั้งพวกเขาก็มักจะเดิมพันกันด้วยคะแนน หากพึ่งวิธีนี้แล้วละก็ พวกเขาก็จะสามารถสะสมคะแนนได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าถ้าหากแพ้ก็ไม่เหลืออันใดเลย”
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะเป็นเชิงเข้าใจ แล้วมองไปทางตราหยกสีดำแต่ละอันที่วางไว้บนแท่นหินทั้งสอง
“ผู้ชมเองก็สามารถเดิมพันคะแนนได้ด้วยหรือ?”
“ถูกต้อง อัตราการแพ้ชนะจะมากหรือน้อย เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาพูดคุยสืบเสาะจนคาดเดาล่วงหน้าได้แล้ว”
ตราบใดที่เป็นการพนันโอสถธรรมดา ไม่ได้ก่อปัญหาหรือความวุ่นวายใด เจ้าสำนักก็สนับสนุนเรื่องพวกนี้ทั้งสิ้น อีกทั้งก็จะไม่สอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
ผู้อาวุโสเฉียวอีมองนางพลางหัวเราะแหะๆ
“เหตุใด? เจ้าเองก็อยากลงขันสักตาหรือ? เจ้าเพิ่งเข้าสำนักมาวันนี้ ปกติแล้วจะมีคะแนนสะสมอยู่หนึ่งร้อยคะแนน”
ฉู่หลิวเยว่ขดปลายนิ้วเข้าหากัน
“ศิษย์ที่เพิ่งเข้าใหม่สามารถทำได้หรือไม่?”
“ก็แล้วเหตุใดจะไม่ได้เล่า!”
ผู้อาวุโสเฉียวอีสะบัดชายเสื้อคลุมคราหนึ่ง ก่อนจะทะยานลงไปด้านล่าง
ฉู่หลิวเยว่เองก็ตามหลังเขาไปติดๆ
เมื่อรับรู้ได้ถึงคนมาใหม่ด้านหลังของตน บรรดาผู้คนที่เดิมทีจดจ่ออยู่กับการแข่งขันตรงหน้าก็หันศีรษะกลับมามอง
“ท่านผู้อาวุโสเฉียวอี!”
เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ชัดเจนแล้ว คนเหล่านั้นก็พากันคำนับโดยพลัน
ผู้อาวุโสเฉียวอีโบกมือไปมา หัวเราะพลางกล่าวว่า
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก! วันนี้ข้าพาเจ้าต้นกล้าต้นใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักมาให้พวกเจ้าด้วย!”
คนเหล่านั้นพากันมองมาที่ฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา
ฉู่หลิวเยว่กำปั้นกำไว้ที่หน้าอก ก่อนจะทำการคารวะมาทางพวกเขา
“คารวะเหล่าศิษย์พี่”
คนเหล่านั้นล้วนคารวะกลับอย่างสุภาพ ทว่าสายตาที่มองมาทางฉู่หลิวเยว่กลับแฝงไปด้วยความสนเท่ห์
“ไม่ทราบว่าศิษย์น้องชายท่านนี้ บัดนี้อยู่ระดับใด?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางๆ
“ระดับแปดขอรับ”
ในนัยน์ตาของคนเหล่านั้นปรากฏแววแจ่มแจ้งขึ้นมาหลายระดับ แฝงไปด้วยแววเหยียดหยามเลือนราง
ผู้อาวุโสเฉียวอีนั้นรู้ถึงนิสัยงามหน้าของคนเหล่านี้ดีที่สุด จึงอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะออกมาคราหนึ่ง
“เซียนหมอระดับแปดอายุสิบหก ในหมู่พวกเจ้าฝั่งนี้ก็น่าจะเป็นที่รู้จักอยู่บ้างกระมัง?”
คราวนี้บรรดาศิษย์เหล่านั้นตกตะลึงกันยกใหญ่ ก่อนจะมองไปยังฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาที่ต่างไปจากก่อนหน้าลิบลับ
“ฉู่เยว่ ไปสิ ดูให้ดีว่าใครมีแววชนะ เอาตราหยกของตัวเองไปวางได้เลย!”
ผู้อาวุโสเฉียวอีตบบ่าฉู่หลิวเยว่เสียงดังฟังชัด
ในเมื่อเป็นคนพาเข้ามาด้วยตัวเอง ก็ต้องสนับสนุนเด็กเสียหน่อยถึงจะใช้ได้!
เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับเทพที่ฝึกฝนเป็นจอมยุทธ์ ยามกระแทกฝ่ามือลงมาแต่ละทีจึงทำเอาไหล่ข้างหนึ่งของฉู่หลิวเยว่ชาไปทั้งแถบ
ทว่าโชคยังดีที่ก่อนนี้นางกับตู๋กูโม่เป่าเคยกระทำทุกขกิริยามาระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นความสามารถในการต้านทานการโจมตีจึงเพิ่มขึ้นมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
บัดนี้นางจึงยังสามารถคงไว้ซึ่งความสุขุมได้
เดิมทีเมื่อการพนันโอสถดำเนินมาถึงช่วงเวลานี้แล้ว จะไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้อีก
แต่เมื่อผู้อาวุโสเฉียวอีเป็นคนออกปาก พวกเขาเองก็มิกล้าทัดทานอันใด ทำได้เพียงตอบรับเท่านั้น
ช่างเถอะ ถือเสียว่าทั้งหมดนี่เป็นของขวัญต้อนรับศิษย์น้องที่เพิ่งมาใหม่ก็แล้วกัน!
ฉู่หลิวเยว่ปราดมองแวบหนึ่ง นางเดินฝ่าคนทั้งหมดเข้าไป จากนั้นก็วางตราหยกสีดำเอาไว้บนแท่นหินด้านขวา
ตราหยกสีดำบนแท่นหินอันนั้นจึงเพิ่มขึ้นมาจากหนึ่งเป็นสองอัน
“เฮ้ย…”
ผู้อาวุโสเฉียวอียกมือขึ้นมาคิดจะเอ่ยห้าม ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว
“เจ้าเด็กนี่!”
เมื่อครู่นี่มิใช่ว่าเขาพูดไปแล้วหรือไร ว่าผู้ที่ได้ชัยชนะอย่างแน่นอนน่ะคือถั้วป๋าเซวียน!?
ลำพังแค่ดูจำนวนตราหยกบนแท่นหินทั้งสองฝั่งก็ดูออกแล้วว่าผู้ใดมีอัตราชนะที่มากกว่า!
ผู้อาวุโสเฉียวอีรู้สึกเจ็บใจอยู่บ้างที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้
คนเหล่านั้นที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพนี้ต่างก็มองหน้ากันไปกันมาด้วยความตะลึง ในแววตามีประกายล้อเลียนแวบผ่าน
เซียนหมอระดับแปดอายุสิบหก ได้ยินมาว่าทำให้คนกริ่งเกรงได้ไม่น้อย ทว่าดูๆ ไปแล้วเหมือนว่าจะมิใช่เรื่องจริงกระมัง?
ฉากดำเนินมาจนถึงขั้นสุดท้ายของการหลอมยาอายุวัฒนะแล้ว เขาก็ยังจะเลือกผิดฝั่งอยู่อีกหรือ?!
ฉู่หลิวเยว่กลับหาได้สนใจเรื่องพวกนี้ไม่ หลังวางตราหยกแล้วก็เดินกลับมาที่เดิม ดวงหน้าสงบสุขุมนัก
ผู้อาวุโสเฉียวอีกดเสียงต่ำ
“ฉู่เยว่ นี่เจ้าทำอันใดกันแน่? จบการแข่งขันนี้ไป ร้อยคะแนนของเจ้าจะถูกหักจนหมดเลยนะ!”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“พนันโอสถ มิใช่ว่าต้องพนันหรอกหรือขอรับ?”