ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1188 สู้ศึก
ตอนที่ 1188 สู้ศึก
เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างพร้อมใจกันเคลื่อนไหว!
“พรึบ พรึบ”!
ลำแสงอันเจิดจ้าพวยพุ่งออกมา และประสานซ้อนทับกันกลางอากาศ ก่อให้เกิดค่ายกลขนาดมหึมาในพริบตา!
มีแรงกดดันแผ่ซ่านออกมาจากด้านบนเบาๆ!
ห้วงมิติโดยรอบบิดเบี้ยว พลันปรากฏรอยแตกแยกสีดำหลายแห่งบนชั้นอากาศ!
“พวกเขากำลังจะหนี!”
ใครบางคนอุทานขึ้น
ชายจากสำนักปีกสุวรรณจ้องหน้าหรงซิวความโกรธระคนอิจฉา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากลับไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ราวกับเกรงกลัวอันใดบางอย่าง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนนั้น เขาก็เกิดลังเลขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาสั่งการว่า
“ทำลายค่ายกลของพวกเขาซะ!”
ทุกคนรู้ดีว่าหากค่ายกลนั้นเสร็จสมบูรณ์ พวกคนจากหลิงเซียวก็จะหนีออกไปจากที่นี่ได้!
เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้อยากหยุดอีกฝ่ายไว้ มันก็ยากเกินจะหยุดแล้ว!
หลายๆ คนยังคงผสานค่ายกลต่อไปเรื่อยๆ ผู้อาวุโสซูเฟิงและคนอื่นๆ ไม่แม้แต่จะสนใจเรื่องความปลอดของตนเอง และเร่งความเร็วในการสร้างค่ายกลมากขึ้น!
ค่ายกลนั้นซ้อนและงดงาม เมื่อลวดลายด้านบนค่อยๆ ผสานกันจนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ลมปราณของมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน!
“ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าวันนี้พวกเจ้าจะกลับไปได้อย่างใด!”
สิ้นเสียงตะโกน ชายสำนักปีกสุวรรณคนนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนค่ายกล!
เขายกขวานสีดำขนาดใหญ่ในมือขึ้นมา แล้วฟันลงไปอย่างดุเดือด!
แกรก!
เกิดรอยร้าวขึ้นบนค่ายกล!
พลังปราณอันน่ากลัวพุ่งทะลักออกมาจากรอยแตกนั้นอย่างบ้าคลั่ง! และกระจายไปคนละทิศคนละทาง!
ผู้อาวุโสซูเฟิงและคนอื่นๆ หน้าซีดเผือด!
หากค่ายกลนี้ถูกทำลาย พวกเขาจะไม่สามารถกลับยังสำนักได้ทันเวลา!
ถูกคนนับร้อยรุมล้อมไว้เช่นนี้ พวกเขาต้องแพ้แน่ๆ!
ยามนี้เขาโกรธมาก พลันตวัดตามองชายคนนั้นอย่างแค้นเคือง
“จินเหลย! เจ้าอยากเป็นศัตรูกับสำนักหลิงเซียวของข้าจริงๆ ใช่หรือไม่!?”
จินเหลยหัวเราะ
“ผู้อาวุโสซูเฟิง เจ้าอย่าเข้าใจข้าผิด! พูดตามตรง พวกข้าก็แค่อยากได้อาวุธโบราณของราชาชิ้นนั้นเฉยๆ! หากพวกเจ้ามอบมันให้ขา ข้าสัญญาจะปล่อยพวกเจ้าไปทันที! และวันพรุ่งข้าจักไปขอโทษเจ้าเป็นการส่วนตัว!”
ผู้อาวุโสซูเฟิงแค่นหัวเราะ
“เดิมทีเจ้าสิ่งนี้เป็นของสำหรับหลิงเซียว แค่พวกเจ้าคิดชิงมันไปต่อหน้าต่อตาข้าก็ทุเรศเกินพอแล้ว และนี่เจ้ายังคิดบีบให้เรามอบมันให้เจ้าอีกหรือ?!”
“มันผ่านมาพันปีแล้ว!”
จินเหลยขัดจังหวะเขาด้วยสีหน้าถมึงทึง
“เจ้าสิ่งนี้ไม่ถูกหลอมขึ้นในสำนักหลิงเซียวของพวกเจ้า แม้แต่ราชาแห่งการหลอมอาวุธผู้นั้น ก็ยังมาตายอยู่ที่นี่! ไร้ซึ่งเถ้ากระดูกหลงเหลือ แล้วสมบัติชิ้นนี้จะเป็นของสำนักพวกเจ้าได้อย่างใด? ในเมื่อไร้เจ้าของ แล้วการที่ข้าชิงมันมา จักเป็นปัญหาอันใด?”
“เจ้ามันอ้างไปเรื่อย!”
ผู้อาวุโสซูเฟิงตะโกนด้วยความโกรธ
“ปกป้องค่ายกลไว้!”
จินเหลยเองก็ยกขวานขึ้นมาอีกครั้ง
“ทุกคน ช่วยข้าทำลายมันเร็ว!”
รอยแตกด้านบนขยายตัวออกและหยั่งลึกลงไปเรื่อยๆ ถ้ามีรอยแตกเพิ่มอีก มันต้องพังลงมาแน่นอน!
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลายคนก็พลันมีความหวัง พร้อมแสดงความตื่นเต้นดีใจออกมา แล้วอัดพลังปราณดั้งเดิมของพวกเขาเข้าไปในขวาน!
มวลพลังปราณอันน่าสยดสยองพุ่งพล่านออกมา!
จนใต้หล้าสั่นสะเทือนไปทั้งบาง!
ลมปราณอันหอมหวานที่หลั่งไหลออกมาจากช่องปากของผู้อาวุโสซูเฟิง เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ!
รวมทั้งลมปราณของคนอื่นๆ เองก็เช่นกัน
แต่ทันใดนั้น ก็มีแสงสีทองพุ่งขึ้นมา! แล้วปิดทับลงบนรอยแตกร้าวของค่ายกลอย่างแผ่วเบา!
หึ่ง!
เสียงหึ่งดังขึ้น จากนั้นค่ายกลที่ใกล้จะพังทลายก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว!
ลำแสงสีทองนั้นแปรสภาพเป็นเส้นใยเล็กๆ จำนวนมาก และแผ่ขยายไปสู่บริเวณโดยรอบ พลันครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของค่ายกลไว้ทันที!
เมื่อเห็นฉากนี้ แม้แต่คนของสำนักหลิงเซียวเองก็ยังตกตะลึงกันถ้วนหน้า!
ทักษะด้านปรมาจารย์ของหรงซิวนั้นไม่เลวเลย ทว่าแต่ไหนแต่ไร ทักษะที่โด่นเด่นที่สุดของเขา ก็คือจอมยุทธ์และนักหลอมอาวุธ
และนั่นทำให้ทุกคนคิดว่า ถึงเขาจะมีความรู้ความเข้าใจในแขนงปรมาจารย์ที่ดีมาก แต่ก็ยังสู้พรสวรรค์อีกสองแขนงที่เหลือไม่ได้
แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า หรงซิวได้กลายเป็นปรมาจารย์ระดับแนวหน้าไปแล้ว!
กว่าพวกเขาจะสร้างค่ายกลนี้ได้ ต้องใช้กำลังและพลังปราณมากมายจากคนหลายคนถึงจะสำเร็จ
แต่หรงซิวกลับซ่อมแซมค่ายกลที่ใกล้จะพัง และสานต่อให้มันเสร็จสมบูรณ์ได้ด้วยพลังของเขาเอง…
เว่ยซีผิงจ้องมองชายที่ยืนอยู่บนอากาศ พร้อมเสื้อผ้าที่กำลังกระพือตามแรงลม
หรงซิว…
ตอนนี้ช่องว่างระหว่างพวก ห่างไกลกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เขากัดฟันกรอดแล้วหลับตาลง เพื่อเก็บซ่อนความไม่พอใจและความริษยา ที่แวบขึ้นมาในดวงตาของเขาเอาไว้
ครานี้ ในที่สุดค่ายกลก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว!
ผู้อาวุโสซูเฟิงตะเบงเสียงดังลั่น
“จงเปิดออก!”
สิ้นคำสั่งของเขา รอยแยกขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือค่ายกลที่กำลังเปล่งประกายเจิดจรัส!
“หรงซิว! มาเร็ว!”
ผู้อาวุโสซูเฟิงเร่งเขาด้วยความกังวล!
และเพียงหรงซิวก้าวขาออกไป ร่างของเขาก็หายวับเข้าไปอยู่ในรอยแยกแล้ว!
จากนั้นศิษย์จากสำนักหลิงเซียวก็ทยอยตามกันขึ้นไป!
เมื่อเห็นพวกเขาออกไปทีละคน จินเหลยพลันบีบกระชับขวานในมืออย่างเดือดดาล แล้วกำลังจะพุ่งไปข้างหน้า
“ตามไป!”
แต่กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขากลับรีบห้ามปรามเสียก่อน
“ไม่ได้!”
“อีกฝั่งของรอยแยกบนค่ายกล จะต้องเป็นสำนักหลิงเซียวแน่ๆ! พวกเราไปที่นั่นไม่ได้!”
“ถูกต้อง เราสู้กับพวกเขาที่นี่ได้ แต่ถ้าให้สู้ในถิ่นของพวกเขา เกรงว่ามันจะ…”
ทุกคนเริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและต่อต้านความคิดของเขา
สีหน้าของจินเหลยมืดมนลงทันตา
หากยอมให้พวกเขาหนีไปพร้อมอาวุธของราชาเช่นนั้น คงทำให้ใครหลายคนไม่สบอารมณ์เป็นแน่!
“ด้านนอกสำนักหลิงเซียวมีค่ายกลชนิดพิเศษปิดกั้นอยู่ ที่นั่นได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่มีใครสามารถเข้าออกที่นั่นได้ตามอำเภอใจ! ข้าเดาว่าพวกเขาจะกลับไปที่เมืองฝางโจวด้านนอกสำนักก่อน! หากตามพวกนั้นได้ทัน ก็จะสามารถ…”
เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ดวงตาที่เย็นชาและมืดมนจ้องมองทุกคนที่อยู่ตรงหน้า พลันยิ้มเยาะเบาๆ
“ทุกท่านอาจจะลืมไปแล้ว แต่สิ่งนั้น…คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชา! อย่างใดเราก็เปิดศึกกับสำนักหลิงเซียวไปแล้ว เช่นนั้นยังจะลังเลอยู่ไย?”
คำพูดเหล่านี้ทำให้พวกเขาลังเล
และท้ายที่สุด พวกเขาก็ถูกอิทธิพลของอาวุธแห่งราชาครอบงำ!
“ดูสิ! เหมือนค่ายกลนั่นจะยังไม่ปิดเลย!”
จู่ๆ ก็มีใครบางคนตะโกนขึ้นมา
ทุกคนรวมถึงจินเหลยต่างหันไปมองเป็นตาเดียว ก่อนจะเห็นว่ารอยแยกนั่นกำลังจะปิด แต่ทันใดนั้นมันกลับหยุดชะงัก
จินเหลยพุ่งไปข้างหน้าทันที ก่อนจะหายวับเข้าไปในรอยแยกในชั่วพริบตา!
สาวกคนอื่นๆ ของสำนักปีกสุวรรณเองก็ตามเขาเข้าไป
คนที่เหลือมองหน้ากันและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
พลันมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งโพล่งขึ้นว่า
“ไปกันเถอะ! ในเมื่อทำให้ฝั่งนั้นขุ่นเคืองแล้ว หากยอมแพ้ตอนนี้ ก็ไม่ต่างจากการยอมยกสมบัติชิ้นนั้นให้สำนักปีกสุวรรณเลย!”
พูดจบเขาก็เคลื่อนไหวทันที!
เดิมทีคนที่เหลือแอบหวั่นใจ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด พวกเขาก็หยุดลังเลและรุดหน้าออกไปทันที!
…
สำนักหลิงเซียว
ฉู่หลิวเยว่กำลังกลั่นยาอยู่กลางภูเขา
ผู้อาวุโสวั่นเจิงยืนอยู่ด้านข้าง
ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่ลองกลั่นแล้วสองรอบ แต่ก็ล้มเหลว กระทั่งรอบที่สาม
แต่ผู้อาวุโสวั่นเจิงมิได้รู้สึกกังวลใดๆ
การที่เซียนหมอระดับแปดจะกลั่นยาระดับเก้านั้นมิใช่เรื่องง่าย
และถ้านางกลั่นได้ในคราเดียวกันนี้ก็ดูจะแปลกเกินไป
กระบวนการก่อนหน้านี้เป็นไปได้อย่างราบรื่น และเพียงพริบตาก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ พลางควบคุมเปลวไฟในหม้อต้มยา แล้วหลอมรวมสมุนไพรทั้งหมดเข้าด้วยกัน!
ฟู่!
เปลวไฟพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม!
แต่ทันใดนั้น ท่าทีของผู้อาวุโสวั่นเจิงก็เปลี่ยนไปทันควัน แล้วหันไปมองยังทิศประตูทางเข้าสำนักวิชา!