ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1186 บุหรงมรกต
ตอนที่ 1186 บุหรงมรกต
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็วางใจได้เต็มร้อย
โอกาสหายากเช่นนี้ แน่นอนว่านางต้องรีบคว้าเอาไว้!
ดังนั้นนางจึงรีบรำลึกถึงสมุนไพรในหุบเขาวาโยโอสถเหล่านั้นที่เห็นผ่านตาวันนี้ พลางคิดคำนวณและหาข้อสรุปออกมาได้ในที่สุด
เข้าทางนางแล้วครานี้!
เพื่อเห็นแก่ผู้อาวุโสวั่นเจิงที่ยอมทุ่มเทเพื่อนางมากมายขนาดนี้ ฉะนั้นคราวนี้ นางจะต้องกลั่นยาเม็ดออกมาให้ดีที่สุด!
…
ไกลออกไปหลายพันลี้ ณ แอ่งบุหรงมรกต
พื้นที่แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขาเขียวขจีและแมกไม้นานาพรรณ
ตรงกลางมีแอ่งน้ำสีฟ้าครามขนาดใหญ่ พร้อมกับต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนที่เติบโตขึ้นกลางแอ่งน้ำ จนเกิดเงาสะท้อนบนผืนน้ำราวผ่านม่านสีเขียวผืนใหญ่
ธารธาราและท้องนภากลมกลืนเป็นสีเดียวกัน กิ่งก้านใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลม สายน้ำไหลเอื่อยไปตามเส้นทางสายหนึ่ง เกิดเป็นน้ำตกสีฟ้าครามที่ทอประกายสีเงินรำไร
เหมือนลำธารขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านป่าไม้อันอุดมสมบูณ์และงดงามต้องตาต้องใจ
ที่นี่ถือเป็นสถานที่พิเศษภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ลือกันว่าเมื่อหลายพันปีก่อนเคยมีราชาแห่งการหลอมอาวุธมาที่นี่และหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาได้สำเร็จ
แต่น่าเสียดายที่เขาได้ใช้พละกำลังและพลังปราณทั้งหมด ไปกับการหลอมอาวุธในครั้งนั้น และหลังจากหลอมอาวุธเสร็จได้ไม่นานเขาก็เสียชีวิต
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาวุธโบราณนั่นก็ถูกทิ้งไว้ในแอ่งบุหรงมรกตแห่งนี้ โดยไม่มีผู้ใดทราบที่อยู่ที่แน่ชัดของมัน
เป็นเวลาหลายพันปีที่ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนจากอาณาจักรเสิ่นซวี่มาที่นี่ และทำการขุดเจาะผ่านหน้าดินลงไปลึกถึงสามฉื่อ[1] เพื่อค้นหาอาวุธของราชา
ทว่าในบุหรงมรกตแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ผู้ฝึกตนที่เข้ามาล้วนจบชีวิตกันอยู่ในนี้คนแล้วคนเล่า และไม่มีใครค้นพบวัตถุดังกล่าวเลย
เวลาผ่านไป ผู้คนที่เข้ามาเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ
ทว่าไม่กี่เดือนมานี้ เกิดห้วงนิมิตในบุหรงมรกตขึ้นบ่อยครั้ง หลายคนจึงคาดเดาว่าในที่สุดอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชา จักปรากฏกายออกมาแล้ว!
ผู้คนมากมายต่างตกตะลึง!
กองทัพจำนวนมากพร้อมเคลื่อนไหวและต้องการใช้โอกาสนี้ชิงมันมาเป็นของตน!
เดิมทีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักหลิงเซียวเลย
แต่คราวนี้มันต่างออกไป
เพราะราชาผู้หลอมอาวุธขึ้นที่นี่และตายจากนั้น เป็นคนของสำนักหลิงเซียว!
ดังนั้นคราวนี้ เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์หลายคนจึงเตรียมความพร้อมกันตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนจะเดินทางมาที่นี่
หรงซิวและพรรคพวกของเขารออยู่ที่นี่มาสิบวันแล้ว
และระหว่างนั้นก็ยังมีผู้คนจากทั่วสารทิศทยอยมาไม่หยุดหย่อน
บางคนเมื่อเห็นว่าสำนักหลิงเซียวเข้าร่วมศึกนี้ด้วย ก็ถึงกับยอมถอนตัวและถอยกลับอย่างชาญฉลาด
แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ยังอยู่ที่นี่
ถึงสำนักหลิงเซียวจะเป็นสำนักวิชาอันดับหนึ่งในอาณาจักรเสิ่นซวี่ และถึงคนที่เข้าร่วมศึกในครานี้อย่างพวกของหรงซิวจะเป็นตัวแทนของตระกูลชั้นหนึ่ง ที่มีความแข็งแกร่งเป็นเลิศเป็นพิเศษก็จริง
แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจขับไล่ได้ทุกคน
เพราะอย่างใดเสีย พระราชวังเมฆาสวรรค์และตระกูลอื่นๆ ที่อยู่ฝั่งเขา ก็ไม่ใช่ตระกูลชั้นหนึ่งเพียงตระกูลเดียวในอาณาจักรเสิ่นซวี่
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก ใครจักสนใจเรื่องต้นตระกูลกัน?
ในยามนี้ ผู้คนจากทุกสารทิศล้วนมารวมตัวกันที่แอ่งบุหรงมรกต และร่วมใจกันรอให้อาวุธของราชาในตำนานปรากฏขึ้นในใต้หล้านี้!
…
“ผ่านมานานมากแล้ว นอกจากห้วงมิติแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในชั้นอากาศ ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นด้านล่างเลย และไม่รู้ว่าเมื่อใดสมบัติล้ำค่านั้นจะเผยตัวออกมา…”
จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำของแม่นางคนหนึ่งดังขึ้น ท่ามกลางฝูงชนจากสำนักหลิงเซียวที่กำลังรอคอยอย่างเหนื่อยหน่าย
“อย่างใดเสียมันก็เป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชา ย่อมใช้ความอดทนเพียรพยายามในการหลอม หากแต่รอมานานหลายพันปีแล้ว ยังต้องรอต่อไปอีกหรือ?”
คนที่อยู่ด้านข้างปลอบใจนาง
“เอาน่า! มันก็นานแล้วที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ไม่มีอาวุธระดับนี้ อีกทั้ง แต่เดิมเจ้าสิ่งนี้ก็เป็นผลงานของผู้อาวุโสสำนักเรา นานแค่ไหนก็ต้องรอ”
“ไม่ใช่แค่รอนะ แต่ต้องนำมันกลับไปได้ด้วย มิเช่นนั้นการเดินทางครานี้ได้สูญเปล่าแน่? ไหนจะภาพลักษณ์ของสำนักวิชาอีก…”
พวกเขาเริ่มซุบซิบพูดคุยกัน
ทว่าตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ หรงซิวมิได้เอ่ยคำใดออกมาเลย เขาทำเพียงยืนรอด้วยความอดทน
เขาสวมชุดคลุมสีขาวราวหิมะ ร่างสูงสง่ายืนนิ่งเสมือนกำลังชื่นชมทิวทัศน์ของบุหรงมรกตเงียบๆ
แต่ถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าพลังปราณของโลกและสวรรค์ที่อยู่รอบๆ กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ!
อันที่จริงมันคือสิ่งที่เพื่อนร่วมทางของเขาจับสังเกตได้นานแล้ว
แต่ทุกครั้งที่เห็น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกขนพอง
เพราะมีเพียงผู้ที่ก้าวเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ที่สามารถทำเช่นนี้ได้!
เขายืนนิ่งและสงบเงียบราวกับปุยเมฆที่กำลังลอยละล่องบนท้องนภา
จนพลอยทำให้คนมองสงบจิตสงบใจไปด้วย
ซึ่งปกติแล้วคนที่โดดเด่นดูเก่งกาจกว่าผู้อื่น มักจะถูกคนเหล่านั้นเกลียดและถึงขั้นกีดกัน
หากแต่ถ้าคนผู้นั้นอยู่ระดับสูงเกินเอื้อม และเกิดช่องว่างขนาดใหญ่จนผู้อื่นทำได้เพียงแหงนตามอง อารมณ์ขุ่นมัวเหล่านั้นก็จะกลายเป็นการชื่นชมแทน
ซึ่งหรงซิวจัดอยู่ในประเภทที่สอง
ไม่ใช่ไม่มีใครอยากโค่นเขา แต่มันยากเกินไปจริงๆ!
“หรงซิวออกจากสำนักไปหลายปีแล้วใช่หรือไม่? ไม่คิดเลยว่าเขาจักแข็งแกร่งขึ้นเพียงนี้…ตอนนี้ข้าว่าแม้แต่ผู้อาวุโสในสำนักบางคน ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา?”
“ไหนว่าช่วงนี้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่พระราชวังเมฆาสวรรค์? ข้านึกว่าเขาจะยุ่งกับการจัดการเรื่องเหล่านั้น จนไม่มีเวลาและพลังปราณฝึกฝนแล้วเสียอีก แต่ใครจะรู้ว่า…ตอนนี้พระราชวังเมฆาสวรรค์ตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาแล้ว อีกทั้งยังแข็งแกร่งเกินใครอีก! นี่เขาทำเช่นนี้ได้อย่างใด?”
“เหอะ ถามข้าหรือ? ถ้าข้ารู้ ตอนนี้อยู่ในสภาพเช่นนี้หรือ?”
คนเหล่านั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พลอยทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
แต่กระนั้น ก็ยังมีบางคนที่ชอบทำลายบรรยายเช่นนี้
“ก็แค่ทะลวงขึ้นสู่ระดับเทพได้เร็วกว่าคนอื่น มีกระไรน่าสงสัยกัน”
เว่ยซีผิงหน้าบึ้งตึง พลางกล่าวอย่างค่อนแคะเชิงประชด
แส้เสียงรอบด้านค่อยๆ เงียบ หลายคนหันมาสบตากันอย่างมีนัย
แม่นางคนหนึ่งหัวเราะเยาะ
“พูดง่ายนะ เว่ยซีผิง เจ้าเองก็เป็นผู้ฝึกตนที่มากด้วยพรสวรรค์และมีชื่อเสียง ย่อมรู้มิใช่หรือว่าการ ‘ทะลวงขึ้นสู่ระดับเทพก่อนคนอื่น’ นั้น หนักหนาสาหัสเพียงใด?”
ความจริงแล้วพวกเขาอายุไม่แตกต่างกันมากนัก และเข้ามาเรียนที่สำนักวิชาในช่วงเดียวกัน
ทว่ายามนี้ หรงซิวได้ทะลวงขึ้นสู่ระดับเทพแล้ว แต่พวกเขากลับทำได้แค่แหงนมอง ช่องว่างที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ จะไม่ทำให้ผู้คนขุ่นเคืองได้อย่างใด?
เว่ยซีผิงกัดฟันแน่น ไม่พูดไม่จา แต่ในใจกลับคิดตลอดว่า หากมีโอกาสเขาจะต้องฆ่าหรงซิวให้ได้!
และเมื่ออาวุธศักดิ์สิทธ์แห่งราชาถือกำเนิดขึ้น เขาจะต้องชิงมันมาก่อนหรงซิว!
…
หรงซิวเมินเฉยต่อสุ้มเสียงเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง
เขากลืนกินพลังปราณดั้งเดิมของสวรรค์และโลกรอบๆ ไม่หยุดหย่อน เพื่อยกระดับการฝึกฝนของตัวเอง พลางมองไปยังทิวทัศน์ด้านล่างและธรรมชาติรอบตัวเขา สีหน้าเคร่งเครียดพลันผ่อนคลายลงในทันตา
ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากฟากฟ้า!
เสียงสนทนาเมื่อครู่พลันหายเงียบไปทันควัน
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง!
ก่อนจะเห็นว่าท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่ง กำลังถูกกลืนกินด้วยคลื่นเมฆาทมิฬอย่างรวดเร็ว!
สายลมกระโชก สันนิบาตร่ำร้อง!
ท้องนภามืดลงอย่างรวดเร็ว
“คราวนี้ของจริงแน่ๆ! เจ้าสิ่งนั้นกำลังจะมาจุติแล้ว!”
บนยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล มีบุรุษรูปร่างสันทัดผิวสีเข้มคนหนึ่ง กำลังยืนหัวเราะชอบใจ
“ทันเวลาพอดี! ไหนข้าขอดูสิ ว่าเจ้าอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชานี่ จักสร้างความเสียหายได้มากเพียงใดเชียว!”
หรงซิวเองก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน
ดวงตาอันล้ำลึกของเขาดูสงบและคาดเดาไม่ได้
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมา!
[1]ฉื่อ หน่วยวัดความยาว ฟุต/ไม้บรรทัด