ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 259 วันสุดท้าย
ตอนที่ 259 วันสุดท้าย [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่เดินตามฉู่หนิงกลับไปที่จวน
การเข้าร่วมการแข่งขันการต่อสู้ และปรมาจารย์ค่ายกลสองวันติดต่อกันแม้ว่าฉู่หนิงจะดีใจมาก แต่ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขามองรอยสีคล้ำๆ ใต้ตาของฉู่หลิวเยว่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามอันใดออกมา
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว วันนี้เจ้ากลับมาพักผ่อนเยอะๆ เถอะ”
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่าฉู่หนิงมีปัญหามากมายในใจ แต่เขากลับอดทนเอาไว้ จึงอดที่จะรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาไม่ได้
“ท่านพ่อ หลายวันมานี้เกิดเรื่องมากมาย รอให้งานสมาคมเยาวชนนี้จบลง ข้าค่อยเล่าต้นสายปลายเหตุให้ท่านฟังอย่างละเอียด แต่ท่านไม่ต้องกังวลใจไปเรื่องดั่งเช่นเมื่อวานจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
เมื่อพูดจบนางก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงเฉียนคุนแล้วยื่นให้ฉู่หนิง
ฉู่หนิงรับมาแล้วมองมันอย่างละเอียดจากนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
“นี่คือ…เข็มทิศเทียนฟัง?”
ของสิ่งนั้นคือเข็มทิศสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ ดูเหมือนทำจากไม้ก็ไม่ใช่ ทำจากหินก็ไม่เชิง เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกอุ่นๆ ด้านบนมีเข็มสีเงินอยู่หนึ่งอันเพื่อบอกทิศทาง โดยที่มันมีแสงระยิบระยับออกมา
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
“ก่อนหน้านี้คุณชายรองเหยียนส่งของขวัญมาให้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็มีเข็มทิศเทียนฟังหนึ่งคู่ ข้าเก็บไว้ที่ตัวเองหนึ่งอัน แล้วอีกอันก็มอบให้ท่าน แต่ว่าไม่เคยได้ให้เลย ตอนนี้สบโอกาสได้ให้ท่านพอดี”
ฉู่หนิงถามอย่างลังเล
“ของสิ่งนี้…เหมือนว่าจะมีราคาแพงมากเลยไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะอย่างจนใจ
นางจะบอกฉู่หนิงได้อย่างใด ว่าของขวัญที่คุณชายรองเหยียนมอบให้มานี่เป็นของที่ธรรมดาที่สุดแล้ว?
ยังมีของที่แพงกว่านี้อีก แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่กล้าพูดออกไป
ไม่อย่างนั้นละก็ด้วยนิสัยของฉู่หนิงจะต้องหาวิธีคืนเงินให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน
“ท่านวางใจเถอะ ข้ากับคุณชายรองเหยียนถือว่าได้คบค้าสมาคมกันเป็นการส่วนตัวแล้ว รับเข็มทิศเทียนฟังมาก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดไปนัก หลังจากนี้ท่านก็พบของชิ้นนี้ติดตัวเอาไว้ตลอด หากอยู่ภายในขอบเขตที่กำหนด ท่านจะต้องตามหาข้าเจออย่างแน่นอน แบบนี้ท่านจะได้วางใจขึ้นแล้ว ไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หนิงพยักหน้ารัวๆ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเยว่เอ๋อร์เป็นเป็นเพื่อนกับคุณชายรองเหยียนได้อย่างใด แต่ไม่ว่าอย่างใดก็นับเป็นเรื่องที่ดี
ก่อนหน้านี้เขาเคยติดต่อกับเหยียนเก๋อมาหลายครั้ง จึงดูออกว่าอีกฝ่ายนั้นปฏิบัติตัวต่อเยว่เอ๋อร์ด้วยความจริงใจ
แต่เรื่องสำคัญก็คือ นี่เป็นของที่เขาอยากได้มากจริงๆ
“ก็ได้”
ฉู่หนิงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆ เก็บเข็มทิศเทียนฟังอย่างระมัดระวัง
“หากมีโอกาส พวกเราค่อยไปขอบคุณคุณชายรองเหยียนอีกรอบ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าตกลง จากนั้นก็พูดคุยกับฉู่หนิงไม่กี่ประโยคและขอตัวกลับไปพักผ่อน
ช่วงหลายวันนี้นางรู้สึกตึงเครียดอย่างมาก เมื่อได้เอนตัวลงนอนปล่อยวางจิตใจด้วยความเหนื่อยล้าที่ไม่สามารถควบคุมได้ นางจึงผล็อยหลับไปด้วยความรวดเร็ว
แต่อีกด้านหนึ่งฉู่หนิงกลับนอนพลิกไปพลิกมา ในใจมีความคิดแทรกเข้ามาเต็มไปหมด จนยากจะหลับลง
…
ในคืนนั้นเองศิษย์สำนักเทียนลู่ต่างอารมณ์ดีกันอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่สามารถคว้าที่หนึ่งในการแข่งขันสองวันติด ก็ถือว่าให้หน้ากับพวกเขาแล้ว
สำนักเทียนลู่ไม่ได้มีผลการแข่งขันเช่นนี้มาหลายปีแล้วจึงต้องดีใจเป็นธรรมดา
ส่วนสำนักเรียนอีกสองสำนักนั้นกำลังใจตอนนี้ต่ำเตี้ยอย่างมาก
แพ้หนึ่งรอบไม่เป็นไร แต่นี่แพ้ตั้งสองรอบติด
แต่อย่างไรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
สำหรับคนจากสำนักหนานเฟิงแล้ว สิ่งที่ซีหว่านหว่านได้ทำลงไปในวันนี้ ทำให้พวกเขาเสียหน้าอย่างมาก
ส่วนสำนักไท่เหยี่ยน…ในการแข่งขันหลายปีมานี้ เขาได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับโดนคนแย่งที่หนึ่งไปแล้ว ในใจจึงรู้สึกย่ำแย่อย่างมาก
แล้วฉู่หลิวเยว่คนเดียวก็ชนะอย่างสายตาเป็นประจักษ์! ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกสงสัยในชัยชนะของนางเลยแม้แต่น้อย!
หลังจากที่เฉิงหันกลับไปถึงที่โรงเตี๊ยมแล้ว เดิมทีเขาตั้งใจจะมาหาซือถูซิงเฉินเพื่อคุยเรื่องการแข่งขันในวันสุดท้าย แต่ก็ต้องตกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่านางยังไม่กลับมา
เมื่อส่งคนไปสืบถึงได้รู้ว่าหลังจากที่นางออกมาจากสนามจยาหนาน นางก็ยังไม่ได้กลับมาที่นี่เลย!
นางเป็นคนออกไปก่อนแท้ๆ!
เฉิงหันไม่เห้นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย ก็รู้สึกร้อนใจอย่างมาก
ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาของงานสมาคมเยาวชน ในเมืองหลวงแห่งนี้จึงมีคนดี และเลวปะปนกันไป ซือถูซิงเฉินอยู่ด้านนอกคนเดียว ใครจะไปรู้บ้างว่านางจะเจอเรื่องยุ่งยากอันใดหรือไม่?
ตอนที่เขากำลังจะส่งคนออกไปตามหา ในที่สุดเขาก็เห็นว่าซือถูซิงเฉินกลับมาพอดี
เฉิงหันถอนหายใจ จากนั้นก็สาวเท้าเข้าไปด้านหน้า
“ซิงเฉิน เจ้าไปไหนมาคนเดียวน่ะ?”
น้ำตาบนใบหน้าของซือถูซิงเฉินแห้งไปตั้งนานแล้ว จึงมองไม่เห็นความแตกต่างจากก่อนหน้านี้เลยสักนิดเดียว
นางยิ้มเบาๆ แล้วกล่าวคำว่าขอโทษ ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยนเช่นเคย
“อาจารย์ ข้าเพียงแค่ไปเดินเล่นในเมืองหลวงเพื่อเป็นการพักผ่อนจิตใจ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ”
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของนางปกติดี เฉิงหันจึงคิดว่านางออกไปสงบจิตใจมาจริงๆ จึงได้วางใจลง
“งั้นก็ดีแล้ว งั้นก็ดีแล้ว! พรุ่งนี้เป็นการแข่งขันวันสุดท้าย และเป็นวันที่คึกคักมากที่สุด ไม่ว่าคนแบบนี้ก็สามารถปรากฏตัวออกมาได้ เพราะเช่นนั้นเจ้าต้องระวังให้มาก”
ซือถูซิงเฉินนึกไปถึงผู้ชายสามคนนั้น แววตาจึงมีความรังเกียจฉายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทำให้เฉิงหันสัมผัสได้ นางจึงพยักหน้าออกมาเบาๆ
“อาจารย์พูดถูกเจ้าค่ะ”
เฉิงหันกล่าวเตือนอีกยืดยาว
“พรุ่งนี้เป็นการแข่งขันหมอเทวดา และเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของงานสมาคมเยาวชน ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่เจ้าจะต้องคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ เรามาที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้”
“แน่นอนว่าเจ้าอย่ากดดันมากเกินไป อาจารย์สืบมาให้แล้ว ศิษย์ที่เข้าแข่งขันหมอเทวดามีไม่ถึงหนึ่งร้อยคนอีกทั้งในจำนวนนั้น คนที่มีคะแนนสามารถเทียบกับเจ้าได้ก็มีไม่ถึงสามคน ขอเพียงแค่เจ้าสามารถศักยภาพในระดับปกติทั้งหมดก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว”
คำพูดเช่นนี้ซือถูซิงเฉินฟังมาหลายรอบแล้ว
ก่อนหน้านี้นางไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้ แต่ว่าวันนี้หลังจากที่โดนโจมตีมาหลายครั้ง ความคิดของนางก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนไม่น้อยเลย
เหมือนว่าระหว่างปอดของนางมีสิ่งใดปิดกั้นอยู่ ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก และเจ็บปวดอย่างมาก
ขอเพียงแค่สามารถคว้าที่หนึ่งของการแข่งขันหมอเทวดาได้ ถึงจะสามารถพิสูจน์ให้หรงซิวได้เห็นได้ว่า นางโดดเด่นกว่าฉู่หลิวเยว่ร้อยเท่าพันเท่า
“ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ที่หนึ่งของวันพรุ่งนี้ข้าจะคว้ามาให้ได้”
เมื่อเฉิงหันได้ยินคำพูดนี้ก็ชะงักไป
เขาที่เป็นอาจารย์ต้องรู้จักนิสัยของลูกศิษย์ตนเองดีที่สุดอยู่แล้ว
แม้ว่าก่อนหน้านี้ซือถูซิงเฉินจะมีความตั้งใจอยากคว้าที่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มุ่งมั่นเท่านี้…
หรือจะกล่าวได้ว่า ตอนนี้นางมีความกระหายอยากต้องการคว้าชัยชนะอย่างมาก!
หลังจากเฉิงหันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกได้ว่าบางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ด้วยก็ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอย่างละเอียด
ซือถูซิงเฉินต้องการคว้าที่หนึ่งขนาดนี้ นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
“ดี! ตามที่อาจารย์เคยสอนไป เจ้าครุ่นคิดให้ดีๆ แล้วรอวันพรุ่งนี้”
…
งานสมาคมเยาวชนวันสุดท้าย
ยังไม่ถึงเวลาแข่งขัน แต่ที่นั่งในสนามจยาหนานก็เต็มเอียดแล้ว
หลายวันก่อนถือว่าคึกคักแล้ว แต่เมื่อมาเทียบกับวันนี้ถือว่ายังต่างกันอยู่นิดหน่อย
แต่เทียบกับการต่อสู้และปรมาจารย์ค่ายกล ฐานะของหมอเทวดานั้นจะสูงที่สุด
ในสายตาของคนธรรมดาจำนวนมาก หมอเทวดาจะมีความสูงส่ง ปกติก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นได้ง่ายๆ
ในงานสมาคมเยาวชนนี้ สามารถดูการแข่งขันของหมอเทวดาหลายคนในครั้งเดียวนั้น จึงเป็นโอกาสที่หาได้อย่างยากลำบาก
นอกจากนี้งานในวันสุดท้ายจะมีการมอบรางวัลอีกด้วย สามารถดูเรื่องราวยิ่งใหญ่ทั้งหมดในวันเดียว แน่นอนว่าคนที่มาก็ต้องมีจำนวนเยอะมาก
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้ลงทะเบียนการแข่งขันประเภทนี้เอาไว้ ดังนั้นนางจึงนอนหลับอยู่ที่จวนอย่างเกียจคร้าน จนกระทั่งงานแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นนางถึงค่อยไป