ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 293 หอคอยจิ่วโยวลุกโชน
ตอนที่ 293 หอคอยจิ่วโยวลุกโชน [รีไรท์]
หรงซิวที่กำลังมุ่งหน้าไปยังหอคอยจิ่วโยวเห็นลำแสงนี้แล้วก็ขมวดคิ้วทันที
สุดท้ายก็มาช้าไปก้าวหนึ่ง
นางขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ดแล้ว
เขาเพิ่มความเร็วฝีเท้าแล้วมุ่งหน้าตรงไป
เยี่ยนชิงที่ตามอยู่ข้างหลังเห็นท่าทางนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกตกใจจนไม่กล้าพูดอันใดสักคำ
คุณหนูหลิวเยว่ใจกล้าเกินไปแล้ว ถึงได้กล้าทำให้หอคอยจิ่วโยวเกิดเรื่องใหญ่วุ่นวายเช่นนี้ได้!
ทั้งสองมุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่นานก็เจอกับเหล่านักเรียนที่กำลังแยกย้ายกันกลับ
“หลีอ๋อง”
หญิงสาวหลายคนที่เห็นหรงซิวพากันตกตะลึง
สีหน้าของหรงซิวไม่ได้เปลี่ยน และพยักหน้าด้วยใบหน้าเฉยชา เดินสับเท้ามุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด
“หลีอ๋อง ข้างหน้ามีอันตรายนะเพคะ!”
หญิงสาวหลายคนมองหน้าก่อน ก่อนจะรีบวิ่งมาอยู่ตรงหน้าหรงซิวแล้วรั้งเอาไว้ไม่ให้เขาไป
หรงซิวมองหน้าหญิงสาวเหล่านั้นอย่างเงียบๆ
ทั้งๆ ที่แววตาก็ดูสงบ แต่หญิงสาวเหล่านั้นกลับรู้สึกว่าลมเย็นวาบขึ้นมาจากเท้าแล้วพุ่งตรงมายังสมองทันที!
ความรู้สึกดีใจและตื่นเต้นที่ได้เจอกับหรงซิวหายไปทันที แต่ละคนมองหน้ากันด้วยใบหน้าที่ซีดขาว
หลีอ๋องท่านนี้ มีกลิ่นไอที่ไม่ธรรมดาจริงๆ…
เยี่ยนชิงเอ่ยปากทันที
“ฝ่าบาทมีธุระต้องไปทำ ได้โปรดทุกท่านอย่าได้ถ่วงเวลา”
หญิงสาวเหล่านั้นจึงรู้สึกตัวแล้วรีบหลบทันที
หรงซิวยกเท้าเดินมุ่งหน้าไป โดยไม่ได้เหลือบมองพวกนางเลยสักนิด
แต่ด้วยความที่แม่นางเหล่านั้นสงสัย จึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
“ฝ่าบาท! หอคอยจิ่วโยวทำลังเกิดเรื่องแปลกประหลาด ถ้าท่านไปที่นั่นตอนนี้มันต้องอันตรายมากแน่นอน ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นได้ออกคำสั่งแล้วว่าให้ทุกคนอพยพแยกย้าย ท่านอย่าไปเลย!”
หรงซิวไม่ได้สนใจแล้วยังคงเดินหน้าต่อไป
ในใจของเยี่ยนชิงนั้นไม่รู้จะทำอย่างใดเช่นกัน
คนเหล่านี้มองไม่ออกหรืออย่างใดว่าหลีอ๋องตัดสินใจจะไปที่นั่นให้ได้?
มาขวางแล้วถ่วงเวลาหลีอ๋องแบบนี้ต่างหาก ถึงจะเป็นเรื่องที่อันตรายต่อพวกนาง!
เยี่ยนชิงหันกลับมาพลางกวาดสายตามองพวกนาง
“ฝ่าบาทจัดการทุกอย่างเองได้”
สีหน้าของหญิงสาวเหล่านั้นก็เจื่อนและไม่กล้าพูดอะไรอีก
จากนั้นก็มีนักเรียนสลายตัวจากทางนั้นเรื่อยๆ
ทุกคนต่างพากันหนีห่างจากหอคอยจิ่วโยว มีแต่หรงซิวที่สวนทางขึ้นไป
หลายคนเห็นเขาก็พากันตกใจไปหมด
หลีอ๋องที่ร่างกายอ่อนแอท่านนี้เหตุใดถึงมาเอาตอนนี้?
อีกอย่างพอดูแล้วก็เหมือนว่าไม่เหมือนเมื่อก่อนด้วย…
คนส่วนหนึ่งอดใจที่จะไม่เตือนไม่ได้ แต่ก็ถูกเยี่ยนชิงกันเอาไว้ทั้งหมด
ในที่สุดหรงซิวก็มีถึงหน้าหอคอยจิ่วโยว
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นที่กำลังมองหอคอยจิ่วโยวด้วยความร้อนรนใจ เมื่อหันกลับไปก็เห็นหรงซิวกำลังเดินมา
เขาขมวดคิ้วแน่น
“หรงซิวเจ้ามาทำอันใดที่นี้? ตอนนี้นักเรียนทุกคนอพยพแยกย้ายกลับไปกันหมดแล้ว ผู้อาวุโสและอาจารย์เท่านั้นที่จะสามารถอยู่ที่นี่ได้ เจ้ารีบกลับไปซะ…”
“ยังมีคนอยู่ข้างในอยู่”
หรงซิวรีบพูดตัดบททันที
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นนิ่งไป กำลังจะเอ่ยปากถามว่าใจแต่ก็นึกขึ้นได้เสียก่อน
ใช่แล้ว
ยังเหลือฉู่หลิวเยว่อยู่
เขาเกือบจะลืมนางไปแล้ว
จำได้ว่าตอนที่นางมาตอนเย็น เขายังแสดงความยินดีกับนางอยู่เลย
เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว ในบรรดาเด็กนักเรียนที่วิ่งออกมานั้นไม่มีฉู่หลิวเยว่อยู่จริงๆ
นางยังอยู่ข้างในอยู่
“เหตุใดถึงเป็นแบบนั้นได้? หอคอยจิ่วโยวผิดแปลกไปแบบนี้ นักเรียนคนอื่นๆ ก็ถูกไล่ตะเพิดออกมาหมดแล้ว เหตุใดถึงเหลือฉู่หลิวเยว่ไว้แค่คนเดียวล่ะ?”
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่คือคนที่คว้าที่หนึ่งจากงานสมาคมเยาวชนได้ถึงสองรางวัลเชียวนะ
ถือเป็นอัจฉริยะที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดในสำนักของพวกเขา
ถ้าเกิดอันใดขึ้นกับนาง เขาจะรับผิดชอบไหวได้อย่างใด
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมองไปยังหอคอยจิ่วโยว
“ข้าจะเข้าไปพานางออกมาเอง!”
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นกัดฟันแล้วรีบพุ่งเข้าไปข้างในทันที
ทันใดนั้นประตูใหญ่ของหอคอยจิ่วโยวกลับมีเสียงปิดแรงๆ ดัง ‘ตึง!’
ขวางผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นให้อยู่ข้างนอก
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นเบิกตาโต
“นี่ นี่…”
หวังว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ถูกขังไว้ในหอคอยจิ่วโยวนะ!
เขาลองเปิดประตู แต่ประตูกลับไม่ขยับเลยสักนิด
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นจึงรู้สึกได้ว่าสถานการณ์นั้นดูเหมือนจะรุนแรงกว่าที่เขาคิด!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
ขณะที่เขากำลังมองอย่างร้อนรนใจ ในที่สุดซุนจ้งเหยียนก็มาถึง
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นรีบเล่าเรื่องราวให้เขาฟังทันที
“…ขณะที่หอคอยจิ่วโยวกกำลังเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้มีสัญญาณอันใดเลยสักอย่าง! ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ตอนนี้ประตูก็เปิดไม่ออกแล้ว!”
ซุนจ้งเหยียนขมวดคิ้วพลางถาม
“ตอนนี้ยังมีคนอยู่ข้างในอีกหรือไม่?”
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นกลืนน้ำลายด้วยความลำบากใจ
“ฉู่หลิวเยว่ยังคงอยู่ข้างในอยู่”
“พูดอันใดนะ!”
ซุนจ้งเหยียนถึงกับอึ้ง และขมวดคิ้วรีบมองไปยังหอคอยจิ่วโยวทันที!
จากนั้นเจาก็นำมือมาวางทับกันข้างหน้า ลำแสงแต่ละลำมาซ้อนทับกัน จนปรากฏค่ายกลขึ้นมา!
ในขณะเดียวกันรอบๆ หอคอยจิ่วโยวก็มีประกายระยิบระยับปรากฏขึ้น
นั่นเป็นการจัดวางค่ายกลบนหอคอยจิ่วโยว!
ซุนจ้งเหยียนมองค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าอย่างเข้าใจ
“ไม่ใช่สิ…ในหอคอยจิ่วโยวไม่เห็นจะมีร่องรอยของนางเลย…”
ค่ายกลนี้เชื่อมโยงกันกับหอคอยจิ่วโยว ต่อให้ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ก็สามารถเห็นอันใดบางอย่างจากค่ายกลนี้ได้เช่นกัน
ซุนจ้งเหยียนดูไปสักพัก ก็ไม่เห็นร่องรอยของฉู่หลิวเยว่
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นสงสัย
“เป็นไปไม่ได้! นางเพิ่งจะเข้าไปเมื่อเย็นนี้แท้ๆ อีกอย่างเมื่อครู่นี้นักเรียนคนอื่นๆ ก็ออกมากันหมดแล้ว มีแค่นางเท่านั้นที่ยังไม่ออกมา นางต้องอยู่ข้างในแน่นอน!”
ซุนจ้งเหยียนเกิดความสงสัย และตรวจสอบค่ายกลดูอีกครั้งยังคงส่ายหน้าเหมือนเดิม
“ก็ยังไม่มีอยู่ดี”
ทุกคนพากันมองหน้ากันและต่างก็เงียบลง
เรื่องนี้มันแปลกเกินไปแล้ว
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นร้อนรนใจจนอยู่ไม่สุข
“หาไม่เจอได้อย่างใด? นางอยู่ข้างในนั้นแท้ๆ”
จู่ๆ หรงซิวที่อยู่อีกฝั่งก็เอ่ยปากขึ้น
“ท่านผู้อาวุโสซุน ค่ายกลของท่านสามารถดูได้ถึงชั้นที่เท่าใดรึ?”
ซุนจ้งเหยียนนิ่งไป เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ตอบกลับว่า
“ชั้นที่ห้า! ค่ายกลนี้อยู่คู่หอคอยจิ่วโยวมาเนิ่นนาน ดูได้ถึงเพียงชั้นที่ห้ามาโดยตลอด…ต่างๆ ความหมายของเจ้าก็คือ…”
ซุนจ้งเหยียนมีความคิดเลยเถิดผุดขึ้นมาในหัว!
หรือฉู่หลิวเยว่ไม่ได้อยู่ต่ำกว่าชั้นที่ห้า?
“เป็นไปไม่ได้!”
ซุนจ้งเหยียนโพล่งออกมา
“สำนักเทียนลู่ไม่เคยมีใครขึ้นไปเกินกว่าชั้นที่ห้าเลยสักครั้ง! นางจะ…”
พูดไปได้ครึ่งเดียวเสียงของเขาก็หยุดชะงักทันที
นอกจากเหตุผลนี้ก็หาคำตอบอื่นไม่เจออีกแล้ว
อีกอย่าง…หอคอยจิ่วโยวก็เปลี่ยนไปแล้ว ดูเหมือนจะผิดปกติไปมากด้วย!
ทุกคนเงียบไปทันที
จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากฝูงชน
“ดูนั่นเร็ว ประตูนั้น…”
ทักคนพากันมองไปก่อนจะทำหน้าตกใจ
จู่ๆ ก็เห็นรูปแกะสลักบนประตูหอคอยจิ่วโยวขยับเคลื่อนไหว
แค่พริบตาเดียว ก็กลายเป็นเปลวไฟสีดำและเผาไหม้ในทันที
“เหตุใดเป็นเช่นนั้น…”
ซุนจ้งเหยียนเบิกตาโตและอุทานอย่างเหลือเชื่อ
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เปลวไฟนั้นก็ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว
ในสถานการณ์ที่วิกฤตเช่นนี้ ชั้นหนึ่งของหอคอยจิ่วโยวก็ถูกเปลวไฟครอบไปหมดในทันที!
อ๊าก!
จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากหอคอยจิ่วโยว
เสียงดังสะท้านฟ้า!