ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1125 งานประลองชิงอวิ๋น
ตอนที่ 1125 งานประลองชิงอวิ๋น
ว่าแล้วเชียว!
หรงซิวคิดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องพูดเช่นนี้ ครั้นได้ยินเต็มสองหู ใบหน้าหล่อเหลาก็ฉายแววไม่พอใจ แล้วยิ้มเยาะออกมาหนึ่งที
“ดูเหมือนว่าจดหมายของเซียนสุ่ยหลิงเจียง จะส่งไปถึงท่านผู้อาวุโสตันชิงแล้วสินะขอรับ”
ผู้อาวุโสตันชิงขมวดคิ้ว
“เซียนสุ่ยหลิงมิได้พูดอันใดกับข้า เจ้าก่อเรื่องเอง ไม่แปลกที่ข่าวนี้จักแพร่กระจายออกไป หรือเจ้าคิดว่า เจ้าจะปิดบังเรื่องนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่พอใจเท่าไร
ผู้คนรอบข้างล้วนตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
แม้นในใจพวกเขาเองจะแอบคิดเช่นนี้ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปโต้งๆ เหมือนผู้อาวุโสตันชิง และคงไม่กล้ายั่วยุหรงซิวตรงๆ เช่นเขา
ซึ่งสาเหตุที่เขาดูใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ก็เพราะเขาเป็นอาจารย์ของเจียงจื่อหยวน
เมื่อศิษย์ผู้ที่รักของตนต้องทนทุกข์กับความคับแค้นใจเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะอาจารย์ ย่อมรู้สึกทุกข์ใจไม่ต่าง
แค่ให้มองหน้าหรงซิวตอนนี้ เขายังรู้สึกขัดตาเลย
“พิธีคัดเลือกพระชายาถูกจัดขึ้นต่อหน้าสาธารณชน” หรงซิวยกยิ้มเบาๆ “แขกทุกคนในงานล้วนเป็นพยานรู้เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น”
ผู้อาวุโสตันชิงถึงกับสำลัก
การที่เขากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าหรงซิวมิได้คิดจะปกปิดเรื่องนี้แต่อย่างใด
“หากผู้อาวุโสตันชิงยังสงสัยเกี่ยวกับพิธีในวันนั้น ข้าจักไขข้อสงสัยให้ท่านเอง มิเช่นนั้น ข้าเกรงว่าท่านอาจจะไปได้ยินเรื่องไร้แก่นสารเข้า แล้วเกิดโมโหจนหน้ามืดตามัวน่ะสิขอรับ”
หรงซิวยังคงยิ้มให้เขา
แต่คำพูดที่ดูสุภาพนั่นกลับเชือดเฉือนราวใบมีดคม!
ใบหน้าของผู้อาวุโสตันชิงบิดเบียวเสียน่าเกลียด
“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่า จื่อหยวนโกหกแล้วปั้นแต่งเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาหรือ?”
“ข้ามิได้กล่าวเช่นนั้น”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เพียงแต่ในเมื่อมีผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างข้าอยู่ที่นี่ ไม่ว่าคนนอกจักพูดอย่างไร ย่อมมิหนักแน่นเท่าคำพูดของข้าสู่ท่านโดยตรงมิใช่หรือขอรับ?”
คนนอก
ถ้อยคำสั้นๆ ที่แสนเรียบง่าย แต่กลับทำให้เจียงจื่อหยวนถูกตัดออกจากวงสนทนาในทันที พร้อมขีดเส้นกั้นบางๆ บอกจุดยืนของนางอย่างชัดเจน
ผู้อาวุโสตันชิงแน่นหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก
เดิมทีเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าหลังจากที่เจียงจื่อหยวนกลับมาสำนักได้พักหนึ่ง นางกลับดูเศร้าเสียใจราวจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ พอเห็นเช่นนั้นเขาเองก็ทุกข์ใจอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะถามหรงซิวให้รู้ความ
แต่ที่หรงซิวพูดมาก็ถูก
สำหรับเขาแล้ว เจียงจื่อหยวนเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น
เดิมทีสถานะของเขากับเจียงจื่อหยวนก็ต่างกันอยู่แล้ว และหรงซิวเองก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าเขาคิดเกินเลยกับเจียงจื่อหยวนเลยสักครั้ง
สุดท้ายแล้วมันเป็นเพียงความปรารถนาของเจียงจื่อหยวนฝ่ายเดียว
“เอาล่ะ เอาล่ะ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของหรงซิว ตัวเขาเองย่อมมีวิจารณญาณและวิสัยทัศน์ก้าวไกล ในเมื่อเขาตัดสินใจเช่นนั้น พวกเราก็มิควรยุ่ง!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเอ่ยแทรกเป็นการสงบศึก
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย
“ถูกต้อง หรงซิว หากวันหน้าเจ้าว่าง ก็พาพระชายาของเจ้ามาเยี่ยมชมสำนักของเราด้วยสิ”
หรงซิวเคยศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสำนักวิชาหลิงเซียวพักหนึ่ง
ซึ่งการเชิญชวนเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่หรงซิวกลับหยุดชะงักราวลังเล
“…รออีกสักพักดีกว่าขอรับ ช่วงนี้ทางสำนักเองก็ยุ่งวุ่นวายไม่น้อย เกรงว่าหากพานางมาด้วยอาจจะทำให้ธุระสำคัญของท่านอาวุโสล่าช้าก็เป็นได้ และนางเองก็…ต้องใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นชินเสียก่อน”
หรงซิวปฏิเสธทันที ผู้อาวุโสหลายคนต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
แม่นางผู้นั้นเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงทำให้หรงซิวออกตัวปกป้องนางได้ถึงเพียงนี้?
“ตกลงตามนั้น”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรู้ว่าหรงซิวยอมอ่อนข้อให้พวกเขาได้เพียงเท่านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เอ่ยอันใดออกไปอีก
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงระฆังอันไพเราะและหนักหน่วงดังขึ้นจากข้างนอก!
หึ่ง…
นั่นคือของเสียงหอระฆังบูรพกษัตริย์!
“การประเมินในช่วงต้นเดือนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองไปที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน
ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจักต้องออกไปพบปะกับเหล่าศิษย์ด้านนอก
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย
“พวกเราออกไปกันเถอะ หรงซิว เจ้าเองก็ออกไป…”
“ข้าจะออกไปดูพร้อมเหล่าท่านผู้อาวุโสขอรับ”
หรงซิวขัดจังหวะผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางเบา
เหล่าผู้อาวุโสต่างตกใจ
“จริงหรือ?”
ปกติแล้วหรงซิวนั้นเฉยชาและไม่ชอบความครื้นเครง
แม้แต่ตอนที่อยู่ในสำนักวิชา เขาเองก็ยังไม่ค่อยออกมาร่วมงานเช่นนี้เสียเท่าไร
ไฉนตอนนี้ถึงได้อยากไปขึ้นมา?
“ขอรับ”
มุมปากของหรงซิวกดยิ้มลึกลง
“จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าข้ามิได้เห็นฉากนี้มานานแล้ว พลันรู้สึกคิดถึงขึ้นมารำไร ท่านผู้อาวุโสคงไม่คัดค้านใช่หรือไม่ขอรับ?
“คัดค้านกระไร!? ฮ่าๆ! ถ้าเจ้าพวกตัวร้ายนั่นรู้ว่าเจ้ามาล่ะก็ ได้แตกตื่นเนื้อเต้นดีอกดีใจเป็นแน่แท้!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงหัวเราะชอบใจ
กิตติศัพท์ของหรงซิวนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในสำนักวิชา
แม้ว่าตอนนี้เขาจะออกจากสำนักไปแล้ว ทว่าชื่อเสียงของเขาก็ยังถูกกล่าวขานกันในสำนักวิชาไม่ขาดสาย
ศิษย์หลายคนแอบยึดเอาเขาเป็นตัวอย่างในการฝึกฝน โดยหวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนหรงซิว
หรืออาจจะ…แข็งแกร่งกว่าหรงซิว!
หรงซิวเงียบไปครู่หนึ่ง พลันแย้มยิ้ม
“…ก็คงจะ…เป็นเช่นนั้น”
…
ในยามเช้าตรู่ ขณะที่สุริยากำลังทะยานขึ้นฟ้าและส่องแสงลงมายังจัตุรัสชิงหมิงอันคึกคัก!
ศิษย์สาวกจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันที่นี่ ใบหน้าอันอ่อนเยาว์เหล่านั้นเต็มไปด้วยพลังชีวิตและความกระปรี้กระเปร่า
พวกเขาทั้งตื่นเต้น ว้าวุ่น หวาดหวั่น แน่วแน่…
ต่างคนต่างยืนจับกลุ่มใหญ่เล็ก หรือไม่ก็ยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางจัตุรัสอันกว้างใหญ่
สายตาของพวกเขาจดจ่ออยู่ที่หอระฆังบูรพกษัตริย์
“ทั้งๆ ที่เป็นเพียงการประเมินต้นเดือน! แต่ไม่รู้เลยว่าข้าผ่านหรือไม่…”
“เตรียมตัวมาตั้งครึ่งเดือนแล้ว ต้องไม่เป็นไรแน่นอน!”
“ปวดหัวจริงๆ จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังวิเคราะห์ค่ายกลที่ท่านอาจารย์ เอาให้ดูเมื่อเดือนก่อนไม่ได้เลย ครานี้ข้าตายแน่!”
“ฮ่าฮ่า! เมื่อสองวันก่อนข้าเพิ่งทะลวงขั้นพลังปราณผ่าน! ไม่แน่ว่าวันนี้ข้าอาจได้เลื่อนอันดับก็ได้!”
ศิษย์ทุกคนต่างถกเถียงกันให้ทั่ว
การรวมตัวกันของถ้อยเสียงวาทีต่างๆ ส่งผลให้จัตุรัสกว้างที่แต่เดิมเคยว่างเปล่า ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ฉู่หลิวเยว่เดินตามจงซวิ๋นไปยังจุดของเซียนหมอ ทว่าตำแหน่งของพวกเขาค่อนข้างห่างไกล และแทบจะไปยืนติดกับพวกปรมาจารย์ที่ยืนอยู่เยื้องกันแล้ว
และการยืนอยู่ตรงนี้ยังทำให้นางได้ยินเสียงกระซิบของเหล่าปรมาจารย์บางคนด้วย
ฉู่หลิวเยว่มองตามสายตาของทุกคนที่กำลังจดจ้องอยู่ที่หอระฆังบูรพกษัตริย์
“เหตุใดทุกคนถึงมองไปทางนั้นกันล่ะ?”
สีหน้าของจงซวิ๋นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่มิอาจเก็บซ่อนไว้ได้
“เพราะอีกเดี๋ยวจะมีรายชื่องานประลองชิงอวิ๋น ปรากฏขึ้นบนหอระฆังบูรพกษัตริย์!”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจจนผงะ
“งานประลองชิงอวิ๋นหรือ!?”
——————————————-