ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1210 เดิมทีก็เป็นของนางอยู่แล้ว
ตอนที่ 1210 เดิมทีก็เป็นของนางอยู่แล้ว
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน ความเงียบเข้าปกคลุม
จากนั้นหรงซิวก็หัวเราะขึ้น พร้อมพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
“ในอาณาจักรเทียนลิ่ง บัวระบำเป็นวัตถุดิบวิเศษที่หายากยิ่ง แต่ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ หากต้องการของสิ่งนี้ กลับเป็นเรื่องง่ายดายมาก ในสำนักส่วนใหญ่ที่มีสืบทอดมาถึงพันปี พวกเขาจะส่งคนมาดูแลมันโดยเฉพาะ และสำนักหลิงเซียวที่มีอายุยาวนานถึงหมื่นปี การที่มีของเช่นนี้ ไม่นับว่าเป็นเรื่องอันใดเลยจริงๆ”
เขาพูดยาวอย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุขุม เยือกเย็น ทำให้ทุกคนเชื่อไปได้อย่างไม่รู้ตัว
“ภายในหุบเขาวาโยโอสถ ระยะห่างของการปลูกสมุนไพรนั้นน้อยมาก นั่นเป็นเพราะว่าหุบเขาวาโยโอสถกินพื้นที่กว้างใหญ่ มีสมุนไพรมากมายนับไม่ถ้วน ผู้อาวุโสที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ต้องดูแลทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจกับสมุนไพรเพียงแค่ชนิดเดียว”
“เพราะท้ายที่สุดแล้ว…ภายในหุบเขาวาโยโอสถ ก็ยังมีสมุนไพรที่ล้ำค่ามากกว่านี้”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น
ถ้าจะพูดเช่นนั้นมันก็สมเหตุสมผลอย่างมาก…
“…แม้ว่าบัวระบำจะดี แต่สภาพแวดล้อมในการปลูกย่อมต้องพิถีพิถัน อีกทั้งยังใช้เวลานานในการดูแล ความจริงแล้วมันจำเป็นจะต้องทุ่มเทแรงกาย และความอดทนเป็นจำนวนมาก”
นางบ่นพึมพำเสียงเบา จากนั้นก็ยักไหล่
“สามารถปลูกบัวระบำได้มากมายขนาดนี้ คนผู้นั้นน่าจะมีความชอบจริงๆ สินะ…”
หรงซิวหยุดชะงักไปชั่วคราว แล้วถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าไม่ชอบหรือ?”
“ชอบสิ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
หากนางไม่ชอบ นางไม่มีทางสนใจเรื่องเหล่านี้ได้มากขนาดนี้
“ถ้ามีโอกาสได้เข้าไปก็คงจะดี แต่ว่า…เหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างเสียดาย
ก่อนอื่น สวนสมุนไพรแห่งนั้นเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของคนอื่น
ประการต่อมา ตอนนี้คนผู้นั้นไม่ได้อยู่ในสำนักแล้ว
และที่สำคัญมากที่สุด เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตรงหน้า เหมือนว่าจะไม่สามารถพูดถึงการมีอยู่ของคนผู้นั้นในสำนักได้อีกแล้ว หากนางอยากจะไปสวนสมุนไพรที่คนผู้นั้นทิ้งเอาไว้ เหมือนจะเป็นเรื่องยากขึ้นมาก
“ช่างเถอะ ข้าเข้าไปข้างในแล้วนะ!”
ฉู่หลิวเยว่หยุดความคิดของตัวเองไว้ พร้อมโบกมือให้กับหรงซิว จากนั้นนางก็หมุนตัวกลับ แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าไปในเขาเฝิงหมิน!
นางหยิบตราหยกดำของตนเองขึ้นมา ก่อนจะโยนมันออกไป
พรึ่บ!
เมื่อตราหยกดำสัมผัสกับค่ายกล ก็ทำให้เกิดระลอกคลื่นขึ้นมาบางๆ
ทางเข้าแห่งหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าก้าวเข้าไป!
รอจนกระทั่งร่างของนางหายกลืนเข้าไปในค่ายกลอย่างสมบูรณ์แล้ว หรงซิวที่ยืนค้างอยู่ตรงนั้นก็พูดกับตัวเองขึ้นมาว่า
“…มันจะต้องมีวันนั้นแน่นอน”
เดิมทีสมุนไพรเหล่านั้นก็ปลูกไว้เพื่อเจ้า
ในที่สุดเขาก็หมุนกายแล้วเดินจากไป
…
“เจ้าอีกแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งมาหยุดยืนที่ด้านหน้าประตูเจดีย์เจ็ดชั้น ก็ได้ยินเสียงแก่ชราที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
นี่เป็นความรู้สึก “กระดากอาย” ที่ฉู่หลิวเยว่ยากจะสัมผัส นางกระแอมไอลดความเก้อเขิน แล้วประสานหมัดทั้งสองข้าง พร้อมทำความเคารพ
“ศิษย์ฉู่เยว่ คารวะผู้อาวุโส ไม่เจอกันนานเลยนะขอรับ ผู้อาวุโสสบายดีหรือไม่?”
“เจ้าเพิ่งจากไปได้สิบวัน นับว่าไม่ได้เจอกันนานแล้วหรือ?”
ฝ่ายตรงข้ามพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ยังแฝงด้วยความเฉยเมย
ฉู่หลิวเยว่ “…ผู้อาวุโสได้โปรดชี้แนะด้วย”
“เข้ามาเถอะ!”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวขอบคุณอีกครั้ง จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้า พร้อมผลักประตูเข้าไป
…
ภายในห้องโถงเหมือนกับตอนที่นางเพิ่งจากไปไม่มีผิด
และแน่นอน นั่นเป็นเพราะว่านางเพิ่งจากไปได้สิบวันเท่านั้น ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องปกติอย่างมาก
ทันทีที่นางเข้าไป ประตูบานใหญ่ก็ปิดลงเอง
บานประตูทั้งเจ็ดบาน ปรากฏอยู่ตรงหน้านางทันที พร้อมส่องสว่างขึ้น
“เรื่องของเจ้า ปั๋วเหยี่ยนเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว เจ้านี่เป็นคนก่อเรื่องเก่งจริงๆ เพิ่งจากไปได้แค่ไม่กี่วัน ก็กลับเข้ามาอีกแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ราวกลับยอมรับความผิดของตนเอง
“ท่านสั่งสอนได้ถูกต้อง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของศิษย์เอง”
อาจจะเป็นเพราะท่าทางยอมรับความผิดของนางนั้นไม่เลวเลย ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่ลากนางไปสอบสวนอันใดอีก
“เอาล่ะ พูดเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ถ้าเจ้ายอมรับความผิดจริง ก็แสดงมันออกมาให้เห็น”
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ”
“ขั้นตอนเหมือนก่อนหน้านี้ เจ้าเลือกเอาเถอะ!”
ฝ่ายตรงข้ามพูดคุยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว
นางกวาดสายตามองบานประตูเหล่านั้น
มองจากภายนอก บานประตูเหล่านี้ล้วนเหมือนกันทั้งหมด แม้แต่ลมปราณ และแรงกดดันก็ไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
แต่ท่ามกลางความมืดมิด เหมือนมีพลังอันใดบางอย่างดึงดูด
นางยกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ประตูบานที่สามจากทางด้านซ้าย
“ศิษย์เลือกบานนั้น”
…
ภายในห้องโถงใหญ่ แต่อากาศเหมือนจะถูกแช่แข็งไปอย่างกะทันหัน!
ความรู้สึกนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาอย่างรวดเร็ว แต่ฉู่หลิวเยว่ยังคงสัมผัสได้ถึงสัมผัสนั้นได้เป็นอย่างดี
ในตอนนี้นางมั่นใจแล้ว…นางยังคงเลือกประตูบานเดิม!
ในตอนนั้นข้างหูของนางก็มีเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัยดังขึ้น
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่สะกดความผันผวนที่อยู่ในใจลง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“แน่ใจ”
…
หลังจากที่หรงซิวส่งฉู่หลิวเยว่ที่เขาเฝิงหมินแล้ว เขาก็กลับมายังที่พักก่อนเอง
เขาอาศัยอยู่บนเขาคนเดียว แตกต่างจากศิษย์ทั่วไป
สวัสดิการนี้เหมือนกับผู้อาวุโสในสำนัก
และแน่นอนว่าไม่มีใครมีปัญหากับเรื่องนี้
หากใครมีพรสวรรค์ และความสามารถเทียบเท่ากับเขา ก็จะมีสวัสดิการนี้เช่นกัน
ยังไม่ทันได้ไปถึงหน้าประตู หรงซิวก็สามารถสัมผัสอันใดได้บางอย่าง จึงชะงักฝีเท้าไป
เขาจ้องมองเรือนของตนเองอยู่ด้านหน้า ก่อนจะสาวเท้าก้าวขึ้นไป
เมื่อกลับเข้าไปด้านใน เขาก็ผลักประตูปิดให้ดี ก่อนจะเดินไปรอบๆ แล้วเข้าไปด้านใน
ตู๋กูโม่เป่ามาปรากฏตัวที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ
“ผู้อาวุโส”
หรงซิวประสานหมัดทำความเคารพ
ตู๋กูโม่เป่ามองเขาด้วยใบหน้าเย็นชา
“นางถูกขังที่เขาเฝิงหมินอีกแล้ว?”
หรงซิวพยักหน้า
“หนึ่งเดือน”
ตู๋กูโม่เป่ามีใบหน้าเย็นชามากขึ้น
“เจ้าใจกว้างมากเลยนะ ถึงปล่อยนางไปเช่นนั้น”
หรงซิวยกเปลือกตาขึ้น ในรูม่านตาเหมือนว่ามีแสงทอประกาย
เขายิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเรียบ
“สถานที่แห่งนั้น…นางต้องอยากไปอยู่แล้ว”