ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1223 คนที่ถูกลบชื่อออกคือข้า
ตอนที่ 1223 คนที่ถูกลบชื่อออกคือข้า
ก่อนหน้านี้หรงซิวยังไม่ได้ให้คำตอบนาง
เรื่องที่เมื่อก่อน…นางเคยไปเยือนสวนสมุนไพรนั่นมาแล้ว
หรงซิวลดสายตาลงเล็กน้อย
เขาคิดไว้แล้วว่าพอฉู่หลิวเยว่ออกมาจากเขาเฝิงหมินครานี้ นางจักต้องนึกอันใดออกแน่ๆ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะนึกออกได้มากมายหลายเรื่องเพียงนี้
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า
“นอกจากเรื่องที่เจ้าเคยไปสวนสมุนไพรแล้ว เจ้าจำเรื่องอื่นๆ ได้อีกหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วนิดๆ
คนฉลาดอย่างนาง ย่อมมองออกว่าหรงซิวกำลังทดสอบนาง
นางจึงตอบไปว่า
“ไม่มี ข้าจำได้แค่ ภาพที่ข้ากำลังเลือกสมุนไพรในสวนสมุนไพรแห่งนั้น”
นางหยุดไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“สวนสมุนไพรนั่น…ว่าตามหลักแล้ว นอกจากผู้เป็นเจ้าของ คนนอกมิอาจเข้าไปได้ ใช่หรือไม่?”
หรงซิวเอนกายลงบนเก้าอี้ แล้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ใช่ โดยพื้นฐานแล้วก็เป็นอย่างที่เจ้าว่า แต่ในสำนักวิชาไม่ได้เคร่งเรื่องกฏห้ามคนเข้าออกเช่นนั้นเสียทุกคราหรอก”
“นั่นเพราะสวนสมุนไพรแปลงนั้นเองก็เป็นที่ดินที่ท่านเจ้าสำนักเป็นคนแบ่งออกมาด้วยตัวเอง ถึงสวนสมุนไพรนั้นจะอายุเพียงไม่กี่ปี แต่ก็มีสมุนไพรล้ำค่าอยู่ทุกชนิดมิเคยขาดแคลน นอกจากนี้ยังมีส่วนหนึ่งที่ท่านเจ้าสำนักช่วยดูแลเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงมีคนในสำนักบางกลุ่มที่สามารถเข้าไปหาสมุนไพรในสวนสมุนไพรนั้นได้”
“แต่แน่นอนว่าต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของสวนก่อน และมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้าไปเก็บสมุนไพรในนั้นได้”
“นอกจากนี้ สวนนั่นยังมีอาณาเขตติดกับหุบเขาโอสถวาโย อาจมีบางคนหลงทางในหุบเขาโอสถวาโย จนบังเอิญลุกล้ำเข้าไปในเขตของสวนสมุนไพรโดยมิได้ตั้งใจ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าแล้วคิดตาม
“เหมือนว่าศิษย์พี่จงซวิ๋นเองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ดูๆ แล้ว คงมีหลายคนที่เคยเขาไปในสวนสมุนไพรนั้นจริงๆ…”
นางจ้องมองหรงซิวตาไม่กะพริบ
“จะว่าอย่างใดดี การที่ข้าเข้าไปที่นั่นได้ อาจเป็นเหตุบังเอิญเหมือนสองสถานการณ์ที่เจ้าว่ามาหรือ?”
หรงซิวชะงัก
“ตอนนั้นเจ้าชอบขึ้นไปเก็บสมุนไพรที่นั่นมาก”
ทันใดนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปหาหรงซิว
นางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหรงซิว แล้วโน้มตัวลงจ้องมองเข้าในดวงตาของเขา
พวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ชนิดที่ว่าเพียงขยับตัวก็สามารถสัมผัสเรือนร่างของกันและกันได้แล้ว
กลิ่นกายหอมหวานอันคุ้นเคยลอยเข้าไปในโพรงจมูก
ดวงตากลมโตที่เคยเป็นประกายวาววับหม่นเสียงลง และเหลือเพียงความมืดมนอันลึกล้ำไร้ขอบเขต
แววตาของหรงซิวเปลี่ยนไปทันที
“เจ้า…”
“ข้าไม่เพียงแต่ชอบไปเก็บสมุนไพรที่นั่น แต่ยังดูเหมือนจะชอบขึ้นไปดูแลสมุนไพรบนนั้นด้วย? ข้าว่าคนธรรมดาไม่น่ามีสิทธิ์ทำเช่นนั้นนะ?”
ฉู่หลิวเยว่เอื้อนเอ่ยอย่างเชื่องช้า
หรงซิวใจเต้นระส่ำ!
…นางจำได้มากกว่าที่เขาคิดเสียอีก!
“หากมองจากศาลาแปดเหลี่ยมบนหน้าผา จะสามารถมองข้ามภูเขาและเห็นทิวทัศน์อันงดงามในสวนสมุนไพรได้ และถ้าเหาะเหินลงมาจากศาลาก็จะยิ่งง่ายและสะดวกต่อการชมสวน”
หรงซิวบีบกระชับฝ่ามือของตนทีละน้อย
“คนที่สามารถทำให้ท่านเจ้าสำนักยอมสร้างสวนสมุนไพรไว้ให้ใช้เป็นกรณีพิเศษเช่นนี้ น่าจะไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยให้คนอื่นเข้าออกพื้นที่ของตนง่ายๆ มิใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดประโยคนั้นช้าๆ ริมฝีปากสีแดงสดยกโค้งขึ้นเล็กน้อยประหนึ่งจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“นอกเสียจาก เดิมทีแล้วนั่นคือที่ของนาง!”
“หรงซิว”
ฉู่หลิวเยว่มองเขา และพูดเน้นเสียงทีละคำ
“คนที่ชื่อถูกลบออกจากตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น…คือข้า ใช่หรือไม่!”
แม้มันจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่เมื่อกำจัดข้อโต้แย้งต่างๆ ออกไป ต่อให้ข้อมูลที่เหลือจะดูเป็นไปไม่ได้แค่ไหน แต่มันก็คือคำตอบที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมด!
ทั่วห้องตกอยู่ในความเงียบ
หรงซิวผ่อนคลายความตึงเครียดบนร่างกาย ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้จนสุด แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างอ่อนแรง
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันสูงส่งและน่าหลงใหลของเขา
ราวกับตกใจ แต่ก็โล่งใจไม่ต่างกัน
“ใช่”
…
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ราวประวิงเวลาไปกับความเจ็บปวดอันเชื่องช้าและยาวนานนี่
พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า แสงอัสดงยามพลบค่ำที่เหลืออยู่สาดส่องเข้ามาภายใน
และในที่สุด ฉู่หลิวเยว่ผู้ซึ่งนั่งตัวแข็งทื่อตลอดบ่ายก็ถอนหายใจออกช้าๆ
หายากนักที่นางจะมีช่วงเวลาที่ “สงบเงียบ” เช่นนี้
ไม่ต้องฝึกฝน ไม่ต้องศึกษาค่ายกล และไม่ต้องตั้งหน้าตั้งตาปรุงยา
แค่นั่งเฉยๆ แล้วปล่อยใจให้ว่าง
ไม่สิ ก็ไม่เชิงว่าจะเงียบสงบเสียทีเดียว
คำพูดเหล่านั้นของหรงซิว และความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ ยังคงเล่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของนาง
กระทั่งตอนนี้ นางก็ยังแอบรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
เสมือนว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงความฝัน
แต่นางก็รู้ว่ามันไม่ใช่
สิ่งเหล่านั้น…ล้วนเป็นเรื่องจริง!
นางคือศิษย์ที่ถูกเลือกโดยเจ้าสำนักของสำนักหลิงเซียว นางเป็นเจ้าของสวนสมุนไพรแห่งนั้น และนางก็เป็นคนที่ถูกลบชื่อออกจากตารางชิงอวิ๋น…
สำหรับนางแล้ว เดิมทีคนผู้นั้นเป็นเพียงคนที่น่าทึ่งในข่าวลือ
แต่หลังจากได้ยินเรื่องของคนผู้นั้นหลายครั้ง ในใจก็เริ่มคิดอยากเห็นคนผู้นั้นกับตาสักครั้ง
แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า คนผู้นั้น…คือนาง!?
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง
จนถึงตอนนี้ นางก็ยังคิดว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนเสียจน แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
แต่หลังจากไขปริศนาครั้งใหญ่นี้ได้แล้ว ก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย
ตัวอย่างเช่น…ชื่อที่อยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น!
นางจำได้แค่ว่า ย้อนกลับไปตอนที่นางถูกซั่งกวนหว่านและคนอื่นๆ ทรยศหักหลัง นางเป็นเพียงเซียนหมอระดับเก้า จอมยุทธ์ระดับเก้า และเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า
แต่ด้วยระดับความแข็งแกร่งเช่นนี้ มากสุดนางน่าจะได้อยู่แค่อันดับล่างๆ ของการจัดอันดับ
เป็นไปไม่ได้ที่นางจะขึ้นไปอยู่อันดับบนๆ เช่นนั้น และยังครองอันดับหนึ่งในบางแขนงด้วย!
หากอิงตามคำบอกเล่าของหรงซิวและความทรงจำของตัวเองแล้ว นางเคยมาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ และใช้เวลาอยู่ที่นี่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับไปยังราชวงศ์เทียนลิ่ง
แต่การกลับไปครานั้น ทำให้นางไม่ได้กลับมาที่นี่อีก
ทว่าหลังจากที่นางกลับไป เหตุใดความแข็งแกร่งของนางในทุกด้านจึงถดถอย?
แถมยังลืมเรื่องทุกอย่างในอาณาจักรเสิ่นซวี่อีก?
ฉู่หลิวเยว่ไม่เข้าใจเลยสักนิด
อย่าว่าแต่เรื่องอื่นเลย แค่เรื่องจอมยุทธ์ก็ดูแปลกแล้ว
หากดูจากลำดับของนางที่เคยอยู่บนตารางชิงอวิ๋น นางก็น่าจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพไปแล้ว
แต่แล้ว…เหตุใดนางถึงถอยกลับไปเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าได้?
มีคำถามมากมายวนเวียนอยู่ในสมอง
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก
และขณะเดียวกัน หรงซิวเองก็เดินออกมาจากห้องข้างๆ
“จะไปไหนหรือ?”
หรงซิวถามสั้นๆ
ฉู่หลิวเยว่เม้มปากอย่างลังเล
“จัตุรัสชิงหมิง”
นางเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอีกครั้ง
“ข้าแค่อยากไปดู”
แม้ว่าสวนสมุนไพรจะเป็นของนาง แต่ถ้าจะให้ตัวนางในปัจจุบันเข้าไปที่นั่นล่ะก็ มันคงไม่สะดวกนัก
และยังมีสถานที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง ที่ตอนนี้นางมิอาจเข้าถึงได้ง่ายๆ
พอคิดไปคิดมาแล้ว จัตุรัสชิงหมิงน่าจะเหมาะที่สุด
แม้ยามปกติศิษย์ธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถเข้าออกที่นั่นได้ตามต้องการ แต่ลองไปดูหน่อยก็ไม่เสียหาย
ราวกับมีบางอย่างในส่วนลึกของจิตใจกำลังกระตุ้นนาง
หรงซิวหัวเราะเบาๆ สายตาคมฉายแววแน่วแน่
“ข้าพาเจ้าไปเอง”
ด้วยสถานะของเขา ทำให้เขาเข้าออกที่นั่นได้ไม่มีปัญหา
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าตกลง
…
ครั้นถึงยามเย็น ท้องนภาเริ่มมืดแสง
รอบๆ จัตุรัสชิงหมิงแทบไม่มีคน
แต่ทุกการกระทำของหรงซิวขณะอยู่ในสำนักวิชานั้นล้วนเป็นจุดสนใจ ดังนั้น หลังจากที่ทั้งสองคนออกมาจากภูเขาจิ่วเหิงแล้ว พวกเขาจึงดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้ไม่น้อย
และมีบางคนแอบตามพวกเขามาที่นี่ด้วย
แต่พวกเขาไม่สนใจอยู่แล้ว
ฉู่หลิวเยว่เดินไปที่ริมขอบของลานกว้าง และหยุดยืนอยู่กับที่
หรงซิวหันไปมองนาง
“อยากลองเข้าไปดูใกล้ๆ หรือไม่?”