ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 291 เปลวไฟสีดำ!
ตอนที่ 291 เปลวไฟสีดำ! [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังถวนจื่อ
“ถวนจื่อ จะหยุดหรือยัง? นี่มันชั้นที่หกแล้วนะ”
ถ้าขึ้นไปอีกเห็นได้ชัดว่ามีเพียงผู้มีทักษะต่อสู้ระดับเจ็ดเท่านั้นที่จะขึ้นไปได้!
ถวนจื่อกะพริบตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง และดูเหมือนจะสงสัยว่าเหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงถามเช่นนี้
ที่นี่ไม่เห็นมีอันใด แน่นอนว่าต้องขึ้นไปต่ออยู่แล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยปาก
“ได้ ถ้าเจ้าสามารถผ่านไปได้ ข้าก็แล้วแต่เจ้าแล้ว!”
ถวนจื่อสะบัดหางด้วยความดีใจ ก่อนจะหันตัวมุ่งไปยังชั้นที่เจ็ด
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้ามองมัน ก็มีเพียงบันไดเวียนที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
จู่ๆ แววนาของนางก็นิ่งแล้วมองไปที่เท้า
ก็เห็นว่าที่นั่นมีคราบเลือดที่แห้งติดอยู่หนึ่งหยด
เพราะเป็นสีแดงเข้มและอยู่ในตำแหน่งที่เป็นขอบ ฉะนั้นเมื่อครู่นี้ตอนที่นางขึ้นมาจากข้างล่างจึงมองไม่เห็น
ที่นี่คือชั้นที่หก จะมีใครที่มาถึงที่นี่ได้ อีกอย่างยังทิ้งรอยเลือดไว้ด้วย?
นางโน้มตัวลงและมองอย่างตั้งใจ ก่อนจะค่อยๆ ขมวดคิ้ว
จากประสบการณ์ของนางแล้ว เลือดหยดนี้คงจะหยดไปได้ไม่นาน และคงจะหยดภายในเวลาสองวันนี้
คือใครกัน?
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกมา เช็ดบนคราบเลือกนั้นเบาๆ ก่อนจะดูอย่างตั้งใจ
จากนั้นก็มีกลิ่นที่คุ้นเคยตีขึ้นมา
นางถึงกับนิ่งไป
นี่…นี่เหมือนจะเป็น…
นางมองไปรอบๆ เลือดหยดนั้นอีกครั้งแล้ว เมื่อตั้งใจสำรวจไปหนึ่งรอบแล้ว ในที่สุดก็เห็นว่ามีขนสีฟ้าเส้นหนึ่งในจุดที่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น
นางมองเพียงครั้งเดียวก็รู้ทันที ว่านั่นคือขนของเจ้าปีศาจแดง!
ปีศาจแดงเคยมาที่นี่!
ในใจของฉู่หลิวเยว่มีความตกตะลึงเกิดขึ้น จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นปีศาจแดง ตรงล่างปีกของมันก็มีรอยเลือดอยู่ และดูเหมือนว่าจะบาดเจ็บด้วย…ตอนนั้นนางมัวแต่ตกใจที่ปีศาจแดงจำนางได้ ดังนั้นนางจึงไม่ทันได้สนใจเรื่องนี้
ตอนนี้พอนึกดูแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าแปลกจริงๆ
ปีศาจแดงเป็นอสูรร้ายระดับเจ็ด มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่ง อีกฝ่ายที่ทำให้มันบาดเจ็บได้ ดูแล้วอีกฝ่ายไม่ธรรมดาจริงๆ
ที่สำคัญก็คือ ตามความเป็นจริงแล้วแคว้นเย่าเฉินไม่เคยคนที่เป็นเช่นนี้อยู่เลย!
ตอนนี้พอดูแล้ว ปีศาจแดงได้เข้ามาที่หอคอยจิ่วโยว และได้รับบาดเจ็บจากที่นี่
คนที่อยู่ที่นี่นั้น…ฉู่หลิวเยว่อดนึกถึงอสูรร้ายที่โหดเหี้ยมที่สุดไม่ได้
ถวนจื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ตามมา จึงบินลงมาอีก
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กำลังถือขนนกสีฟ้าอยู่ในมือ แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถางอย่างรวดเร็ว
ไร้ประโยชน์ไม่พอแล้วยังบาดเจ็บที่นี่อีก!
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองมัน
“ถวนจื่อ ปีศาจแดงได้รับบาดเจ็บที่นี่ไปแล้ว เจ้ายังจะขึ้นไปต่ออีกรึ?”
แม้แต่ปีศาจแดงยังสู้ไม่ได้ ถวนจื่อกับนางคงเป็นไม่ได้แม้แต่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ถวนจื่อก็ทำหน้ามุ่ยทันที นกตัวนั้นจะสู้มันได้อย่างใด
ฉู่หลิวเยว่เห็นว่ามันดื้อรั้นมาก จึงถอนหายใจก่อนจะพูดอย่างจริงใจว่า
“ถ้าเจ้าโชคไม่ดีขึ้นมา ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้หรอกนะ”
บางทีก็อาจจะกลายเป็นตัวถ่วงก็เป็นได้
ถวนจื่อขึ้นข้างบนไปด้วยความโมโห ก่อนจะโยนขนนกสน้ำเงินนั้นทิ้งไปแล้วกอดแขนของฉู่หลิวเยว่แล้วขึ้นไปทันที แบบนี้ก็แปลว่ามันตัดสินใจแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้จะทำอย่างใดจึงทำได้เพียงพรมแดนไวฑูรยะออกมา และคิดว่าพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันเสมอ
ทั้งคนและอสูรพากันเดินขึ้นไปยังชั้นที่เจ็ดต่อ
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ว่าเหมือนมีของหนักกว่าพันกิโลกรัมทับอยู่บนตัวแล้ว กว่าจะเดินได้แต่ละก้าวนั้นก็รู้สึกว่าหนักเหลือเกิน
ถ้าไม่มีถวนจื่อ นางคงจะไปไม่ได้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาอยู่ข้างหน้ารั้วกั้นชั้นที่เจ็ดแล้ว!
มันไม่เหมือนกับรั้วกั้นชั้นก่อนๆ เพราะที่อยู่ตรงหน้านี้ มันเป็นสีเงินสว่างไสว!
ดูแล้วเปล่งประกายเหมือนทะเลดาวที่เจิดจรัส!
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้มีอารมณ์ที่จะตื่นตาตื่นใจ
นางยืนตัวแข็งอยู่หน้ารั้วกั้น ราวกับว่าระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายนั้นก็แข็งตัวไปหมด มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่ยังคงเต้นแรงอยู่!
นางสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือออกมา แล้วพุ่งไปข้างหน้า
ถวนจื่อนั่งอยู่บนหลังมือของนาง ทำตาโตด้วยความดีใจ และมองแสงสีเงินเปล่งประกายด้วยแววตาที่รอคอย
ฉู่หลิวเยว่มองมือของตัวเองที่ค่อยๆ จมลงไปในรั้วกั้นสีเงินอย่างชัดเจน!
รั้วกั้นสีเงินเปรียบเสมือนสสารบางอย่าง และฉู่หลิวเยว่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงต้านทานอันทรงพลังได้อย่างชัดเจน!
ตอนนี้ นางรู้สึกเหมือนว่ากำลังเอามือจุ่มลงในโคลนอยู่!
ไม่นาน ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเหมือนว่ามีพลังบ้าคลั่งกำลังลากมือของนาง และอยากจะลากนางเข้าไป!
ในใจของนางตกตะลึง เมื่อรู้ตัวจึงรีบดึมมือออกมา!
จากนั้นก็เหมือนว่าแรงนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลืนมือของนางเข้าไปมากขึ้น!
ไม่นาน แสงเหล่านั้นก็กลืนทั้งฝ่ามือของนางเข้าไปแล้ว
ร่างกายของถวนจื่อก็เหลืออยู่ครึ่งตัวที่ไม่ได้เข้าไป
ทันใดนั้น ก็มีเปลวไฟสีดำที่พุ่งออกมาจากรั้วกั้นอย่างกะทันหัน
และจู่ๆ ก็รู้สึกแสบร้อนและปวดขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่กำลังจะถอยหลังทันที
แต่ตอนนั้นนางถูกขังอยู่ในรั้วกั้นแสงสีเงินนั้นกักขังเอาไว้ จนขบตัวไม่ได้ ในสถานการณ์คับขันนี้ เปลวไฟสีดำก็ได้รามมาอยู่รอบๆ ฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะครอบอยู่รอบๆ ตัวนางฉู่หลิวเยว่รีบนำพรมแดนไวฑูรยะทันที
จากนั้นไม่นาน นางก็เห็นว่าพรมแดนไวฑูรยะนั้นไม่ทันได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย
เพราะมือข้างหนึ่งของนางได้เข้าไปอยู่ในรั้วกั้นสีเงินแล้ว พรมแดนไวฑูรยะนั้นไม่สามารถผ่านรั้วกั้นไปได้ จึงไม่สามารถปกป้องนางได้
ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างใด นางจึงทำได้เพียงเก็บพรมแดนไวฑูรยะไว้ แล้วจึงเริ่มคิดหาวิธีอื่น
เปลวไฟที่ร้อนระอุทำให้นางรู้สึกเหมือนโดนเผ่าไปทั้งตัวอย่างใดอย่างนั้น!
นางถึงขั้นรู้สึกได้กลิ่นของอันใดบางอย่างกำลังไหม้ และทันใดนั้นบนตัวของถวนจื่อก็ถูกกลืนเข้าไปในแสงไฟแล้ว!
เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นว่าถูกรั้วกั้นกินมือเข้าไปแล้ว จนมือชาและไร้ความรู้สึกไปแล้ว
ฉะนั้นตอนนี้ นางจึงเสียความรู้สึกที่กำลังสัมผัสถวนจื่อไป
“ถวนจื่อ”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นจะโกน แต่ถวนจื่อกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ
ขณะนั้นเหนือรั้วกั้นทั้งหมด ซึ่งเป็นเปลวไฟสีดำได้ลามออกไปแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนร่างกายกำลังจะตกนรกอย่างใดอย่างนั้น
ขณะที่นางกำลังรีบร้อนอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแสบแก้วหูดังขึ้น!
เคร้ง!
นางตกตะลึงในใจก่อนจะมองไป!
แต่เห็นว่าเปลวไฟสีดำที่อยู่ตรงหน้าได้เจอกับอันใดที่น่ากลัวเข้า จึงค่อยๆ ถอยจากศูนย์กลางไปอยู่รอบๆ
สิ่งที่ปรากฏเหนือรั้วกั้นที่ถูกแยกออก ก็มีรอยร้าวเส้นหนึ่งเกิดขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่น ทันใดนั้นก็เห็นรอยแตกแยกออกกว้างเต็มที่!
เคร้ง!
รั้วกั้นแตกออกอีกครั้ง!
จู่ๆ ก็มีกรงเล็บข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาในฝ่ามือของนาง!
นั่นก็คือถวนจื่อ!
ในใจของฉู่หลิวเยว่โล่งไป
จากนั้นนางก็เห็นถวนจื่อกำลังคว้าเศษรั้วกั้นที่แตกออกแล้ว จากนั้นก็ทุบมันแรงๆ
เคร้ง!
รั้วกันที่เปล่งประกาย เป็นเหมือนน้ำแข็งที่ถูกมันทุบแตก
จู่ๆ ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็มีความรู้สึอันใดบางอย่าง และหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงกัดของบางอย่างดังขึ้นอย่างชัดแจน!
แคว่ก!
แคว่ก แคว่ก!
อึก!
เมื่อมองผ่านรูตรงกลางแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เห็นได้ชัดว่าถวนจื่อกำลังยัดรั้วกั้นคันสุดท้ายเข้าไปในปากของมัน ก่อนจะเคี้ยวและกลืนลงไป