ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 152 กลับบ้าน
ตอนที่ 152 กลับบ้าน
เมื่อฉู่เยี่ยนได้ยินข่าวก็รีบไปหาฉู่หนิงทันที แล้วเขาก็เห็นว่าเขาเดินสติหลุดลอยจริงดั่งคาด
ในที่สุดความอัดอั้นตันใจของช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ได้ระบายออกมาเสียที
“ถึงแม้ว่าตอนนี้ท่านจะไม่ใช่คนของตระกูลฉู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังคงเป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้า เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับฉู่หลิวเยว่ ข้าในฐานะน้องชายก็รู้สึกเป็นห่วงท่านจริงๆ! พี่ใหญ่ คนตายไปแล้วไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ ท่านก็ต้อง…ตัดอกตัดใจเสียเถิด!”
แม้ว่าฉู่เยี่ยนจะแสดงสีหน้าโศกเศร้า แต่ทว่าดวงตากับฉายแววสะใจจนแทบล้นออกมา
ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาดั่งมีดคมที่แทงหัวใจฉู่หนิงซ้ำๆ ราวกับว่าต้องการให้หัวใจของเขาแหลกสลายไม่มีชิ้นดี!
ฉู่หนิงพยายามฝืนแรงทั้งร่างให้ยืนอย่างมั่นคง ก่อนจะถลึงตาจ้องเขา
“เจ้าพูดจบหรือยัง”
ฉู่เยี่ยนไม่ควรประเมินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าต่ำไป เพราะเพียงแค่ฉู่หนิงปราดตามองมา ฉู่เยี่ยนก็ตัวสั่นเทาตามสัญชาตญาณ และเกิดความหาดกลัวขึ้นในใจ
ทว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดี ดังนั้นจึงทำเป็นมองข้ามเรื่องพวกนี้ไป
“เฮ้อ พี่ใหญ่ ท่านจะโกรธไปทำไม เรื่องนี้จะโทษข้าก็ไม่ได้ ข้าก็แค่กลัวว่าท่านจะเสียใจเกินไป ถึงได้มาปลอบใจท่านอย่างไรเล่า คิดๆ ดู ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่สอบผ่านสามวิชาและสามารถเข้าเรียนที่สำนักเทียนลู่ได้ ทั้งยังเหมาโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงเลี้ยงฉลองอีก คึกคักกันขนาดไหน! ตอนนั้นใครจะไปคิดว่าจะมีวันนี้เล่า ท่านว่าอย่างนั้นไหม”
ฉู่เยี่ยนพูดพลางจงใจถอนหายใจออกมา
“เดิมที ข้ายังคิดว่าฉู่เซียนหมิ่นลูกข้ายังไม่มีพรสวรรค์โดดเด่นพอ เมื่อเทียบกับฉู่หลิวเยว่ยังห่างชั้นกันมากโข กลับคาดไม่ถึง ครั้งนี้เป็นเพราะร่างกายของนางเพิ่งฟื้นตัว ดังนั้นนางจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ นางจึงหลีกเลี่ยงอันตรายที่มากมายขนาดนั้น! พี่ใหญ่ท่านดูสิ เรื่องโชคร้ายกลายเป็นดีหรือโชคดีกลายเป็นร้ายมันช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ! บางครั้ง บางคนกำลังรุ่งโรจน์ แต่ก็ไม่แน่บางครั้งอาจจะ…”
“ไสหัวไป!”
ฉู่หนิงตวาดลั่น ในขณะเดียวกันเขาเตะฉู่เยี่ยนจนกระเด็นออกไป
ฉู่เยี่ยนไม่ทันระวังตั้งตัวจึงถูกเตะเข้าอย่างจัง ประกอบกับพลังของเขาที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกับฉู่หนิงในตอนนี้ได้เลย ลูกเตะครั้งนี้ของฉู่หนิงได้รวมความโกรธเอาไว้ด้วย ฉะนั้นจึงทำให้กระดูกของเขาหักท่อน!
ฉู่เยี่ยนล้มลงกับพื้น และสีหน้าก็พลันขาวซีด
ฉู่หนิงมีสีหน้าที่ดูมืดมนน่าหวาดกลัว และเขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ฉู่เยี่ยนพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น ทว่ายังไม่ทันได้ลุกขึ้น เท้าของฉู่หนิงก็เหยียบลงมาที่ข้อมือของเขาอย่างไร้ความปรานี!
กรอบแกรบ!
เสียงกระดูกข้อมือหักนั้นดังชัดมาก!
“อ๊ากกก!”
ฉู่เยี่ยนตะโกนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและแทบจะหมดสติในทันที
ฉู่หนิงเกิดความโหดเหี้ยมคับแค้น เขาดึงคอเสื้อของฉู่เยี่ยนขึ้นมาพร้อมกับปล่อยหมัดชกหน้าเขาอย่างแรง
เขาทนไม่ไหวกับปากของคนผู้นี้อีกต่อไป!
คนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาพอจะจำสองคนนี้ได้แล้วว่าเป็นผู้ใด ตอนแรกพวกเขาไม่กล้าเข้ามาห้ามปราม แต่สุดท้ายเมื่อเห็นความแดงฉานและบ้าคลั่งในแววตาของฉู่หนิง เขาจับฉู่เยี่ยนที่สลบไปแล้วขึ้นมาต่อยอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าตั้งใจจะต่อยเขาให้ตายคามือ คราวนี้จึงมีคนเข้ามาห้ามอย่างระมัดระวัง
“ใต้เท้าฉู่หนิง…ใต้เท้าฉู่หนิงโปรดหยุดต่อยเถิด หากท่านยังต่อยต่อไป ประเดี๋ยวเขาก็ตายหรอก…”
ฉู่หนิงกลับไม่แยแสสักนิด เขาก็จับศีรษะของฉู่เยี่ยนโขกพื้นอย่างรุนแรง!
ตายไปเสียยิ่งดี!
ตายไปแล้วจะได้ให้คนของตระกูลฉู่พวกนั้นมาเก็บซากศพของเขา!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉู่หนิงก็ขยับตัว และทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เยว่เอ๋อร์…
ขันทีหมิ่นมารายงานว่าไม่พบศพของเยว่เอ๋อร์ตอนที่ภูเขาในเขตบรรพตวั่นหลิงถล่ม
แต่ไม่ว่าจะเช่นไร หากมีชีวิตรอดก็ต้องเห็นคน หากตายแล้วก็ต้องเห็นศพสิ!
หรือต่อให้ต้องขุดบรรพตวั่นหลิงลึกลงไปสามจั้ง เขาก็ต้องไปตามหาเยว่เอ๋อร์ให้ได้
ฉู่หนิงโยนร่างของฉู่เยี่ยนลงพื้น ก่อนจะหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว!
…
เมื่อได้ยินข่าวว่าฉู่หนิงมาที่นี่ ผู้อาวุโสซุนจึงออกไปต้อนรับด้วยตนเอง
แต่ทว่าเมื่อเห็นร่างของฉู่หนิงที่เต็มไปด้วยโลหิต เขาจึงตกใจ
“ใต้เท้าฉู่หนิง นี่ท่านไปทำอะไรมาหรือ”
ฉู่หนิงจ้องหน้าเขา
“ผู้อาวุโสซุน ข้ามีเรื่องมาขอร้องท่าน ข้าต้องการไปตามหาเยว่เอ๋อร์ที่บรรพตวั่นหลิง ได้ยินมาว่าท่านเป็นผู้เจอนางคนสุดท้าย ฉะนั้น ข้าอยากขอร้องให้ท่านช่วยบอกตำแหน่งอย่างละเอียด ข้าจะได้เริ่มตามหาจากตรงนั้น”
ผู้อาวุโสซุนไม่รู้ว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
ทว่า…
“ใต้เท้าฉู่หนิง มีเรื่องเกิดขึ้นกับหลิวเยว่ พวกเราต่างก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง หากท่านต้องการไปตามหานาง ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่ว่า…ตอนนั้น นางถูกกลืนเข้าไปในกระแสน้ำวนสีดำของงูกลืนเวหาปีกดำ…”
สีหน้าของฉู่หนิงยิงซีดเผือด ร่างกายสั่นเทิ้มจนแทบทรุดลงไปกับพื้น
เขารู้จักงกลืนเวหาปีกดำเป็นอย่างดี
เมื่อถูกม้วนตัวเข้าไปในนั้นแล้วก็ยากที่จะหาศพพบ!
ผู้อาวุโสซุนปรี่เข้าไปช่วยประคองร่างเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะปิดเปลือกตาลงแนบสนิท
“…เพราะฉะนั้น ต่อให้ท่านไปแล้วก็เกรงว่าจะไร้ประโยชน์…เรื่องนี้ ทางสำนักของเราไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้…”
“ได้โปรด ท่านแค่บอกตำแหน่งมา ข้าจะไปตามหาลูกเอง”
ฉู่หนิงผลักมือเขาออกเบาๆ แล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า
“ฉู่…”
ผู้อาวุโสซุนพยายามจะเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเขาแล้ว เขาก็ทนไม่ไว้ จากนั้นเขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และในที่สุดก็เอ่ยว่า
“ใต้เท้าฉู่หนิง ข้าจะพูดอย่างไม่ปิดบังท่าน ระหว่างทางที่พาลูกศิษย์กลับสำนัก ข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ดังนั้นระหว่างทางข้าจึงกลับไปที่บรรพตวั่นหลิงอีกครั้ง”
ฉู่หนิงตกตะลึง
ผู้อาวุโสซุนหยุดพูดครู่หนึ่ง เขานึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่เห็นในตอนนั้น และยังคงรู้สึกตกตะลึงไม่หาย
“…บรรพตวั่นหลิงถูกล้างด้วยโลหิตจนว่างเปล่า สัตว์อสูรทุกตัวล้วนถูกสังหารจนสิ้นเผ่าพันธุ์ แม่น้ำลำธารที่ไหลลงมาจากเทือกเขาล้วนกลายเป็นสีโลหิตแดงฉาน ศพของสัตว์อสูรจำนวนไม่ถ้วนลอยอืดไปตามสายน้ำ ภาพฉากนั้นราวกับนรกบนดิน…ไม่มีผิดเพี้ยน!”
บรรพตวั่นหลิงซึ่งเดิมมีชีวิตชีวา แต่ทว่ากลับกลายเป็นเงียบสงบราวกับป่าช้า
มีเพียงกลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งขึ้นไปบนท้องฟ้าเท่านั้นที่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน!
นี่อาจเป็นผลมาจากสัตว์อสูรระดับสูงที่ปรากฏตัวในวันนั้น ผู้อาวุโสซุนลองสำรวจไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของอีกฝ่าย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่ตามหาฉู่หลิวเยว่เลย แม้กระทั่งอยากค้นหาร่องรอยก่อนหน้าที่นางยังมีชีวิตอยู่เพียงเล็กน้อยก็เกรงว่าจะเป็นการยาก!
ฉู่หนิงมีสีหน้าซีดเซียวและนิ่งเงียบไปสักพัก
สุดท้ายเขาก็ยังยืนกรานแล้วเอ่ยปากว่า
“ครั้งนี้ ข้าจะต้องไปให้จงได้”
ไม่ว่าจะตามหาบุตรสาวเจอหรือไม่ เขาก็ต้องไปให้ได้!
“เยว่เอ๋อร์ของข้ากลัวการอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่สุด…ข้าจะไปพานาง…”
เขาหันกลับมาทั้งๆ ที่ร่างแข็งทื่อ เมื่อครู่เขากำลังเดินได้เพียงหนึ่งก้าว ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากหลังจากนั้นล้มลงกับพื้น ก่อนที่สติจะดับวูบไปนั้น เขาพูดว่า
“…กลับบ้าน…”