ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1158 กักขัง
ตอนที่ 1158 กักขัง
เมื่อพวกของหลัวซือซือและคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้น ก็อดหันไปมองทางต้นเสียงไม่ได้
ผู้พูดคือชายหนุ่มอายุราวยี่สิบหกยี่สอบเจ็ดหนาว รูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีน้ำตาลกร้านแดด ใบหน้าเหลี่ยมคมสัน และมีดวงตาที่เฉียบคม
“ศิษย์พี่โม่หร่าน เจ้าจะบอกว่าฉู่เยว่ผู้นั้นทำผิดกฎ จึงถูกขังไว้บนเขาเฝิงหมินอย่างนั้นหรือ?”
ใครบางคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ยามได้ยินนามปกรนี้ พวกของหลัวซือซือพลันตกใจจนพูดไม่ออก
โม่หร่าน…เจ้าของอันดับที่เก้าบนรายชื่อของจอมยุทธ์!
เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ติดอันดับสูงสุดของสำนักวิชา!
ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่เขาพูดมาจึงค่อนข้างน่าเชื่อถืออย่างมาก
“ถูกต้อง”
ใบหน้าของโม่หร่านมิได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมามากมาย เขามองไปยังร่างสูงเพรียวที่อยู่ไกลออกไป พลันมีคลื่นความผันผวนผุดขึ้นในใจ
“เจ้าเด็กใหม่คนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ…”
แต่เขาเอ่ยประโยคนี้เบาๆ จึงไม่มีใครได้ยิน
ทว่าพอได้ยินคำยืนยันจากเขา ศิษย์ทุกคนก็เริ่มโหมโรงออกความเห็นกันให้ขวัก
“ทำผิดกฎหรือ? ฉู่เยว่นั่นเพิ่งเข้ามา แต่กล้าฝ่าฝืนกฎแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว! ไหนจะถูกผู้อาวุโสโอวหยางพามาที่นี่ด้วยตัวเองอีก…หรือว่าเขาไปก่อเรื่องที่ฝั่งช่างหลอมอาวุธมา?”
“ไม่น่าใช่กระมัง? คนส่วนใหญ่มิอาจเข้าไปที่นั่นตามใจชอบได้มิใช่หรือ? หากเข้ามาในสำนักวิชาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็น่าจะได้ยินคำเตือนจากผู้อาวุโสแล้วหนิ ว่าห้ามเข้าไปในเขตของช่างหลอมอาวุธโดยพลการ? และที่นั่นก็มีค่ายกลคุ้มกันอยู่ แล้วเขาจะเข้าไปได้อย่างใด?”
ทุกคนล้วนสงสัยใคร่รู้ นัยน์ตาของพวกเขาพร่างพราวไปด้วยความตื่นเต้นที่มิอาจเก็บซ่อนไว้ได้
ปกติแล้วชีวิตในสำนักวิชานั้นจัดว่าเป็นชีวิตที่สงบและเรียบง่าย
แต่พอมีเรื่องที่ดูสุดยอดเช่นนี้เกิดขึ้น พวกเขาย่อมตื่นเต้นใคร่รู้ความจริงเสียให้ได้
“ศิษย์พี่โม่หร่าน?”
เสียงของแม่นางที่ฟังดูอ่อนโยนดังขึ้น
โม่หร่านหันไปมอง
ก่อนเห็นชายหนุ่มและแม่นางคู่หนึ่ง ซึ่งดูแล้วน่าจะอายุประมาณยี่สิบหนาว กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา
ดวงตาของพวกเขาแฝงไปด้วยความกังวล
“ศิษย์พี่โม่หร่าน ท่านพูดเช่นนี้…แปลว่าการถูกขังไว้บนเขาเฝิงหมิน ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมากเลยใช่หรือไม่เจ้าคะ? แล้วเขาจะถูกขังนานหรือไม่?”
โม่หร่านมองไปที่คนทั้งสองอย่างใจเย็น
“จะถูกขังนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำผิดเรื่องใด ส่วนจะร้ายแรงหรือไม่…ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เขาเป็นศิษย์คนเดียวในสำนักวิชาที่โดนจับขัง”
พวกของหลัวซือซือมองหน้ากันทันที พร้อมขมวดคิ้วมุ่น
ไฉนถึงเป็นเช่นนี้?
ย้อนกลับไปตอนที่ฉู่หลิวเยว่ติดอยู่บนเขาหมื่นเมรัย พวกเขาได้ขอความช่วยเหลือจากกลุ่มของผู้อาวุโสเหวินซี ซึ่งตามหลักแล้ว หากพาฉู่เยว่กลับมาได้ก็น่าจะจบเรื่อง
แต่แล้วเหตุใดเขาถึงถูกสั่งขังโดยไร้เหตุผล?
หรือเป็นเพราะว่า…เขาอยู่บนเขาหมื่นเมรัยในช่วงเวลาต้องห้าม?
นอกเหนือจากนี้ พวกเขาก็คิดหาเหตุผลอื่นไม่ได้แล้วจริงๆ
แต่พวกเขาไม่สามารถพูดมันออกไปได้
เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสทั้งสองได้เตือนพวกเขาแล้วว่า ห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เด็ดขาด
แต่จู่ๆ จัวเซิงก็นึกอันใดขึ้นมาได้
“ว่าแต่ ผู้อาวุโสวั่นเจิงทราบเรื่องนี้หรือไม่?”
…
ด้านหน้าของภูเขาเฝิงหมิน ร่างของฉู่หลิวเยว่และผู้อาวุโสโอวหยางลอยตัวอยู่บนอากาศ
ทันทีที่พวกเขาหยุดนิ่ง ก็มีแส้เสียงที่ฟังดูโบราณดังมาจากภูเขา
“โอวหยางหรือ? เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”
สุรเสียงอันทุ้มต่ำนี้ดังก้องขึ้นมาในรูหู เขย่าขวัญคนฟังให้สั่นสะท้าน แม้แต่พลังปราณดั้งเดิมในกายก็ยังพุ่งพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน!
ฉู่หลิวเยว่แอบตกใจ
พลังปราณของเจ้าของวาจานั้น ต้องแข็งแกร่งกว่าที่นางจินตนาการไว้แน่ๆ!
“แล้วข้าจะมาทำอันใดที่นี่ได้อีก? แน่นอนว่าต้องมาส่งคนให้เจ้าน่ะสิ!”
ผู้อาวุโสโอวหยางค่อนแคะเบาๆ
“กักบริเวณเจ้าเด็กนี่ไว้บนเขาสิบวัน!”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ว่าในความมืดมิดนั้น มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องมาที่ร่างของนางไม่หยุด!
ราวกับสามารถเปิดเผยตัวตนของนางได้ในพริบตา เสมือนถูกคนอื่นอ่านความคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!
นางเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็สลายไป
“ศิษย์ใหม่หรือ?”
ผู้อาวุโสโอวหยางถึงกับปวดหัวตุบ
“เพิ่งมาเมื่อวาน!”
“โอ้?”
ไม่รู้เพราะอันใด แต่จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจะสนใจในตัวนาง
“แค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว…คนล่าสุดที่มาก็…”
เสียงนั้นพลันหยุดอย่างฉับไว
ราวกับต้องการเอ่ยบางอย่าง แต่เหมือนจะมีข้อห้ามบางอย่าง จนต้องหยุดไว้แค่นั้น
ฉู่หลิวเยว่ชำเลืองมองผู้อาวุโสโอวหยางเล็กน้อย แต่กลับเห็นว่าเขาเองก็ชะงักตัวแข็งทื่อไปเหมือนกัน
แต่มันก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น เพียงพริบตาสีหน้าของเขาก็กลับมาปกติดังเดิม
หากไม่ใช่เพราะฉู่หลิวเยว่มีสายตาที่เฉียบแหลม ก็เกรงว่าคงไม่สังเกตเห็นมัน
ในใจของนางแอบสงสัยบางอย่าง
ถ้าเดาไม่ผิด คนที่อีกฝ่ายต้องการพูดถึงน่าจะเป็น…บุคคลลึกลับที่ถูกลบชื่อออกตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นสินะ?
ทุกคนในสำนักวิชา ตั้งแต่เจ้าสำนักไปจนถึงเหล่าผู้อาวุโส และแม้แต่ลูกศิษย์ด้านล่าง ต่างก็ปกปิดเรื่องของคนผู้นั้นไว้เป็นความลับ
จนถึงตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนผู้นั้นมีนามว่าอันใด
หากอิงตามคำกล่าวของพวกเขา คนผู้นั้นมิได้อยู่ในสำนักวิชาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าในสำนักจะมีร่องรอยของคนคนนั้นอยู่ทุกที่
จะให้หลีกเลี่ยงแล้วทำเฉยก็คงยาก
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจเบาๆ นางไม่รู้จริงๆ ว่าคนผู้นั้นเป็นคนแบบใด
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว อีกสิบวัน ข้าจะปล่อยเขาออกไป”
หลังจากพูดจบ ห้วงมิติตรงหน้าพวกเขาสองคนก็สั่นสะเทือน คลื่นแสงหลากสีพลันสว่างวาบ!
ทันใดนั้น ค่ายกลก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว!
ผู้อาวุโสโอวหยางเชิดคางขึ้น แล้วขยับปลายคางไปทางนั้นสองสามที เป็นสัญญาณให้ฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่รีบคารวะเขา ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ และก้าวเท้าเข้าไป!
…
“ว่าอย่างใดนะ!? พวกเจ้าส่งเขาไปที่เขาเฝิงหมินหรือ!?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงที่เพิ่งตรวจสอบสมุนไพรเสร็จ หันขวับไปมองผู้อาวุโสฮวาเฟิงที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความตกใจ
“พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ!?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเกือบจะขว้างขวดสุราในมือออกไป
“เจ้าสิบ้า! ข้าอุตส่าห์หวังดีรีบมาบอกเรื่องนี้กับเจ้า แล้วเจ้าจะด่าข้าเหตุใด!”
“หากศิษย์ของเจ้าถูกขังไว้ที่นั่น เจ้าจะยังใจเย็นได้หรือ!?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพุ่งใส่เขาด้วยความโกรธ
“พูดมา! มันเกิดอันใดขึ้น! ถ้าไม่พูดความจริงแล้วหาเรื่องรังแกศิษย์ของวั่นเจิงผู้นี้ ข้าจะ…”
“เมื่อวานเด็กนั่นติดอยู่บนเขาหมื่นเมรัย!”
แค่ประโยคเดียวก็ถึงกับทำให้ผู้อาวุโสวั่นเจิงไปต่อไม่ถูกแล้ว
“ความหมายว่าอย่างใด?”
“เหอะ ก็อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจัดคอเสื้อให้ตรงและพูดอย่างเย็นชา
“ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อวานนี้เขายังบังเอิญเห็นตอนที่โอวหยางหลอมอาวุธด้วย! และเกือบจะเห็นทุกอย่างแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้า เด็กคนนั้นได้ถูกขังบนเขาเฝิงหมินหนึ่งเดือนแน่!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงแทบหยุดหายใจ
เขาไม่เคยคิดเลยว่า แค่วันเดียวฉู่เยว่จะก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้เสียแล้ว!
“แต่…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงลังเล
เขาอยากจะแก้ตัวให้ฉู่หลิวเยว่สักนิด แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
เพราะเรื่องนี้มันร้ายแรงมาก!
สำนักหลิงเซียวดำรงอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่มาเป็นเวลานับพันปีแล้ว โดยมิอาจนับได้เลยว่าพวกเขาเปิดรับศิษย์มาแล้วกี่ร้อยกี่พันคน
และจนถึงตอนนี้ ในสำนักวิชาของพวกเขาก็มีลูกศิษย์อยู่ประมาณสามพันคนเห็นจะได้
ทว่าคนมากมายเพียงนี้ ไฉนกลับไม่มีใครทำผิดกฎเลย?
ในสำนักวิชามีวิธีการลงโทษที่หลากหลาย
และการถูกคุมขังในภูเขาเฝิงหมินนั้น เป็นหนึ่งในสามบทลงโทษที่รุนแรงที่สุด
หากไม่จำเป็นจริงๆ เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่อยากจะใช้วิธีนี้
และตอนนี้ กว่าเขาจะได้พบศิษย์ที่ถูกใจสักคนนั้นไม่ง่ายเลย แต่กลับต้องส่งศิษย์เข้าไปในนั้นแล้ว!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยิ้มแหย ก่อนจะเอ่ยปลอบประโลมว่า
“ไอ้หยา คิดดูให้ดีซิ! ตอนนั้นเจ้าเองก็อยากรับไอ้หนู เอ้ย คนผู้นั้นเป็นศิษย์เหมือนกันมิใช่หรือ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ แต่ดูตอนนี้สิ ฉู่เยว่เข้าสำนักมาได้สองวันก็ถูกขังบนเขาเฝิงหมินแล้ว อย่างน้อยเขาก็มีส่วนคล้ายคนผู้นั้นอยู่นะ!”