CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1169 เล่นไม่ซื่อ

  1. Home
  2. ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
  3. ตอนที่ 1169 เล่นไม่ซื่อ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ตอนที่ 1169 เล่นไม่ซื่อ

หลิ่วจื่ออันถึงกับตะลึงงัน

บรรดาฝูงชนที่ยืนมองดูเองก็ทยอยเงียบเสียงลงทีละคน มีบางสายตามองไปทางฉู่หลิวเยว่ด้วยความไม่เข้าใจ

คำพูดที่เอ่ยมาหมายความว่าอย่างใดกัน?

เขายังไม่อยากยุติการประลองอย่างนั้นหรือ?

แต่การประลองครั้งนี้ก็แข่งกันจบไปแล้ว อีกอย่างเขาเองก็เป็นฝ่ายชนะด้วย!

นี่ยังมีความจำเป็นใดที่ต้องประลองกันต่ออีก?

“เจ้ายังอยากประลองต่อหรือ?”

คิ้วของหลิ่วจื่ออันขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเก่า

“ข้าขอยอมแพ้ไปแล้ว เจ้ายังต้องการอันใดอีก?”

ฉู่หลิวเยว่ฉีกยิ้มไร้เดียงสาดูแล้วมิมีซึ่งพิษภัย

“ขึ้นชื่อว่าการท้าประลอง เดิมทีก็ต้องได้รับการยินยอมจากทั้งสองฝ่ายว่าการประลองนี้สมควรจบลง ถึงจะยุติได้มิใช่หรือ?”

ยามมองรอยยิ้มของเด็กหนุ่มผู้นั้น ในใจของหลิ่วจื่ออันพลันหนักอึ้ง!

เขามีความรู้สึกลางๆ ประหนึ่งว่าตนกำลังถูกล้วงความลับอยู่อย่างใดอย่างนั้น

“แล้วเจ้าอยากประลองปรุงยาต่อหรือ?”

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาชนะไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย อย่างใดก็ไม่จำเป็นต้องไปประลองต่อด้วยแล้ว หรือต่อให้พวกเขาสู้กันต่ออีกรอบจริงๆ แต่แท้จริงแล้วคนทั้งสองก็หาได้มีพลังหลงเหลืออันใดมากมายไม่

“ใครบอกว่าจะแข่งปรุงยากันเล่า?”

ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแฝงแววประหลาดใจอยู่บ้าง

“มิใช่ว่าเราสามารถกำหนดรูปแบบของการท้าประลองได้อย่างอิสระหรอกหรือ?”

“หา! หรือว่าเจ้ายังอยากสู้กับข้าอีกสักรอบ?”

หลิ่วจื่ออันทำราวกับว่าตนเพิ่งได้รับฟังคำพูดน่าหัวร่อก็มิปาน เขาแค่นเสียงเย้ยหยันออกมา กวาดตามองฉู่เยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ในนัยน์ตาแฝงด้วยแววตาดูหมิ่นดูแคลนอย่างไม่คิดปิดบัง

“หากข้าจำมิผิด เจ้าในตอนนี้อยู่แค่ระดับเจ็ดขั้นต้นเองนี่? ด้วยพละกำลังที่มีอยู่แค่นี้ เจ้ายังคิดจะสู้กับข้าอีกหรือ?”

การที่เขาหยามเหยียดเรื่องระดับของฉู่หลิวเยว่เช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องปกตินัก

ว่ากันตามจริงแล้ว ระดับมาตรฐานการเข้าเรียนของพวกจอมยุทธ์ในสำนักจะอยู่ที่ระดับเก้า

ต่อให้เป็นปรมาจารย์และเซียนหมอบางส่วนที่ไม่เชี่ยวชาญในทักษะด้านนี้ ส่วนใหญ่เองก็หาได้อ่อนด้อยถึงเพียงนั้นไม่

ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ระดับเจ็ดขั้นต้นจึงกลายเป็นตัวตนที่อยู่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารในสำนักอย่างมิต้องสงสัย

หลิ่วจื่ออันที่ฝึกปรือวิชาจอมยุทธ์แม้จะไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นอันใด แต่กระนั้นก็ยังเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับแปดขั้นต้น

คิดจะจัดการกับฉู่หลิวเยว่ที่มีระดับเจ็ดขั้นต้นน่ะ ง่ายประหนึ่งปอกกล้วยเข้าปาก

อีกอย่าง การประลองของพวกจอมยุทธ์ เวลาลงมือกันล้วนแล้วแต่สู้เอาเป็นเอาตายกันทั้งนั้น

หากว่ามิได้มีฝีมือจริงๆ คิดแต่จะพึ่งพาลูกไม้สกปรก ย่อมไม่เพียงพอให้ได้มาซึ่งชัยชนะอยู่แล้ว

เห็นได้ชัดเลยว่าในสายตาของหลิ่วจื่ออันนั้น มองว่าการที่ฉู่หลิวเยว่ออกตัวเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ ย่อมเป็นเพราะต้องการใช้วิธีการที่ไม่ขาวสะอาดมาฉวยชิงชัย

มิฉะนั้น เขาก็จินตนาการมิออกแล้วจริงๆ ว่าฉู่หลิวเยว่จะก้าวข้ามช่องว่างที่กว้างใหญ่ระหว่างคนทั้งสองถึงเพียงนี้ไปได้อย่างใด!

“ในเมื่อเป็นการท้าประลอง เหตุใดจะสู้กันอีกสักรอบไม่ได้เล่า?”

เมื่อได้ยินคำตอบหนักแน่นจากปากของฉู่หลิวเยว่ หลิ่วจื่ออันก็เกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมา

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะรับอย่างจริงจัง

“ศิษย์พี่หลิ่ว เชิญ…”

หลิ่วจื่ออันส่งเสียง ‘หึ’ ออกมาคราหนึ่ง

“ดี! เช่นนั้นข้าก็จะสู้กับเจ้าสักรอบก็แล้วกัน!”

…

“ฉู่เยว่คิดอันใดอยู่กันแน่? แข่งชนะไปแล้วรอบหนึ่งก็ไม่นับ ยังอยากจะแข่งต่ออีก แล้วคิดจัดการประลองแบบของพวกจอมยุทธ์ด้วยเนี่ยนะ?”

“ระดับเจ็ดขั้นต้นอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกเขานะ แต่พลังระดับนี้น่ะมันต่ำเกินไปจริงๆ!”

“ครั้งนี้หากว่าจบไม่สวยล่ะก็ หลิ่วจื่ออันมีหวังได้อับอายขายขี้หน้าเหมือนเมื่อครู่เป็นแน่…”

หลัวเยี่ยนหลินพลันเอ่ยถามขึ้นมา

“ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเป็นอย่างใดบ้าง?”

หลัวซือซือที่มิคาดคิดว่าพี่สี่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อนส่ายศีรษะ

“พวกข้าเองก็ไม่เคยเห็นเขาลงมือ เพราะแบบนั้น…ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันเจ้าค่ะ”

หลัวเยี่ยนหลินพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง

“แล้วเรื่องที่มาที่ไปของเขา พวกเจ้าพอรู้บ้างหรือไม่?”

พวกหลัวซือซือต่างพร้อมใจกันส่ายศีรษะ

ฉู่เยว่ดูจะไม่ชอบพูดถึงเรื่องพวกนี้นัก แต่ไหนแต่ไรเขาก็เก็บเงียบมาโดยตลอด พวกเขาจึงไม่ได้ไปซักถามอันใดมากมาย

“…แต่ว่าบนตัวเขามีอาวุธโบราณที่ยอดเยี่ยมมากๆ อยู่ชิ้นหนึ่ง หลังจากที่พวกข้าเข้าสำนักมา อาวุธโบราณที่ใช้ปกปิดลมปราณบนตัวก็ดูจะใช้การอันใดไม่ได้แล้ว แต่ของฉู่เยว่นั้นราวกับว่ามิได้รับผลกระทบใดๆ เลย กระทั่งพวกผู้อาวุโสเหวินซีเองก็ยังดูไม่ออก”

หลัวเยี่ยนหมิงที่ยืนอยู่ข้างกันนั้นพลันกล่าวขึ้น

“โอ๋?”

หลัวเยี่ยนหลินแสดงท่าทีตื่นตกใจอย่างหาดูได้ยากออกมา

“คนที่สามารถครอบครองอาวุธโบราณระดับนั้นได้น่ะ มีอยู่ไม่มากหรอกนะ…”

มีคนอยู่สองประเภทที่สามารถทำได้

ประเภทแรกคือตัวฉู่เยว่ต้องโชคดีมากๆ จนเผอิญไปเจออาวุธโบราณชิ้นนั้นด้วยตัวเอง แล้วได้รับมันมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ส่วนประเภทสองคือตัวเขามาจากตระกูลชนชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่สักที่หนึ่ง! อีกทั้งยังต้องมีตำแหน่งในตระกูลที่สูงมากอีกด้วย!

ตระกูลหลัวของพวกเขาเองก็เรียกได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูงโดยแท้ หากถามว่ามีอาวุธโบราณระดับนั้นในครอบครองหรือไม่ นั่นก็แน่นอนว่าย่อมต้องมี

เพียงแต่ว่าของสิ่งนั้นเลอเลิศล้ำค่ายิ่ง พวกเขาจึงมิแน่ใจว่าจะสามารถครอบครองมันได้

ไม่ต้องไปพูดถึงพวกหลัวซือซือเลย กระทั่งตอนที่เขามายังสำนักครั้งแรกก็ไม่ได้มีสมบัติที่มีค่ามากเช่นนี้ติดกายมาด้วย

หลัวเยี่ยนหลินลอบครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองบนลานประลอง

เด็กหนุ่มผู้นั้นรูปร่างสูงโปร่งสง่างาม แม้ว่าใบหน้าจะยังคงแฝงความอ่อนวัยอยู่หลายส่วน ทว่าคลื่นอารมณ์ภายในดวงตากลับเย็นยะเยือกและผ่อนคลายนัก

ท่าทีการวางตัวเช่นนี้ ดูไม่เหมือนคนที่มาจากตระกูลไร้ชื่อเสียงเรียงนามเลยสักนิด…

“…ครั้งนี้เกรงว่าพวกหลิ่วอินถงจะไปเตะเจอตอเข้าเสียแล้วสิ…”

…

“วั่นเจิง วั่นเจิง?”

ด้านบนของหอระฆังบูรพกษัตริย์ บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายเองก็กำลังนั่งรับชมการประลองอยู่เช่นกัน

หนึ่งในนั้นเห็นผู้อาวุโสวั่นเจิงมีสีหน้าเหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอันใดอยู่ จึงตะโกนเรียกเขาถึงสองครั้งสองครา

ผู้อาวุโสวั่นเจิงจึงได้สติกลับคืนมาในที่สุด

“เกิดอันใดขึ้นหรือ?”

“เกิดอันใดขึ้นอันใดของเจ้า? พวกข้าสิต้องเป็นคนถามต่างหากว่าเจ้าเป็นอันใด!”

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยแกมหัวเราะ

“เจ้ามัวคิดอันใดอยู่ถึงได้เหม่ออยู่นานแบบนั้น!”

หว่างคิ้วของผู้อาวุโสวั่นเจิงขยับเล็กน้อย เขาส่ายศีรษะ

“ไม่มีอันใด”

“เลิกคิดได้แล้วน่า มาดูลูกศิษย์เจ้าเสียก่อนเถอะ! รอบนี้ชนะการปรุงยาแล้วก็ไม่นับ ยังอยากจะสู้กับอีกฝ่ายอีกสักยกแน่ะ!”

หลังจากเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เห็นฉู่หลิวเยว่หลอมยาสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี และได้รับมาซึ่งชัยชนะ พวกเขาต่างก็พากันประหลาดใจกันถ้วนทั่ว

หลังจากประหลาดใจแล้ว พวกเขาต่างก็รู้สึกอิจฉาริษยาวั่นเจิงกันอย่างเต็มเปี่ยม

พรสวรรค์ในด้านเซียนหมอของฉู่เยว่ผู้นี้ ยอดเยี่ยมกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้มากโขนัก!

หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้แต่แรก พวกเขาก็คงจะชิงตัวกันมาตั้งแต่วันกราบอาจารย์เข้าสำนักช่วงต้นเดือนแล้ว!

ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองตามครรลองสายตาของพวกเขาที่จับจ้องเขม็งไปย้งข้างล่าง นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นคนทั้งสองกำลังหยิบหม้อยาของตัวเองขึ้นมา ต่างฝ่ายหันมาเผชิญหน้ากันอยู่ไกลๆ เตรียมตัวจะประลองกันเต็มที่!

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ข้างกันนั้นพลันเอ่ยแกมหัวเราะว่า

“วั่นเจิง ลูกศิษย์ผู้นี้ของเจ้าไม่เพียงแต่มีทักษะเซียนหมอที่ดี ความสามารถในการก่อเรื่องนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ เลย! ดูเหมือนว่าหลังจากนี้…เจ้าคงได้ยุ่งหัวฟูแน่เลยละ!”

เดิมทีนี่เป็นวาจาหยอกล้อ ทว่าเมื่อลอยผ่านเข้าหูผู้อาวุโสวั่นเจิง มันกลับกลายเป็นประหนึ่งไอพิษไปในชั่วพริบตา!

ราวกับว่ามีบางอย่างเคลื่อนผ่านความคิดของเขาในชั่วขณะ!

ทว่าไม่รอให้เขาได้ครุ่นคิดชัดเจน ก็พลันแว่วเสียงกราดเกรี้ยวของหลิ่วจื่ออันดังขึ้นมาจากด้านล่าง

“แบบนี้มันไม่ถูกต้องนี่!”

ขบวนความคิดของเขาพลันวุ่นวายสับสน ผู้อาวุโสวั่นเจิงขมวดคิ้วพลางมองไปยังเหตุการณ์ด้านล่าง

…

บนพื้นที่จัตุรัส คนทั้งสองยืนประจันหน้ากันอยู่

สีหน้าของหลิ่วจื่ออันแดงก่ำ อารมณ์รุนแรงพุ่งพล่านยิ่ง เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาชี้ไปยังฉู่เยว่ที่อยู่ตรงกันข้าม

พูดให้ถูกต้องก็คือ เขากำลังชี้มายังเจ้าตัวเล็กที่อยู่บนไหล่ของนางต่างหาก

แม้ว่าทั่วทั้งร่างของมันจะเป็นสีแดงชาด ตั้งแต่หัวจรดเท้าปกคลุมไปด้วยขนฟูฟ่องดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง ทว่ากับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีใครมิรู้บ้างว่านั่นคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของฉู่หลิวเยว่…กษายะหางวายุ!?

อีกอย่าง เจ้าตัวนี้นี่แหละที่เอาชนะอสูรศักดิ์สิทธิ์ในครอบครองของหลิ่วอินถงมาได้อย่างใสสะอาด! ความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของมันชัดเจนเลยว่าอยู่ในอันดับหนึ่งเป็นแน่!

ถ้าหากว่าต้องประมือกับมันเข้าจริงๆ…หลิ่วจื่ออันที่เป็นจอมยุทธ์ระดับแปดมีหวังได้ตายลูกเดียว!

“การประลองครั้งนี้เป็นการตัดสินชี้ชัดของพวกเราสองคน ถ้าเจ้าใช้อสูรศักดิ์สิทธิ์ในครอบครองก็แปลว่าเล่นไม่ซื่อน่ะสิ!”

ด้วยเพราะแรงประหม่าและเคร่งเครียด เสียงของหลิ่วจื่ออันจึงเสียดแหลมเป็นพิเศษ

“ในเมื่ออสูรศักดิ์สิทธิ์ทำพันธะกับผู้ฝึกตนแล้วก็จะถือว่าเป็นสหาย ร่วมเป็นร่วมตาย ผนึกกำลังสู้ศึกปะทะศัตรูเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เหตุใดมาตอนนี้ท่านกลับพูดว่าไม่สามารถทำได้เล่า?”

ฉู่หลิวเยว่เคาะกระหม่อมของถวนจื่อ คลี่ยิ้มบางเบาพลางกล่าวอย่างผ่อนคลาย

“ท่านก็เรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ของท่านออกมาสู้สักรอบก็ได้แล้วมิใช่หรือไร?”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 1169 เล่นไม่ซื่อ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์