ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 139 น่าเกรงขาม
ตอนที่ 139 น่าเกรงขาม
“หาเจอแล้วหรือ!”
เมื่อเห็นทางออกถ้ำอย่างกะทันหันนี้ ทุกคนต่างก็ดีใจระคนประหลาดใจ
ฉู่หลิวเยว่ชะโงกหน้ามองเข้าไปข้างใน
ในโพรงถ้ำมืดสนิทจนมองไม่เห็นสิ่งใด
“ใช้อันนี้ดีกว่า”
ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาจากด้านข้างของนาง ในมือนั้นก็มีไข่มุกราตรีเรืองแสงขนาดเท่าองุ่นเปล่งประกายแสงเจิดจ้า
ฉู่หลิวเยว่รับของและพยักหน้าให้กู้หมิงเฟิง
“ขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไร”
ฉู่หลิวเยว่ใช้แสงจากไข่มุกราตรี ในที่สุดก็เห็นสถานการณ์ภายในถ้ำ
“ถนนทางเข้าถ้ำนี้เป็นทางลงมีบันได ทุกคนระวังด้วย”
เมื่อพูดจบ นางก็เดินลงไปก่อนเป็นคนแรก
มู่หงอวี๋อุ้มลูกหมีเข้ามาในอ้อมกอดก่อนจะรีบเดินตามไป ในขณะที่นางเดินผ่านกู้หมิงเฟิง นางมอบรอยยิ้มให้แก่เขา
“กู้หมิงเฟิง เจ้ามีของซ่อนอยู่ในร่างกายมากมายทีเดียว! ไข่มุกราตรีนี้มีค่ามากเลยนะ!”
ฐานะของกู้หมิงเฟิงในตระกูลกู้ช่างต่ำต้อยยิ่งนัก เขามักจะใช้เงินด้วยความมัธยัสถ์ในการซื้ออาหารและชุดนักเรียนในสำนัก ดังนั้นมู่หงอวี๋และเฉินหู่จึงรู้สึกประหลาดใจเมื่อจู่ๆ เขาก็นำไข่มุกราตรีเม็ดนี้ออกมา
กู้หมิงเฟิงก้มหน้าก้มตาไม่ตอบอะไร จากนั้นก็เดินตามไปติดๆ
มู่หงอวี๋ชะงักครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสบตาเฉินหู่
…เมื่อครู่นี้นางพูดสิ่งใดผิดไปหรือ!
กระนั้น…นางยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะ!
ฉู่หลิวเยว่ฉุกคิด
เห็นได้ชัดว่ากู้หมิงเฟิงไม่อยากเอ่ยถึงประเด็นนี้
นางก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม เพียงแต่เดินต่อไปข้างหน้า
…
ทางลอดถ้ำเป็นทางยาวและแคบมาก
พวกเขาทั้งสี่คนกำลังเดินอยู่ในนั้น แม้จะมองเห็นได้เพียงบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น พวกเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าทางเส้นนี้ดูคดเคี้ยวมาก
ฉู่หลิวเยว่คำนวนในใจเงียบๆ เดาว่าพวกเขาน่าจะเดินลงไปไม่ไกล แต่นางไม่รู้ว่าพวกเขามาถึงตำแหน่งเชิงเขาแล้วหรือยัง
และทิศทาง…ก็ไม่ได้ชัดเจน
เวลานี้ไม่สามารถกะเกณฑ์สิ่งเหล่านี้ได้ หากสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของสัตว์อสูรเหล่านั้นผ่านทางเส้นนี้ได้จะเป็นการดีที่สุด
“สวรรค์ หมีแผงคอทองคำจะเก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง! คงใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างเส้นทางนี้บนภูเขาใช่หรือไม่”
เฉินหู้ยิ่งเดินก็ยิ่งอุทานออกมา
“สำหรับคนทั่วไป นี่ถือเป็นโครงสร้างยิ่งใหญ่ตามธรรมชาติ แต่ถึงกระนั้นพละกำลังร่างกายของหมีแผงคอทองคำนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นสิ่งนี้จึงไม่ยากสำหรับมัน”
เฉินหู่พูดไม่ออก
“หมีแผงคอทองคำแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น แต่ทำไมถึงแพ้เจ้าได้ล่ะ หากให้ข้าพูดนะ หลิวเยว่ เจ้าคือคนที่น่ากลัวที่สุดแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเจื่อนๆ
นางพูดหลายครั้งว่าพวกเขาสามารถเอาชนะหมีแผงคอทองคำได้ด้วยความพยายามร่วมกัน แต่ดูเหมือนเฉินหู่จะเชื่อว่านางซ่อนพลังความสามารถเอาไว้ และเขาก็ชื่นชมและศรัทธาในตัวนางมาก
บุคลิกที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ เมื่อมั่นใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง ด้วยอุปนิสัยฉู่หลิวเยว่ นางจึงไม่อธิบายให้มากความแล้วปล่อยให้เขาพูดไป
พวกเขาไม่รู้ว่าเดินเข้ามานานเท่าไรแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นจุดหมายปลายทางสักที
เฉินหู่ร้อนใจขึ้นมา
“เมื่อไหร่เราจะถึงเสียที…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ลูกหมีในอ้อมแขนของมู่หงอวี๋ก็ดิ้นขลุกขลักทันที
เมื่อเห็นดังนั้น ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ใกล้ถึงแล้ว!”
ทุกคนยังคงเดินต่อไปข้างหน้า และหลังจากนั้นไม่นาน ภาพตรงหน้าก็ปรากฏชัดขึ้นทันใด!
ถ้ำขนาดใหญ่ปรากฏตรงหน้าพวกเขา!
เฉินหู่เร่งฝีเท้าเดินนำไปก่อนและมองสำรวจรอบๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นใบหน้าของเขานิ่งค้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“…ไม่ใช่นี่นา หลิวเยว่ ในนี้ไม่มีทางออกหรือ”
เจียงหลีตบหน้าผากอย่างจนปัญญา
“ที่ตรงนี้มีไว้ให้หมีจำศีล เพื่อป้องกันการถูกรบกวน แล้วจะสร้างทางออกตรงนี้อีกทำไม”
“แล้วพวกเราจะออกไปกันอย่างไร”
ฉู่หลิวเยว่เดินเยื้องกรายไปทีละก้าวแล้วมองไปรอบๆ
“แน่นอนว่า…พวกเราต้องขุดทางออกไปเอง!”
น้ำเสียงของนางสงบและเป็นธรรมชาติ ราวกับว่านางกำลังบอกว่าวันนี้อากาศดี ราวกับว่านางไม่รู้สึกตกใจกับสิ่งที่นางพูด
แม้แต่กู้หมิงเฟิงยังขมวดคิ้วถามอย่างอดมิได้
“ขุดทางออกหรือ จากที่นี่เนี่ยนะ!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“หากเราร่วมแรงร่วมใจ น่าจะใช้เวลาไม่นาน”
“หลิวเยว่ เจ้าจะเอาจริงหรือ”
มู่หงอวี๋มองเหม่อ
“เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ใด! ถ้ามันคือก้นเขาล่ะ เราไม่ต้องขุดนานเป็นเดือนเลยหรือ”
“อีกไม่นานหรอก ข้าเพิ่งเห็นหินของกำแพงที่นี่ก็เหมือนกับหินในถ้ำเมื่อครู่นี้ที่เป็นศูนย์กลางของภูเขาทั้งลูก ดังนั้นตอนนี้เราอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างใกล้ด้านนอก ตราบใดที่สามารถขุดทางออกไปได้ ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา”
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าพวกเขาที่ยังตกตะลึง
“ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้ไหมเล่า”
ทุกคนต่างเงียบกริบ
กู้หมิงเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า
“เจ้าว่ามาสิ เราต้องเริ่มจากที่ใด”
…
ในขณะที่ฉู่หลิวเยว่และพรรคพวกเดินผ่านทางมืดแคบในเขาไปได้ สถานการณ์ภายนอกกลับยิ่งตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่จะทันตั้งตัว ภูเขาทั้งลูกก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยสัตว์อสูรมากมายแล้ว
เจตนาฆ่าอันดุเดือดแพร่กระจายออกไปอย่างน่าหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้ขึ้นไปโจมตีบนภูเขา แต่กลับเข้าแถวอย่างเรียบร้อยและดูเหมือนว่าพวกมันกำลังรอสั่งการอยู่
พวกมันเงยหน้าขึ้นไป ดูเหมือนว่ากำลังรออะไรบางอย่าง
หากใครที่มีสายตาเฉียบแหลมได้เห็นฉากนี้ จะต้องรู้สึกผิดปกติอย่างแน่นอน
ทว่ากู้หมิงจูกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
นางพบมุมหนึ่งซึ่งห่างไกลจากยอดเขาและซ่อนตัวหลังก้อนหินก้อนใหญ่ เมื่อผ่านไปได้สักพัก นางพบว่าสัตว์อสูรไม่ได้จู่โจมทันที นางจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่ยังพอมีทางหนีทีไล่ แม้นางจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ สัตว์พวกนี้ถึงหยุดกะทันหัน แต่นางก็รู้สึกโชคดีมาก
เพราะสิ่งที่นางต้องการมากที่สุดตอนนี้คือเวลา!
นางใช้มือข้างหนึ่งลูบคลำบริเวณเอวของตัวเอง สีหน้าทั้งประหม่าและตื่นเต้น
ตราบใดที่ไม่มีใครรบกวนนาง นางสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย!
ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็หยุดนิ่ง และนางมองผ้าคาดเอวอย่างอยากไม่เชื่อ
ไม่นะ!
นางเอาของสิ่งนั้นไว้ตรงนี้นี่นา ทำไมตอนนี้มันหายไป
…
ณ ที่แห่งหนึ่งในบรรรพตวั่นหลิง
เหวินเยี่ยนที่กำลังรีบร้อน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
หัวใจของเขาหล่นวูบ เมื่อเขาหันไปมองก็เห็นว่าจริงๆ แล้วคือไป๋เชินนั่นเอง
ข้างหลังเขายังมีซือถิงและคนอื่นๆ ตามมาด้วยเช่นกัน
พวกเขารีบร้อนและดูเหมือนกำลังรีบเร่งที่จะทำอะไรบางอย่าง
เหวินเยี่ยนเดินเข้าไปหา
“ไป๋เชิน พวกเจ้ากำลังจะไปไหน พวกซือถิงก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกันหรือ”
เมื่อไป๋เชินเจอเหวินเยี่ยนก็ปรี่เข้าไปถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เหวินเยี่ยน เจ้าคิดว่ามีอะไรผิดปกติเหมือนกันหรือไม่”
เหวินเยี่ยนชะงัก
“เจ้าหมายความว่า…สัตว์อสูรในบรรพตวั่นหลิงดุร้ายกว่าแต่ก่อนใช่หรือไม่”
“ไป๋เชินพยักหน้า แต่ก็ต้องส่ายหน้าอีกครั้ง
“ไม่ใช่ทั้งหมด เรื่องนี้มีลางสังหรณ์ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ผู้อาวุโสและอาจารย์หลายท่านทราบเรื่องนี้แล้ว พวกเขาได้ส่งลูกศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมากออกไป แต่ตอนนี้ มีบางอย่างที่ร้ายแรงกว่านั้น”
“หา เรื่องอันใดหรือ” เหวินเยี่ยนถามอย่างสงสัย
ไป๋เชินสูดหายใจเข้าลึกๆ และบอกเล่าสถานการณ์ที่ซือถิงและคนอื่นๆ เคยเจอมาก่อนพอสังเขป
“ความจริงนั้นไม่ใช่แค่พวกเขา แต่หลายคนก็เคยเจอสถานการณ์เช่นเดียวกัน ถ้าจำไม่ผิด สัตว์อสูรแห่งบรรพตวั่นหลิง ขณะนั้นดูเหมือนพวกมันจะได้รับลายนิ้วมืออะไรสักอย่าง หรือที่เรียกว่า…คำสั่ง พวกมันจึงมาพร้อมเพรียงกันเยี่ยงนี้! สิ่งสำคัญที่สุดคือ ที่ผ่านมาเมื่อสัตว์อสูรออกอาละวาด สัตว์อสูรทั้งหมดจะมุ่งหน้าเข้าไปในบรรพต แต่ทว่าคราวนี้…”
หัวใจของเหวินเยี่ยนเต้นระส่ำ “ผู้ที่สามารถควบคุมสัตว์อสูรเหล่านี้ได้ เกรงว่า…”
ตู้ม
พลันมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น!
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองพร้อมๆ กันก็เห็นว่ายอดเขาที่อยู่ไกลๆ ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สัตว์อสูรขนาดมหึมาสยายปีกและบินทะยานขึ้นสู่ท้องนภา!
พลังอันน่าเกรงขามแผ่ปกคลุมไปทั่วใต้หล้า
“นั่นคือ…สัตว์อสูรระดับสูง”