ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1123 ค่ำคืนที่ไม่เงียบงัน
ตอนที่ 1123 ค่ำคืนที่ไม่เงียบงัน
“เจ้าคิดดูสิ! คะแนนของเจ้าตอนอยู่ในสำนักโดดเด่น เจิดจรัส และเป็นที่น่าจดจำของผู้อื่นถึงเพียงนั้น! ทว่าพระชายานั่นไม่มีแม้กระทั่งคุณสมบัติในการเป็นศิษย์ของสำนักเลยด้วยซ้ำ! หอคอยที่อยู่ใกล้น้ำมักได้จันทร์ก่อน[1] ประจวบเหมาะนักที่ช่วงระยะนี้ที่หรงซิวยังคงพำนักอยู่ในสำนัก ขอเพียงเจ้าอยู่เคียงข้างกายให้นานเข้าไว้ ใจของเขาย่อมต้องเอนไปหาเจ้าอย่างแน่นอน!”
แม่นางผู้มีคางแหลมเรียวเผยสีหน้าพึงพอใจแกมยั่วเย้าออกมา
“มิมีบุรุษคนไหนต้านทานการจู่โจมอันอ่อนหวานเช่นนี้ได้ไหวหรอก”
“ใช่แล้ว! จื่อหยวน เจ้าพึงใจในตัวพระโอรสนานถึงเพียงนั้น จะให้มายอมแพ้เอาเช่นนี้ ตัวเจ้าเองก็ไม่อยากทำมันหรอกใช่หรือไม่เล่า!?”
“แท้จริงแล้วพวกข้านั้นคิดมาตลอดว่าอย่างใดก็ต้องเป็นเจ้า…บัดนี้ถูกคนมาฉวยเอาของรักไป เจ้าจะทนต่อไปได้จริงหรือ?”
แม่นางเหล่านั้นเอ่ยเจ้าอย่างนั้นข้าอย่างนี้ ทำให้เจียงจื่อหยวนเกิดสองจิตสองใจขึ้นมา
นางเม้มริมฝีปากของตนแน่น คิ้วโก่งขมวดปมเล็กน้อย สีหน้าทั้งยุ่งเหยิงและกระวนกระวาย
“จริงๆ แล้ว…”
เดิมทีนางอยากจะพูดว่าซั่งกวนเยว่ผู้นั้น แท้จริงแล้วยอดเยี่ยมกว่าที่พวกนางคิดไว้มากโขนัก
ไม่รู้ว่าเหตุใด ฝั่งพระราชวังเมฆาสวรรค์จึงทำราวกับว่ามิเคยมีข่าวคราวเกี่ยวกับซั่งกวนเยว่มาก่อน ประหนึ่งว่ามีคนตั้งใจปิดข่าวพวกนี้ก็มิปาน เพื่อที่จะให้บรรดาคนนอกคิดว่าซั่งกวนเยว่เป็นเพียงแม่นางธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น
ทว่าเจียงจื่อหยวนรู้แจ้งแก่ใจดี
ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ ทักษะพรสวรรค์หรือด้านอื่นๆ ซั่งกวนเยว่ล้วนไม่ได้ด้อยไปกว่านางเลย!
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ นางเป็นคนโปรดของหรงซิว!
…เขากำลังตกหลุมรักนางอยู่จริงๆ!
รักจนกระทั่งไม่เสียดายในสิ่งที่ทำให้นางไปมากถึงเพียงนั้น!
ทว่าคำพูดนี้กลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก เจียงจื่อหยวนคิดจะพูดออกมาก็พูดไม่ออก
ให้นางยอมรับว่าแม่นางผู้นั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่านาง นางทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ!
เนิ่นนานอยู่ครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดนางก็พ่นลมหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
“ข้าตัดสินใจแล้ว”
…
ภายในห้องพัก ฉู่หลิวเยว่นั่งขัดสมาธิพลางเพ่งสติสะกดกลั้นลมหายใจ
ในชั่วขณะนั้น นางก็ยกมือหนึ่งของตนขึ้นมา
ดวงแสงอันเปล่งประกายเจิดจ้าดวงหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือปลายนิ้ว
ชั่วพริบตา ดวงแสงหนึ่งดวงนี้ก็พลันแปรออกแยกเป็นหลายดวงกว่าเดิม อันทำให้ทั่วทั้งฝ่ามือของนางส่องสว่างจ้า
นิภาปลายนิ้วได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นฝ่ามือเทวะ!
ทันใดนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ค่อยๆ กำฝ่ามือเข้าหากัน
พลังปราณดั้งเดิมสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากหมัด! ปล่อยลำแสงส่องประกายจางๆ ราวหยกออกมา!
ครืน!
ฉู่หลิวเยว่ปล่อยออกไปหมัดหนึ่ง!
ฉับ!
ลมแรงสายหนึ่งพลันโหมขึ้นมา!
ภายในพื้นที่ว่างเปล่า พลันปรากฏรอยแยกสีนิลเกิดขึ้น…นั่นเป็นช่องรอยแยกที่ถูกลมกรรโชกจากหมัดอันเกรี้ยวกราด!
ชั่วพริบตานั้นเอง พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่โดยรอบก็ได้รับผลกระทบจากหมัดครั้งนี้เช่นกัน ก่อให้เกิดเป็นคลื่นกระทบอันเบาบาง!
หึ่งหึ่ง!
นัยน์ตาของฉู่หลิวเยว่หดลงโดยพลัน!
เมื่อเห็นคลื่นกระทบอันไร้ซึ่งรูปร่างแผ่กระจายออกมาจากห้องพัก ลมปราณอันมหาศาลไร้ขอบเขตพลันพวยพุ่งออกมา!
ตูม!
เสียงปะทะกันอย่างรุนแรงก็แว่วดังขึ้นมา!
ที่แท้พลังจากหมัดครานี้กระแทกเข้ากับค่ายกลด้านบนที่เพิ่งกางไปเมื่อครู่อย่างรุนแรง!
หลังสิ้นแรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงของค่ายกลที่เกิดขึ้นชั่วขณะนั้น มันก็สามารถกลับมาต้านได้อย่างมั่นคง
“โฮ่…นังหนู ทำแบบนี้เดี๋ยวคนก็ตกใจตายกันพอดี!”
องค์ไท่จู่ที่มิรู้ว่ามาปรากฏตัวภายในห้องตั้งแต่เมื่อใด ใช้มือหนึ่งลูบอกที่ไร้ซึ่งดวงใจจากกายเนื้อของตนโดยสิ้นเชิง สีหน้าเองก็หวาดหวั่นยิ่ง
“ถ้าหากแรงสั่นเมื่อครู่แผ่ออกไปล่ะก็ ข้าว่าเย็นวันนี้เจ้าต้องถูกผู้อาวุโสพวกนั้นจัดการเป็นแน่!”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอออกมาคราหนึ่ง
“ในส่วนนี้…ข้าเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน…”
นางค่อยๆ ดึงพลังของตนกลับอย่างช้าๆ จากนั้นก็ชักกำปั้นของตนกลับแล้วมองดูอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
ฝ่ามือขาวลออ นิ้วมือเรียวเป็นข้อชัดเจน
ทว่าหากมิได้ยลด้วยตาตน ผู้ใดก็มิสามารถรู้ได้ว่ามือเรียวขาวนวลข้างนี้เต็มไปด้วยพลังที่พาให้ผู้คนต่างก็หวั่นเกรงเช่นนี้!
“หมัดเทวะ…พลังรุนแรงแข็งกร้าวปานนี้เชียว…”
นี่เป็นครั้งแรกที่นางใช้ท่าหมัดเทวะ
หลังจากที่บุกทะลวงระดับเจ็ด พลังปราณดั้งเดิมภายในร่างของนางแข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาลอันเนื่องมาจากการควบคุมและฝึกฝนฝ่ามือเทวะมาจนถึงขั้นสูงสุด
นางจึงคิดว่ามันถึงเวลาที่จะได้ทดลองใช้ท่าหมัดเทวะแล้ว
อย่างใดก็ตาม กระบวนท่าหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ถือเป็นหนึ่งเดียวกันในตัวมันเอง
หมัดเทวะนั้นแปลงมาจากนิภาปลายนิ้วและฝ่ามือเทวะที่มีอยู่ก่อนหน้า ดังนั้นสำหรับฉู่หลิวเยว่แล้ว มันจึงมิได้ใช้พลังงานมากปานนั้น
ทว่านางคาดคิดมิถึงจริงๆ ว่าพลังของหมัดเทวะนี่จะกล้าแกร่งและรุนแรงเช่นนี้!
หมัดเมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดเลยว่ามีลาดเลาของการเคลื่อนย้ายพลังสวรรค์และโลก!
“นี่คือเทียนตี้ซวนหวงขั้นสูงสุดนี่! เจ้าคิดว่าอย่างใดเล่า!?”
องค์ไท่จู่เป่าเคราของตน ตาก็จ้องเขม็งไปที่นาง
“แต่การเคลื่อนย้ายพลังสวรรค์และโลกไม่ใช่ความสามารถของเทียนตี้ซวนหวง…”
“แต่ว่าตัวเจ้าในตอนนี้น่ะ มีพลังปราณศักดิ์สิทธิ์โคจรอยู่ภายใน!”
องค์ไท่จู่ส่ายศีรษะ
“หมัดเทวะนี่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง อีกทั้งพลังแฝงของมันมหาศาลนัก เมื่อครู่เจ้าแค่ลงมือตามใจอยากก็สามารถแตะจุดสิ้นสุดของเทียนตี้ซวนหวงได้อยู่รำไรแล้ว ถ้าหากฝึกฝนดีๆ แล้วล่ะก็ ต่อไปในวันข้างหน้า… ไม่แน่ว่าพลังของเจ้าจะสามารถพัฒนาต่อไปให้แข็งแกร่งกว่าเดิมได้อีก!”
ฉู่หลิวเยว่เองก็ลอบตกตะลึงกับตนเอง จากนั้นก็พลันนึกไปถึงคราแรกที่ได้เห็นฉากกระบวนท่าหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์
ใช่แล้ว
ภายในกระบวนท่าหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ก็มีการรวบรวมพลังแห่งสวรรค์เช่นกัน!
เพียงแต่ว่าคราแรกนั้นระดับของนางต่ำเกินไป พละกำลังเองก็อ่อนด้อยเหลือจะเอ่ย ดังนั้นนางจึงมิสามารถเข้าใจมันได้อย่างแจ่มชัด
ภายหลังพอได้มาพบเจอเรื่องราวมากมายติดต่อกัน นางก็พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนสักช่วงเวลาหนึ่ง
บัดนี้พอมาคิดดู…
เหตุใดเคล็ดวิชาเทียนตี้ซวนหวงธรรมดาสามัญถึงได้มีพลังแกร่งกล้าเช่นนี้?!
“นังหนู ฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ให้ดีๆ ล่ะ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งมันอาจกลายเป็นไม้ตายของเจ้าก็ได้นา!”
องค์ไท่จู่เอ่ยอย่างจริงจัง
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะรับ
“ข้าช่วยชี้ทางสว่างให้เจ้าแล้ว เจ้าก็จับใจความดีๆ เสียล่ะ”
องค์ไท่จู่กล่าวจบก็เพิ่มพลังที่กางค่ายกลไว้ให้แกร่งขึ้นกว่าเดิม กันมิให้คนภายนอกล่วงรู้ถึงการเคลื่อนไหว
“ขอบคุณองค์ไท่จู่เจ้าค่ะ”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็ยับยั้งความคิดของตน ปิดเปลือกตา และหวนนึกถึงกระบวนท่าหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์
ในคราแรกนั้น ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสับสนงุนงงกับหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวกับส่วนของหมัดเทวะที่จดจำเป็นภาพไว้ในสมองมาโดยตลอด
ทว่าในตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่กลับรับรู้ได้รางๆ ถึงรูปแบบอันลึกล้ำอยู่บางส่วนในนั้นได้โดยไม่รู้ตัว
นางโคจรพลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายอีกครั้งหนึ่ง แล้วยกมือขวาของตนขึ้นมา
พลังปราณดั้งเดิมสีชาดพลันพรั่งพรูออกมา! แล้วเข้าห่อหุ้มทั่วทั้งฝ่ามือ!
หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ามือของนางก็ค่อยๆ ขยับเคลื่อนกลางอากาศ ก่อนจะกำเข้าหากันแน่นกลายเป็นหมัด
ในตอนที่มือของนางเปลี่ยนรูปแบบเป็นหมัด ทั่วทั้งฝ่ามือก็ถูกแสงรัศมีแวววาวปกคลุมจนทั่ว! อีกทั้งยังแปรเป็นสิ่งโปร่งใสขึ้นมาอยู่หลายส่วนอย่างเบาบาง!
แรงกดดันมหาศาลอันน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งพลันแผ่ขยายออกมาจากหมัดนั้น!
องค์ไท่จู่ที่คอยยืนดูภาพนี้อยู่ด้านข้างลอบหวั่นเกรงอยู่ในใจ
กระบวนท่าหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์นี้มีแรงกดดันมหาศาลสูสีกับเทียนตี้ซวนหวงเลยทีเดียว!
โชคของนังหนูนี่น่ะ…มันจะดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!?
ฉู่หลิวเยว่มิได้รับรู้ถึงความคิดในใจตอนนี้ขององค์ไท่จู่เลยแม้แต่น้อย
นางหวนคิดไปถึงรูปแบบท่าหมัดเทวะไม่ยอมหยุดพลางรวบรวมพลังปราณดั้งเดิมไว้ที่กลางฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง
หากว่าตอนนี้นางลืมตาขึ้นมาก็จะพบว่า ระหว่างการถ่ายเทพลังของนาง ฝ่ามือของนางเองก็ยิ่งโปร่งใสขึ้นกว่าเดิม!
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนใคร่รู้นักว่า ถ้าหากนางฝึกตนสำเร็จ มือข้างนั้นจะโปร่งใสไปโดยสิ้นเชิงเลยหรือไม่
เมื่อเวลาผ่านไป พลังบนฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่ก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นมาอีกระดับ!
อีกทั้งแรงกดดันมหาศาลที่ก่อตัวขึ้นมาภายในนั้นก็ยิ่งแข็งกล้าขึ้นมาโดยมิหยุดหย่อน!
ดวงตาทั้งสองข้างขององค์ไท่จู่จ้องเขม็งค้าง
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เขาเองก็พลันรู้สึกกระวนกระวายอย่างไม่รู้สาเหตุขึ้นมา
ประกายแสงวับแวววาวส่องสะท้อนลงบนดวงหน้าของฉู่หลิวเยว่ ทำให้ใบหน้าของนางที่เดิมทีขาวลออดุจหยกทวีความประณีตขึ้นมาอีกหลายส่วน
เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่พลันลืมตาของตนขึ้นมาอย่างชัดเจนทะลุปรุโปร่ง!
แพขนตายาวสั่นไหวเล็กน้อย ภายในดวงตาสีดำเข้มสะท้อนแสงรัศมีอันสูงส่งออกมา!
นางซัดกำปั้นออกไปหมัดหนึ่ง!
เปรี๊ยะ!
องค์ไท่จู่เบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก!
…ค่ายกลที่เขากางเอาไว้ถูกฉู่หลิวเยว่ทำลายลงอย่างง่ายดายด้วยหมัดเดียว!
[1] หอคอยที่อยู่ใกล้น้ำมักได้จันทร์ก่อน เป็นการอุปมาว่าการที่เราไปอยู่ในสถานการณ์ที่ที่เอื้ออำนวยต่อเรา จะทำให้เราจะได้ประโยชน์ก่อนคนอื่นๆ