ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1154 เก็บความลับ
ตอนที่ 1154 เก็บความลับ
“คิดจะทำอันใด!”
ผู้อาวุโสเหวินซีปฏิกิริยาตอบสนองไวยิ่ง เขาสะบัดชายเสื้อคลุมคราหนึ่ง พลังปราณดั้งเดิมอันแกร่งกล้าสายหนึ่งพลันพุ่งออกไป!
ตูม!
กระแสพลังทั้งสองสายปะทะเข้ากันพอดิบพอดี! แรงที่เกิดจากการปะทะรุนแรงหนักหน่วงยิ่ง!
อย่างใดเสียผู้อาวุโสเหวินซีก็เป็นถึงหนึ่งในผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้าของสำนัก ด้วยการโจมตีครานี้ พลังจากทัณฑ์สวรรค์สายนั้นพลันอ่อนกำลังลงอย่างมาก
แสงสว่างที่เดิมทีพราวระยับเจิดจ้าริบหรี่ลงไม่น้อยในบัดดล
“ใครเป็นคนอัญเชิญมากัน!”
ผู้อาวุโสเหวินซีเอ่ยอย่างดุร้ายพลางก้าวเข้าไปในค่ายกล!
ส่วนผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ตามเขามาติดๆ อย่างเคย
“เจ้าเด็กฉู่เยว่นั่นเล่า? คงไม่ได้ถูกทัณฑ์สวรรค์ผ่าตายไปแล้วหรอกกระมัง?”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็มองเห็นผู้อาวุโสเหวินซีตัวแข็งทื่อ ทั้งยังมองไปยังด้านหน้าด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ราวกับว่ากำลังมองดูภาพฉากที่ไม่มีเกิดขึ้นมาได้อยู่ก็มิปาน
“ดูอันใด…”
เขาหันมองไปตามครรลองสายตาของผู้อาวุโสเหวินซี คำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากแล้วครึ่งหนึ่งพลันติดขัด
เห็นเพียงว่าบนยอดเขาของเขาหมื่นเมรัยนั้น มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยืนตระหง่านอยู่
รูปร่างของเขาติดจะผอมบางอยู่บ้าง ทว่ายังคงไว้ซึ่งความสูงโปร่งตรงตระหง่านอย่างเคยมิแปรเปลี่ยน
ในจังหวะนั้นเอง เขากำลังยืนอยู่ข้างตาน้ำพุ ในมือถือกระบี่เล่มยาวสีดำสนิททั้งเล่มเอาไว้แน่น ทั่วทั้งร่างเปี่ยมด้วยพลังปราณดั้งเดิมที่พรั่งพรูออกมา!
เป็นฉู่เยว่นั่นเอง!
และในขณะเดียวกันนั้น เหนือศีรษะของเขาก็มีทัณฑ์สวรรค์สองสายลอยวนเวียนอยู่!
ทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นอยู่ห่างกันเพียงน้อยนิดเท่านั้น
เพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่งก็จะถูกพวกมันบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย!
ทว่ามิรู้ด้วยเพราะเหตุอันใด ทัณฑ์สวรรค์สองสายนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เพียงแค่ลอยละล่องอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ
ส่วนฉู่เยว่แผ่นหลังเหยียดตรง ในมือถือกระบี่ ราวกับว่ามิได้มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย…
ภาพฉากนี้ช่างประหลาดพิกลโดยแท้ กระทั่งว่าผู้อาวุโสทั้งสองท่านที่เคยชินกับประสบการณ์ดุเดือดวุ่นวายต่างๆ นานาก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาอยู่พักใหญ่
ราวกับรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวจากฟากนี้ เด็กหนุ่มผู้นั้นจึงหันมองมา
…
“ผู้อาวุโสเหวินซี ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ในที่สุดพวกท่านก็มาได้เสียที!”
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ปรากฏแววยินดีปรีดายิ่ง ราวกับท่าทีของคนที่โล่งอกผ่อนคลายลงไม่มีผิด
สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองท่านทวีความประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
นี่มัน…ไม่ถูกต้องแล้ว!
“พวกหลัวซือซือบอกว่าเจ้าถูกขังอยู่ในเขาหมื่นเมรัยนี่…”
ผู้อาวุโสเหวินซีเอ่ยปากอย่างละล้าละลัง
“แต่เจ้ากลับดูไม่เหมือนถูกขังอยู่เลยนะ…”
ฉู่หลิวเยว่เงื้อกระบี่ในมือขึ้นชี้ไปยังทัณฑ์สวรรค์ทั้งสองที่อยู่เหนือตัวเองขึ้นไป
“ถูกแล้วขอรับ! ศิษย์ติดอยู่ในนี้จริงๆ ขอรับ!”
นี่ถ้าบินออกไปเมื่อครู่นี้ คงมีแววถูกผู้อาวุโสเหวินซีจับได้อยู่ดี…
ฉู่หลิวเยว่คิดในใจเช่นนี้ไปพลาง ทว่าอารมณ์บนสีหน้ากลับไม่เผยช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสทั้งสองต่างพากันมองไปยังทัณฑ์สวรรค์สองสายที่ยังคงสงบนิ่งดุจขุนเขา จากนั้นก็สบตากันรอบหนึ่ง สีหน้าแปลกพิกลนัก
ภาพฉากนี้ ดูอย่างใดก็ไม่เหมือนว่าเขากำลังถูกขังอยู่เลย!
ก่อนหน้านี้เห็นพวกหลัวซือซือตื่นตระหนกกันถึงปานนั้น ก็คิดไปแล้วว่าฉู่เยว่จะตกอยู่ในวิกฤติเป็นตายเท่ากัน
ทว่ามาดูตอนนี้แล้ว…เหตุใดถึงต่างจากสิ่งที่คาดเอาไว้ก่อนหน้าโดยสิ้นเชิงเลยเล่า?
ผู้อาวุโสเหวินซีกวักมือไหวๆ
“ไม่เป็นไร มีพวกข้าอยู่ สิ่งนั้นก็ทำอันใดเจ้าไม่ได้ เจ้ามานี่ก็พอ!”
ฉู่หลิวเยว่หลุบตาลงอย่างลังเล แล้วมองไปยังถวนจื่อที่ยังคงหมอบอยู่ข้างตาน้ำพุ กระทั่งสะโพกก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“…”
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ คือ…ศิษย์ขออยู่ต่ออีกสักหน่อยก่อนไปได้หรือไม่ขอรับ?”
“หา?”
ผู้อาวุโสเหวินซีมีสีหน้าคลางแคลงใจ
“เจ้ายังอยากอยู่ต่อหรือ?”
เขากวาดสายตาไปทั่ว จนสุดท้ายแล้วก็มองเห็นถวนจื่อที่อยู่ด้านล่าง
“นั่นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธะของเจ้าหรือ?”
หากดูมิผิดแล้วละก็ นั่นคงจะเป็นกษายะหางวายุกระมัง?
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าหงึกหงัก
“จิ๊ สีของเจ้ากษายะหางวายุตัวนี้เข้มข้นบริสุทธิ์ปานนี้ พลังสายเลือดเองก็คงจะน่าอัศจรรย์มากเหมือนกัน!”
นัยน์ตาของผู้อาวุโสฮวาเฟิงเป็นประกาย
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเห็นกษายะหางวายุตัวอื่นผ่านตามาบ้าง แต่ว่าเจ้าตัวนี้เรียกว่าอยู่ระดับต้นๆ ในหมู่พวกมันเลยยังได้!
“เจ้าเด็กนี่โชคดีนัก! กระทั่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ประเภทนี้ก็ยังสามารถทำพันธะด้วยได้…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเดาะลิ้นไปมา
“เจ้ารั้งรออยู่ที่นี่ก็เพื่อมันหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่สองจิตสองใจอยู่พักหนึ่ง ทว่าก็ยังคงพยักหน้าตอบเบาๆ
ภายในตาน้ำพุของเขาวั่นจิ่วแห่งนี้ ปกปิดความลับเอาไว้อยู่เรื่องหนึ่ง
ดูแล้ว มีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านจะรู้เรื่องนี้ด้วย
เช่นนั้น นางเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังแล้ว
“มิน่าเล่า…แต่ว่าแบบนี้มันใช้ได้เสียที่ไหนกัน! แต่ไหนแต่ไรมาเขาหมื่นเมรัยไม่เคยอนุญาตให้ศิษย์อยู่ที่นี่เป็นเวลานาน อีกอย่างนี่ก็ถึงเวลาหวงห้ามของที่นี่แล้ว เจ้าหิ้วเจ้าตัวน้อยนั่นกลับตามพวกข้าออกมาให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่เองก็อยากออกไปแล้วเช่นกัน
แต่กลายเป็นว่าผู้อาวุโสทั้งสองกลับมาหานางด้วยตัวเองได้เสียนี่
ถ้ายังมัวรั้งอยู่ต่อแล้วละก็ บางทีอาจถูกพวกเขาจับสังเกตเห็นอันใดบางอย่างเข้าก็เป็นได้
นางเดินไปหิ้วถวนจื่อขึ้นมาไว้ในวงแขน
ส่วนถวนจื่อก็มองมาที่นางตาละห้อย
อีกนิดเดียว…
อีกนิดเดียวแท้ๆ!
เดินออกไปตอนนี้นี่จะไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ปรายมองด้วยหางตา ก็สบเข้าพอดีว่าภายในตาน้ำพุนั้นราวกับมีแสงส่องประกายระยิบระยับ
นางจ้องเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตะลึงอึ้งค้างไปในบัดดล
เพราะว่านั่นหาใช่เงาที่สะท้อนทัณฑ์สวรรค์ออกมาบนผิวน้ำไม่ แต่กลับเป็น…ทัณฑ์สวรรค์ที่มีการดำรงอยู่ของมันจริงๆ!
มิรู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ภายในตาน้ำพุนั้นจึงเต็มไปด้วยทัณฑ์สวรรค์ที่มารวมตัวกันดุจมังกรสีเงินที่กำลังแหวกว่ายอยู่ใต้ผิวน้ำ!
ฉู่หลิวเยว่สะกดกลั้นลมหายใจของตนเอาไว้
ใครจะไปคาดคิดว่าภายในตาน้ำพุแห่งนี้จะเก็บงำความลับอันใหญ่หลวงเช่นนี้เอาไว้อยู่!
ที่ถวนจื่อกำลังรออยู่…ก็คือสิ่งนี้เองหรือ!?
ฉู่หลิวเยว่หลุบตาลงเล็กน้อย สะกดกลั้นทุกอารมณ์ภายในแววตาให้หมดสิ้น
และเมื่อเบนสายตาขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของนางก็กลับมาราบเรียบแล้ว
ในตอนที่นางกำลังจะพาถวนจื่อออกห่างจากตาน้ำพุนั่นเอง ทัณฑ์สวรรค์ทั้งสองสายที่อยู่กลางอากาศพลันแล่นปราดลงตามกันมาติดๆ!
ป๋อม!
ไม่ต้องหันกลับไปดู ฉู่หลิวเยว่ก็รู้ว่านั่นเป็นเสียงของทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นพากันแล่นลงไปในตาน้ำพุ!
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ทัณฑ์สวรรค์สายที่สามที่ถูกผู้อาวุโสเหวินซีทำให้พลังถดถอยลงก่อนหน้านี้ ก็พุ่งตามลงไปในเวลาไม่นานนัก
ผู้อาวุโสเหวินซีกับผู้อาวุโสฮวาเฟิงสบตากันแวบหนึ่ง
ดูแล้วเด็กคนนี้คงคาดเดาได้ถึงอันใดบางอย่างแล้ว…
“ฉู่เยว่ เรื่องในวันนี้ ถือเสียว่าเจ้าไม่เคยเห็น…”
ผู้อาวุโสเหวินซียังพูดไม่ทันจบ บนผืนฟ้าพลันแว่วเสียงดังกัมปนาทขึ้นมาอีกครั้ง!
“ตูม ตูม ตูม”!
เป็นทัณฑ์สวรรค์มากมายหลากหลายสายทยอยปรากฏขึ้นมาทีละสายอีกครา!
ทว่าในครั้งนี้ สิ่งที่มาพร้อมกันนั้นยังมีเสียงหัวเราะดังก้องกังวานอย่างพออกพอใจขึ้นมาอีกสุ้มเสียงหนึ่ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ในที่สุดข้าก็บุกทะลวงสำเร็จแล้ว!”