ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1181 นางยังไม่กลับมา
ตอนที่ 1181 นางยังไม่กลับมา
เกิดความเงียบขึ้นเนิ่นนาน
ภูเขาที่แต่เดิมครื้นเครงไปด้วยแส้เสียงหรรษา กลายเป็นเงียบราวกับป่าช้าในพริบตา เพียงเพราะฉากละครที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้
หลายคนต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง พร้อมสีหน้าที่คละเคล้ากันไป
สิ่งที่เจียงจื่อหยวนโพล่งออกมานั้น แลดูน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง!
สัญญาของผู้ใหญ่ ความรักในวัยเยาว์!?
เช่นนี้ก็หมายความว่า เรื่องระหว่างนางกับหรงซิว เกิดจากการที่พวกผู้ใหญ่ตกลงปลงใจคลุมถุงชนกันเองสินะ?
เพียงแต่พอโตขึ้น ฝ่ายชายกลับถูกแม่นางคนอื่นปล้นใจไปแล้ว แผนการที่ว่านั่นเลยไม่ได้ผล?
และ…พระชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ ก็เป็นคนนอกพรมแดนจริงๆ ใช่หรือไม่?
เกี่ยวกับข่าวคราวในพระราชวังเมฆาสวรรค์นั้น แม้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ จะรับรู้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้แพร่งพรายออกไป ศิษย์หลายคนในสำนักจึงยังไม่รู้เรื่องนี้
พวกเขาถึงตกอกตกใจอย่างมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้น
จากนั้นก็มีสุ้มเสียงมากมายดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน
“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าพระชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์มีภูมิหลังที่ลึกลับ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นคนนอกพรมแดน?”
“คนแบบนี้ อย่าว่าแต่ศิษย์พี่หรงซิวเลย แม้แต่บุตรจากตระกูลชั้นสามในอาณาจักรเสิ่นฉวี่ ก็ไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้เสียหน่อย?”
“ถูกของเจ้า ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าศิษย์พี่หรงซิวกำลังคิดอันใดอยู่…หรือว่าเขาอยากปฏิเสธการหมั้นกับเจียงจื่อหยวน เลยคิดแผนแต่งงานกับแม่นางอื่น?”
“แต่เจียงจื่อหยวนกับศิษย์พี่หรงซิวยังไม่ได้หมั้นกันมิใช่หรือ? ถ้าหมั้นกันแล้วจริงๆ ด้วยนิสัยของนาง นางน่าจะป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ไปนานแล้ว…”
“แต่ไม่หมั้นก็เหมือนหมั้น สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ถูกท่านประมุขกับเหล่าผู้อาวุโสเลี้ยงดูมาด้วยกันในพระราชวังเมฆาสวรรค์ แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่านางถูกเลี้ยงให้เป็นว่าที่ชายาของพระราชวังเมฆาสวรรค์ในอนาคต! ช่างน่าเสียดาย…”
“แต่ข้าสงสัยว่า แม่นางแบบใดกันที่ต้องตาต้องใจศิษย์พี่หรงซิวเช่นนี้?”
…
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ฉู่หลิวเยว่กลับทำหูทวนลมแล้วเดินไปที่ตาน้ำพุแทน
อืม อย่างใดเสียพวกนั้นก็ไปแล้ว แถมยังมีที่เหลือเฟือสำหรับนางด้วย
ถวนจื่อบินโฉบลงไป และทิ้งตัวยืนเกาะอยู่บนก้อนหินข้างตาน้ำพุ พลันก้มลงดื่มมันอย่างไม่หยุดหย่อน
ถ้าไม่เกิดเรื่องชุลมุนเมื่อครู่ มันคงจะพุ่งตัวลงไปนานแล้ว!
พอเห็นมันมีความสุข ฉู่หลิวเยว่พลันแย้มยิ้ม และเงยหน้าขึ้นมองหลิ่วอินถง
“ศิษย์พี่หญิงหลิ่ว ขอบคุณมากขอรับ!”
ถ้าวันนี้ไม่ได้หลิ่วอินถง คงยุ่งวุ่นวายมากกว่านี้เป็นแน่
เสียงของนางดึงสติหลิ่วอินถงกลับมาอีกครั้ง พลันเงยหน้าขึ้นทันควัน
แต่พอเห็นเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ข้างตาน้ำพุ หัวใจของหลิ่วอินถงจมดิ่งลงทันที!
จงใจแน่ๆ!
ฉู่เยว่ผู้นี้…ชัดเจนว่าเขาจงใจ!
เขารู้อยู่แล้วแน่ๆ ว่าจะมีศึกชิงจุดดื่มน้ำจากตาน้ำพุเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงจงใจบีบให้นางมาด้วยกัน
นางกลายเป็นเครื่องมือของเขา! ที่เอาไว้ใช้กับคนเหล่านั้น!
แม้หลังจากนี้เขาจะโดนเขม่น แต่คนเหล่านั้นจะตามรังควาญแค่นางเท่านั้น!
แต่ฉู่เยว่กลับ…ฉวยประโยชน์ทั้งหมดจากโอกาสนี้ แล้วนั่งดื่มด่ำกับน้ำทิพย์อย่างสำราญใจ!
หลิ่วอินถงอยากระเบิดความโกรธออกมาแล้วกรีดร้องให้ลั่น แต่สุดท้ายแล้วกลับทำได้เพียงสิ้นหวังอยู่ในใจ
นางทำแบบนั้นไม่ได้
จะให้นางเอาข้ออ้างใดมาใช้
แต่ไหนแต่ไรหลิ่วอินถงไม่เคยเสียใจกับการกระทำของตนเลยสักครั้ง กระทั่งวันนี้
นางไม่ควรไปท้าประลองเช่นนั้นตั้งแต่แรก และยิ่งไม่ควรยอมรับเงื่อนไขที่ฉู่เยว่ตั้งขึ้น!
แต่มาพูดตอนนี้ก็สายไปแล้ว
เมื่อนึกถึงคำเตือนที่พวกของเหลี่ยงเซียวเซียวให้ไว้ก่อนจะจากไป หลิ่วอินถงก็เริ่มไม่สบายใจขึ้นมาทีละนิด
แค่จัดการเจียงจื่อหยวนคนเดียวไม่ใช่เรื่องยาก แต่พวกนั้นมีกันหลายคน…
และนางยังมีคนคอยหนุนหลังอย่างประมุขแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์อีก…
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เรียวขาพลันสั่นเครือและแทบทรุดลงไปกับพื้น
“อาถง!”
กงเซิ่งรีบเข้ามาพยุงนางไว้ คิ้วกระบี่ขมวดฉับ ดวงตาคู่คมเต็มไปด้วยความกังวล
“อาถง ให้ข้าพาเจ้ากลับเถอะนะ?”
หลิ่วอินถงพยักหน้าอย่างยากเย็น
กงเซิ่งหันขวับไปมองฉู่หลิวเยว่ พร้อมกล่าวเสียงเข้ม
“ศิษย์น้องฉู่เยว่ อย่าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดไปจากเรื่องนี้ได้ ถ้าหลังจากนี้เกิดอันใดขึ้นกับอาถง เจ้าโดนแน่!”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบพาหลิ่วอินถงออกไป
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้ามองถวนจื่อ
“ถวนจื่อ เพื่อเจ้า ข้าเลยทำให้คนที่ไม่ชอบหน้าข้า ขุ่นเคืองข้ากันหมดแล้ว”
ถวนจื่อเงยหน้าขึ้นทันควัน ดวงตาของมันเป็นประกาย ราวกับมีทัณฑ์สวรรค์สีเงินเคลื่อนตัวอยู่ในดวงตาของมัน
จนฉู่หลิวเยว่อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มพอใจ
อิทธิฤทธิ์ของตาน้ำพุเผยออกมาแล้ว…
ยามนี้ถวนจื่อแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าหากพลังแห่งสายเลือดตื่นขึ้นเต็มที่แล้ว มันจะเป็นเช่นไร?
…
ขณะที่ถวนจื่อกำลังกลืนกินพลังจากตาน้ำพุ ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างงาน
ความเข้มข้นของพลังปราณดั้งเดิมบนภูเขาหมื่นเมรัยนั้นสูงมาก บางทีอาจเป็นเพราะทัณฑ์สวรรค์จำนวนมากที่ถูกเก็บไว้ในตาน้ำพุ สัมผัสของมันจึงแตกต่างจากพลังด้านนอกเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่นั่งขัดสมาธิและเริ่มฝึกลมปราณ
เส้นทางในการทะลวงขึ้นสู่ระดับเจ็ดขั้นกลางของนางใกล้เข้ามาแล้ว
แม้นางจะสัมผัสได้ถึงปราการที่มองไม่เห็น
แต่แค่สาดพลังปราณใส่ทีเดียว มันก็พังแล้ว!
และฉู่หลิวเยว่กำลังรอโอกาสนั้นอยู่
…
เมื่อเห็นท่าทีอันสงบนิ่งและผ่อนคลายของฉู่หลิวเยว่ กลุ่มคนบนภูเขาก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม
พูดตามตรง สาเหตุของศึกในครานี้ก็คือฉู่เยว่
หลิ่วอินถงกับเจียงจื่อหยวนแตกหักกันโดยสิ้นเชิง และยังทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจมาก แถมยังปล่อยให้อสูรศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองดื่มน้ำทิพย์ แล้วนั่งฝึกลมปราณอย่างสบายใจเฉิบอีก!
เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้กล้าเฉยเมยต่อทุกสิ่งเช่นนี้?
แต่คงไม่ใช่เพราะมีเบื้องหลังใหญ่โตหรอก เพราะทุกคนที่นี่ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนั้นเลย
คงเป็นเพราะจิตใจอันแข็งแกร่งเสียมากกว่า และเหมือนว่าประเด็นนี้จะได้รับการยืนยันหลายครั้งแล้ว นับตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาในสำนักวิชาและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
เดิมทีมีคนอยากจะออกมาเสวนากับเขา แต่พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ พวกเขาก็ยอมแพ้
เขากวนใจหลิ่วอินถงคนเดียวไม่พอ ตอนนี้ยังมีเจียงจื่อหยวนเพิ่มเข้ามาอีก
แม้จะเป็นศึกของสองคนนั้น แต่ถ้าเจียงจื่อหยวนใจเย็นลงแล้ว นางจะต้องพาดพิงถึงฉู่เยว่ด้วยแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น คนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะออกห่าง
ไม่นานบนภูเขาหมื่นเมรัยก็เงียบเสียงลง
…
บนภูเขาอีกลูกหนึ่ง ผู้อาวุโสเหวินซีอยู่ในห้อง พลางจัดเก็บตำราโบราณที่เขารวบรวมไว้นานหลายปี
บนชั้นหนังสือมีฝุ่นเกาะอยู่บางๆ ราวกับว่าไม่มีใครแตะต้องมันมาพักใหญ่
เพียงผู้อาวุโสเหวินซีสะบัดแขนเสื้อ ฝุ่นที่เกาะอยู่บนนั้นก็กระจายไปรอบๆ
เขาทอดสายตามองดูฝุ่นที่ลอยฟุ้งในอากาศ นัยน์ตาพร่ามัวเล็กน้อย และพึมพำกับตัวเองว่า
“…นานแล้วที่ไม่มีใครมาที่นี่…”
ก๊อก ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผู้อาวุโสเหวินซีตั้งสติแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
ประตูบานใหญ่เปิดออก พร้อมกับร่างอันคุ้นเคยที่กำลังยืนพิงกรอบประตู
“ฮวาเฟิง? ไยเจ้าถึงมาที่นี่อีก?”
ผู้อาวุโสเหวินซีแอบหายใจด้วยความโล่งอก หากแต่ทำหน้าบึ้งตึงขึ้นมาแทน
เขาเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตา ก่อนจะเห็นจอกสุราในมือของผู้อาวุโสฮวาเฟิง
“อยากดื่มก็ไปดื่มในที่ของเจ้าสิ!”
ผู้อาวุโสเหวินซีกล่าว พลางขับไล่อีกคนออกไป
“ดึกดื่นป่านนี้แล้วเจ้ายังมาเดินเตร็ดเตร่อีกหรือ!”
เขาสาวเท้าไปหาอีกคนแล้วทำท่าจะปิดประตู แต่กลับได้กลิ่นสุราลอยหึ่ง
กลิ่นนั้นมาจากผู้อาวุโสฮวาเฟิง
ผู้อาวุโสเหวินซีขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ
“นี่เจ้าดื่มหรืออาบ? ขอบอกก่อนนะว่าข้าไม่ต้อนรับคนเมา…”
“เหวินซี”
แต่แล้วจู่ๆ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็เอ่ยปากขึ้นมา ราวกับไม่ได้เมามายแต่อย่างใด
เขาถอนหายใจออกช้าๆ
“เจ้าบอกข้าทีว่า ไยเจ้าเด็กมหันตภัยนั่น ถึงยังไม่โผล่หัวออกมาอีก?”