ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1175 ตัวตนของพี่เป่า
ตอนที่ 1175 ตัวตนของพี่เป่า
ฉู่หลิวเยว่คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามเรื่องนี้ จึงอดตกใจขึ้นมาไม่ได้
วิถีหมัดหรือ?
ยามที่ปล่อยหมัดออกไปเมื่อครู่ นางมิได้คิดวางแผนใดๆ เพียงแต่ใช้สัญชาตญาณนำไปเท่านั้น
แต่พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว มันน่าจะเป็นเพราะ…ตอนที่นางสู้กับหุ่นเชิดเหล่านั้น และถูกพี่เป่าสอนวิถีหมัดไปในตัว?
ทว่าเนื่องจากครานั้นนางใช้พลังส่วนใหญ่ไปกับการจัดการหุ่นเชิด จึงไม่ได้สนใจเรื่องวิถีหมัดมากนัก
หากแต่ไยจู่ๆ ผู้อาวุโสวั่นเจิงถึงถามเช่นนี้?
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า
“ศิษย์เรียนมาจาก ศิษย์พี่ท่านหนึ่งขอรับ”
“ศิษย์พี่คนใด?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงถามต่อ
หว่างคิ้วของฉู่หลิวเยว่เริ่มย่นเข้าหากัน
การที่ผู้อาวุโสวั่นเจิงถามเช่นนี้ หรือว่าเขาอาจจะรู้จักพี่เป่า?
แต่ก่อนหน้านี้พี่เป่าไม่เคยพูดถึงพื้นภูมิของตัวเองเลย แล้วผู้อาวุโสวั่นเจิงจะรู้จักเขาได้อย่างใด
สำหรับฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้แล้ว มันยากที่จะวิเคราะห์เรื่องตัวตนของเขา แล้วเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเขากับผู้อาวุโสวั่นเจิง
“เป็น…ศิษย์พี่ที่บังเอิญเจอกันขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่เอื้อนเอ่ยอย่างเชื่องช้า
“ศิษย์เคยประลองกับเขา และได้โอกาสเรียนรู้เคล็ดวิชาเหล่านี้มาขอรับ”
“เจ้า? ประลองกับเขา?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงถามย้อน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความฉงนงุนงง
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ และสัมผัสได้ถึงแววตาของผู้อาวุโสวั่นเจิงที่กำลังจ้องมองนาง ราวอ่านใจนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวเบาๆ
“ศิษย์มิทราบขอรับ”
นางไม่รู้จริงๆ นะ
ถึงพี่เป่าจะกล่าวว่าแล้วพบกันในสำนักวิชา แต่ตอนนี้กลับยังไม่เห็นแม้แต่เงา หลังจากที่นางเข้ามาในสำนักแล้ว ก็แทบไม่มีเวลาตามหาเขา และเพราะไม่รู้จักตัวตนของเขา นางจึงมิกล้าทำการใหญ่เกินตัว
“เจ้าไม่รู้หรือ?”
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสวั่นเจิงไม่เชื่อ เขาจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่นาน แต่ก็ไม่มีท่าทีแปลกๆ หลุดออกมาแต่อย่างใด
สิ่งนี้ทำให้ความคิดที่เขามั่นใจนักหนา เริ่มสั่นคลอนด้วยความโลเล
“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ลอบถอนหายใจเบาๆ
“ศิษย์มิทราบจริงๆ ขอรับ”
เกิดความเงียบสงัดขึ้นในห้องโถงพักหนึ่ง
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่
“เขาเต็มใจสอนวิถีหมัดนี้ให้เจ้า แสดงว่าเขาให้ความสำคัญกับเจ้ามาก…”
คำพูดนั้นแฝงไปด้วยความอาลัย
และพอฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูราวมิใช่ศัตรูคู่แค้น…
ฉู่หลิวเยว่แอบพินิจในใจ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ท่านอาจารย์ ท่านรู้จักเขาหรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงชะงัก พลันหัวเราะอย่างขมขื่น
“ประมาณนั้น!”
ฉู่หลิวเยว่งุนงงกว่าเดิม
อันใดคือ…ประมาณนั้น?
“เจ้าหนู…เจ้าโชคดีมากนะ!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองนางด้วยสายตาซับซ้อน เสมือนพยายามเก็บซ่อนคลื่นอารมณ์บางอย่าง ที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในส่วนส่วนลึกของดวงตาคู่นั้น
ฉู่หลิวเยว่คิดทบทวนในใจ ก่อนจะเอ่ยว่า
“ได้รับคำชี้แนะจากศิษย์พี่ผู้นั้น ศิษย์เองก็รู้สึก…เป็นเกียรติมากขอรับ”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพยักหน้ารับ พลันส่ายหัวแล้วระบายยิ้มบางเบา
“ไม่แปลกเลยที่…ระดับเจ็ดขั้นต้นอย่างเจ้า จะเอาชนะหลิ่วจื่ออันได้อย่างง่ายดาย…”
ด้วยคำชี้แนะของคนผู้นั้น แค่หลิ่วจื่ออันคนเดียวจะไปยากอันใด?
ฉู่หลิวเยว่มิได้ตอบกลับ
ผู้อาวุโสวั่นเจิงยิ้มบางราวมิได้ยิ้ม
“หากรู้เช่นนี้แต่แรก ข้าคงไม่รับเจ้าเป็นศิษย์…”
“ท่านอาจารย์หมายความว่าอย่างใดหรือขอรับ?”
ฉู่หลิวเยว่แปลกใจนิดๆ
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองนางด้วยสายตาลึกล้ำราวกับมีนัยบางอย่าง
“เจ้าซ่อนพรสวรรค์ด้านจอมยุทธ์ไว้ ใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่กระตุกยิ้ม
“ท่านอาจารย์ล้อเล่น…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงโบกมือไหวๆ
ฉู่หลิวเยว่นึกถึงวันวานของนางกับพี่เป่า พลันอยากร้องไห้ออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ใช่เลย!
แม้แต่คนอย่างนางยังถูกพี่เป่าก่นด่าได้ทุกวี่ทุกวัน นับประสาอันใดกับคนอื่น?
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าไฉนเจ้าถึงเพิ่งทะลวงผ่านระดับเจ็ดขั้นต้น แต่พลังในการต่อสู้ของเจ้านั้นไม่เลว ในอนาคตเจ้าจักไปได้ไกลกว่านี้ และไร้เทียมทานกว่านี้แน่นอน!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงตบไหล่ฉู่หลิวเยว่ดังปัก
“ตอนนี้เจ้าอย่างเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใคร ทว่าหากเหล่าผู้อาวุโสปั๋วเยี่ยนถามเจ้า เจ้าก็ควรตอบไปตามจริง”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ “ทราบแล้วขอรับ”
“จากนี้ถ้าเจ้ามีเวลาว่าง ก็ควรไปที่ฝั่งจอมยุทธ์บ้าง อย่าได้ละทิ้งมัน”
คำปลุกปั้นของผู้อาวุโสวั่นเจิงทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแปลกใจ
นี่หมายความว่า…
“แค่กๆ หลังจากนี้ถ้าเจ้าได้เจอคนผู้นั้นอีก แล้วโดนด่าว่าไร้ประสิทธิภาพ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่สอนแล้วกัน!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงรีบออกตัวแก้ต่างให้ตัวเองทันควัน
ถ้าเขารู้ว่าคนผู้นั้นถูกใจฉู่เยว่ล่ะก็ อย่างใดเขาก็จะไม่รับอีกฝ่ายเป็นลูกศิษย์เด็ดขาด!
ทว่ายามนี้ ขึ้นหลังเสือแล้วย่อมลงยาก และเด็กคนนี้ก็มีพรสวรรค์ด้านเซียนหมอด้วย จะให้เขายอมแพ้ง่ายๆ ก็คงไม่ได้เหมือนกัน
และทำได้เพียงใช้วีธีเกลี้ยกล่อมเช่นนี้ เพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่าย
ฉู่หลิวเยว่ “…”
นางแอบรู้สึกว่าเหมือนผู้อาวุโสวั่นเจิงจะ…เกรงกลัวพี่เป่า?
น้ำเสียงและท่าทางแบบนี้ ดูไม่ปกติเอาเสียเลย
นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ถามอย่างระวัง
“ท่านอาจารย์ขอรับ คนผู้นั้น…เป็นผู้อาวุโสของสำนักวิชาด้วยหรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
ฉู่หลิวเยว่ “…”
เหมือนนางจะไปล้ำเส้นเรื่องบางอย่างเข้าให้แล้ว…
“เจ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงถอนหายใจ
“ตราหยกดำของเจ้าเล่า?”
ฉู่หลิวเยว่หยิบมันออกมาแล้วยื่นให้เขา
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเองก็หยิบตราหยกสีเขียวของตนออกมา
ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากตราหยกของเขา แล้วทะลุเข้าไปในตราหยกของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองคะแนนบนตราหยก ก่อนจะเห็นว่ามันเพิ่มขึ้นหนึ่งแสนแต้ม
“สิ่งนี้ถือเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจารย์มอบให้ศิษย์ ด้วยแต้มเหล่านี้ ก็มากพอให้เจ้าใช้ได้ถึงสองสามเดือน เมื่อใดที่เจ้าทะลวงขึ้นไปสู่เซียนหมอระดับเก้า ข้าจักมีรางวัลอื่นให้เจ้าอีก แน่นอนว่ายิ่งเจ้าขึ้นสู่อันดับชิงหยุนได้เร็วเท่าไร ก็จะยิ่งได้รางวัลมากขึ้น”
เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสวั่นเจิงพลันมอบตำราโบราณให้นางหนึ่งเล่ม
“ในตำราการแพทย์เล่มนี้ มีเพียงใบสั่งยาสำหรับกลั่นเม็ดยาระดับเก้าเท่านั้น ช่วงนี้เจ้าก็พยายามศึกษามันไปก่อน และพยายามฝึกฝนพลังปราณ จะได้ทะลวงผ่านในเร็ววัน ถ้าเจ้าต้องการสมนุไพรก็ให้ใช้แต้มเหล่านั้นแลกมันกับสมุนไพรในหุบเขาวาโยโอสถ”
ฉู่หลิวเยว่เอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปรับมันไว้
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ขอรับ
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพยักหน้าแล้วถามอีกครั้ง
“จริงสิ เห็นว่าเจ้าติดอยู่บนเขาเฝิงหมินเสียหลายวัน เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”