ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 290 ชั้นที่หก!
ตอนที่ 290 ชั้นที่หก! [รีไรท์]
ถวนจื่อพยักหน้าแรง
ฉู่หลิวเยว่เงียบไป
ที่นี่ก็เป็นชั้นที่สี่แล้วมีเพียงคนที่มีวิชาระดับสี่เท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นไปได้ เมื่อมองไปรอบๆ ทุกอย่างก็ว่างเปล่า ในสำนักทั้งหมด นักเรียนที่มีความสามารถต่อสู้อยู่ในระดับสี่นั้นมีไม่ถึงสิบคน ส่วนคนที่อยู่ในระดับห้านั้น…ไม่มีเลยสักคน!
ฉู่หนิงก็เป็นผู้มีทักษะการต่อสู้ระดับเช่นกัน ผู้ฝึกที่สามารถบรรลุถึงระดับนี้ได้ เบื้องต้นก็ถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเย่าเฉินแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าทักษะระดับห้านี้ คงไม่มีใครสามารถบรรลุได้แน่นอน แต่เรื่องที่ยากจะเข้าใจได้ในตอนนี้ก็คือเหตุถวนจื่อจึงสามารถผ่านรั้วกั้นไปได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้น ที่จริงแล้วสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่กังวลที่สุดในตอนนี้คืออีกเรื่องหนึ่ง…พวกนางขึ้นมาโดยไม่ให้ซุ่มมีเสียงใดๆ แบบนี้จะทำให้ท่านผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นที่คอยเฝ้าอยู่บนหอคอยหรือไม่?
สำหรับสำนักเทียนลู่แล้ว หอคอยจิ่วโยวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าหากมีการก่อเรื่องอันใดแล้วมีคนสังเกตเห็นเข้า ทางฝั่งนางคงไม่รู้จะอธิบายอย่างดืเห็นฉู่หลิวเยว่ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้นแล้วก็เหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นไปต่อด้วย ถวนจื่อจึงหันกลับมาอย่างไม่รีรอ แล้วพุ่งขึ้นไปบนชั้นห้าทันที!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วและมองถวนจื่อบินไปอยู่ข้างหน้ารั้วกั้นชั้นที่ห้าอยู่แบบนั้น
ถึงแม้ว่าจะยังห่างอยู่ระยะหนึ่ง แต่ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่อยู่บนนั้นได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับระดับสี่แล้วก็ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าตั้งเท่าไรหรือว่า รั้วของชั้นที่ห้าจะสามารถขัดขวางถวนจื่อได้?
ถ้าหอคอยจิ่วโยขึ้นไปได้ง่ายถึงเพียงนั้น แบบนั้นจะไม่เกินเหตุเกินไปรึ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกสบายใจขึ้น จากนั้นก็ยืนมองอยู่กับที่อย่างเงียบๆ
แต่ไม่นานความคิดของนางก็ต้องสลายไป
รั้วกั้นอันแข็งแกร่งนั้น ไม่สามารถขัดขวางถวนจื่อได้เลยสักนิด!
มันทะลุผ่านได้อย่าง่ายดาย เหมือนเป็นที่ที่ไม่มีคนอยู่อย่างใดอย่างนั้น
เห็นท่าทางที่ดีใจและส่ายหางใส่ตัวมันเองแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับเงียบไปสักพัก
เหมือนว่านางจะดูถูกเพียงพอนโลหิตที่นางเก็บมา
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่นาน ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกในที่สุดก็ตัดสินใจขึ้นข้างบนไปกับถวนจื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว นางก็อยากจะไปดูเหมือนกันว่าอันใดกันที่ดึงดูดให้ถวนจื่อขึ้นไป!
อันที่จริงแล้วนางยังอยากทำให้อีกเรื่องหนึ่งกระจ่างด้วย
เมื่อก่อนตอนที่นางมายังหอคอยจิ่วโยวครั้งแรก และเปิดประตูเข้ามานั้น สัตว์ร้ายที่แกะสลักอยู่บนประตูใหญ่นั้นเหมือนมันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ อย่างใดอย่างนั้น! และหลังจากที่นางเริ่มฝึกฝนอยู่ที่นี่ ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวแปลกๆ แบบนั้น
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอสูรร้ายตัวไหนถูกขังเอาไว้ในหอคอยจิ่วโยวแห่งนี้ แต่สิ่งที่ฉู่หลิวเยว่มั่นใจก็คือ อสูรร้ายตัวนั้นกำลังสู้กับนางอยู่
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ในใจของนางก็แน่วแน่ และยื่นมือออกมาจากรั้วกั้นนั้น
ถวนจื่อรีบจับมือของนางด้วยความดีใจ และพานางทะลุผ่านกำแพงไปอย่างง่ายดาย!
มองดูถวนจื่อที่กระโดดโลดเต้น และไม่ได้เล่นจนทำให้ร่างกายตัวเองบาดเจ็บ ฉู่หลิวเยว่ก็เม้มริมฝีปากพลางมองขึ้นไปบนฟ้า
ขึ้นไปโดยหมุนรอบบันได จนกระทั่งมาถึงจุดยอดสุด
แต่ทุกชั้นต่างก็มีรั้วกั้นที่เหมือนหมอกเป็นชั้นๆ อยู่มันปิดบังทั้งหมดจนทำให้มองอะไรไม่ชัด
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็มีคำถามที่สงสัยเกิดขึ้นในหัว
ในเมื่อมีเพียงผู้มีทักษะต่อสู้ระดับห้าเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นมาถึงชั้นที่ห้าได้ ถ้าอย่างงั้นชั้นที่อยู่ด้านบนคงจะมีกฏเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป?
ฉะนั้น…มีเพียงผู้มีทักษะต่อสู้ระดับเจ็ดเท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นไปยังชั้นที่เจ็ดได้?
แต่อย่างไรก็ตาม นอกอาณาจักรม่านสวรรค์ไม่มีผู้ฝึกคนไหนที่สามารถทะลุผ่านไปสู่ระดับนี้ได้เลย!
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้าอย่างนั้นชั้นบนสุดของหอคอยจิ่วโยวจะมีความหมายอันใด?
เป็นที่รู้กันว่าทักษะต่อสู้ระดับห้าเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเย่าเฉิน แม้แต่ทักษะต่อสู้ระดับหกก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ!
นั่นก็หมายความว่า ที่หอคอยจิ่วโยวที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนี้ ต่อให้ทุกคนจะสู้หัวชนฝาก็ขึ้นไปได้แค่ห้าชั้นเท่านั้น แล้วใครเป็นคนนำหอคอยจิ่วโยวที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาปล่อยไว้ที่นี่กันแน่?
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่นึกย้อนไปถึงสำนัก ก็จำได้ว่าไป๋เชินเคยตั้งใจแนะนำหอคอยจิ่วโยวเป็นพิเศษ แต่ตอนนั้น เขาบอกเพียงแค่ว่าข้างลองของหอคอยจิ่วโยวนั้นเป็นถ้ำเทียนหยวนฝู ฉะนั้นความเข้มข้นของพลังภายในหอคอยจึงมีมากกว่าโลกภายนอกอยู่มาก
แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่ต้องการเข้าสู้ที่สำนักเทียนลี่ตั้งแต่แรกก็เพราะมาตามหอคอยจิ่วโยวเช่นกัน แต่ตอนนี้นางเพิ่งจะรู้สึกว่าภายในหอคอยจิ่วโยวนั้นซ่อนความลับเอาไว้มากมาย
นางมองไปยังถวนจื่อ “จะไปต่ออีกหรือ?”
…
เมื่อฉู่หลิวเยว่เข้ามาในหอคอยจิ่วโยวและทะลุผ่านยังชั้นที่ห้าแล้ว หรงซิวก็เพิ่งจะกลับมาจากตำหนักหลีอ๋อง และมาถึงลานอี๋เฟิง
เยี่ยนชิงตามติดอยู่ข้างหลัง และรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หรงซิวฟังอย่างรวดเร็ว
หรงซิวนอนลงบนเก้าอี้หวายด้วยสีหน้านิ่งเฉยจนมองความดีใจและความโกรธไม่ออก
“กำหนดเวลาไว้แล้วรึ?”
เยี่ยนชิงโน้วตัวพลางตอบกลับ
“ยังขอรับ ฟังจากที่ท่านรองทัพมู่พูดแล้วคงจะหมายความว่า ยังจะที่นี่ไปอีกสักระยะหนึ่ง อีกอย่างก็เหมือนว่าจะทำการทดสอบคุณหนูหลิวเยว่ด้วย ถ้าผ่านทั้งหมดแล้วจึงจะพาคุณหนูหลิวเยว่ไปยังราชวงศ์เทียนลิ่ง”
หรงซิวยกมุมปากขึ้นแสยะ เหมือนจะยิ้มตาแต่ก็ไม่ยิ้ม
“เขาคงไม่กลับไปตอนนี้แน่นอน”
ที่มู่ชิงเห่อมาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องสำคัญอื่นต้องทำ
“เจ้าบอกว่า ตอนนี้นนางบอกออกมาเองรึว่านางมีชีพจรตี้จิง?”
หรงซิวถามอย่างเฉยชา
เยี่ยนชิงพยักหน้าก่อนจะตอบว่า
“ใช่ขอรับ”
หรงซิวเงียบไปสักพักก่อนจะนำมือประสานกันแล้วทำสายตามีเลศนัย
“ดูแล้วนางคงอยากจะไปจริงๆ สินะ”
เยี่ยนชิงสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของนายตัวเองนั้นผิดปกติ จึงลังเลสักพักก่อนจะเอ่ยปากว่า
“สำหรับแคว้นเย่าเฉินแล้ว คนที่สามารถไปราชวงศ์เทียนลิ่งได้นั้นถือเป็นคนที่โชคดีมาก ถ้าคุณหนูหลิวเยว่จะไปก็สมควรอย่างยิ่ง เพราะถึงอย่างใด คุณหนูหลิวเยว่ก็มีทักษะวิชาต่อสู้ที่โดดเด่น ถ้าอยู่ที่นี่ไปตลอดคงเป็นเรื่องน่าเสียดายนัก”
หรงซิวหลับตาลงเบาๆ
เรื่องพวกนี้พวกเขาต้องรู้อยู่แล้ว แต่…
สิ่งที่เขาสนใจคือเรื่องอย่าอื่น…
จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นมองไปยังทิศของหอคอยจิ่วโยว!
เยี่ยนชิงถึงกับตกใจ
“หลีอ๋อง เกิดอะไรขึ้นรึ?”
หรงซิวขมวดคิ้ว
“มีคนขึ้นไปยังชั้นหกของหอคอยจิ่วโยว!”
เยี่ยนชิงถึงกับตะลึง!
ชั้นที่หกของหอคอยจิ่วโยว นั่นไม่ใช่ผู้ที่มีทักษะต่อสู้ในระดับหกเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปได้หรอกรึ?
อย่าว่าแต่สำนักเทียนลี่นี้เลย ต่อให้เป็นทั้งเมืองก็ไม่มีใครสามารถทำได้
“หลีอ๋อง หรือว่าพวกนั้นคือ…”
เยี่ยนชิงพูดได้ครึ่งหนึ่ง หรงซิวยกมือขึ้นแล้วหรี่ตาลง
“ไม่ใช่”
เขารู้สึกคุ้นชินกับกลิ่นอายนั้นมาก…
นั่นคือนาง!
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป จากนั้นก็รีบไปยังหอคอยจิ่วโยวทันที
เหตุใดนางถึงต้องเข้าไปในหอคอยจิ่วโยวในตอนนี้ด้วย
…
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็มองกลับไปก็ยังคงมีความเหลือเชื่อเหมือนเดิม ว่าตัวเองจะขึ้นมายังชั้นที่หกได้ เมื่อมีถวนจื่อเป็นผู้นำ นางจึงไม่ได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด!
ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเอง ฉู่หลิวเยว่คงไม่กล้าเชื่อว่านางจะขึ้นมายังหอคอยจิ่วโยวได้หลายชั้นด้วยวิธีนี้
นางมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่
ถึงแม้ว่าที่นี่จะแคบกว่าชั้นแรกมาก แต่ความแข็งแกร่งของพลังนั้นหนาแน่นกว่า
ถ้าจะฝึกที่นี่คงต้องใช้พละกำลังเป็นเท่าตัว
แต่ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางคลื่นพลังจิตนั้นมีสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่ทำให้คนก้าวขาไม่ออกเช่นกัน
แต่อยู่ที่นี่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีร่องรอยของอสูรร้ายเลยสักนิด
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะมองขึ้นไปข้างบน
หรือว่า…มันจะขึ้นไปยังข้างบนอีก!