ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 306 ไล่ตาม
ตอนที่ 306 ไล่ตาม [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่นิ่งไป
“เจ้าคือ…อินทรีสามตารึ?”
อสูรศักดิ์สิทธิ์เกิดในทะเลทรายทางตอนเหนือ มีความสามารถที่แกร่งกล้ามาก
ทั้งสองภพชาตินี้นางไม่เคยเห็นอสูรร้ายตัวเป็นๆ มาก่อน นางรู้จักอินทรีสามตาก็เพราะนางเคยเห็นในตำนานของลึกลับของราชวงศ์เทียนลิ่งมาผ่านๆ
นางนึกไม่ถึงเลยสักนิดว่าตัวเองจะได้เจอกับอสูรศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ ถึงแม้จะเป็นเพียงวิญญาณแต่พลังทำให้คนรู้สึกขวัญผวาได้
มันคือหัวหน้านกอินทรีสามตา
ต่อมา เหมือนว่ามันจะกังวลกลัวฉู่หลิวเยว่ไม่เชื่อ มันจึงหลับตาลง
หลักจากที่นิ่งเงียบไปสักพัก จู่ๆ ตำแหน่งกลางดวงตาของมันก็มีร่องแนวตั้งเกิดขึ้น
ไม่มีรูม่านตาในร่องแนวตั้งมีเพียงลูกตาสีแดงกลม
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“ตาดวงที่สามของอินทรีสามตานั้นไม่ใช่ตาสีขาวหรอกหรือ? เหตุใดถึงเป็นสีแดงเช่นนี้เล่า?”
ครั้งนี้ถึงคราวอินทรีสามตาสงสัยแล้ว
“เจ้าเคยเห็นข้าด้วยรึ?”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บรรพบุรุษของข้าเคยเห็น”
อินทรีสามตามองฉู่หลิวเยว่ด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปาก
“เมื่อก่อนดวงตาของข้านั้นเป็นสีขาวเงินก็จริง แต่การสู้รบเมื่อพันปีที่แล้ว ถูกพังทลายไปสิ่งเป็นเพราะเหตุการณ์นั้น ข้าถึงได้ถูกขังอยู่ที่นี่มาถึงพันปี!”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
“เป็นแบบนี้นี่เอง” สร้างหอคอยจิ่วโยวขึ้นมาเพื่อสิ่งที่กดทับอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้เอง
เมื่อก่อนตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่ามีถ้ำเทียนหยวนฝูที่เอาไว้กดอสูรร้ายอยู่ข้างล่างนี้นั้น ก็ตกตะลึงสุดๆ
แต่เมื่อเป็นอินทรีสามตา ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้ว นอกจากการมีอยู่ของระดับนี้แล้ว สัตว์อสูรตัวอื่นๆ คงไม่สามารถอยู่รอดในถ้ำเทียนหยวนฝูได้นานถึงพันปีแบบนี้
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ
“ที่จริงแล้ว หม้อยาเทียนฟังนี้ต่างหาก ที่นำมาใช้เพื่อเป็นสิ่งกดขี่เจ้าเอาไว้?”
แสงที่เฉียบคมผ่านดวงตาของอินทรีสามตา
ฉู่หลิวเยว่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
หลังจากเผชิญหน้ากันในระยะเวลาสั้นๆ แล้ว ในที่สุดอินทรีสามตาก็เอ่ยปาก
“ลืมไปเลยว่าตอนนี้หม้อยาเทียนฟังได้เข้าไปอยู่ในร่างกายของเจ้าแล้ว…” พูดอีกอย่างก็คือมันยอมรับฉู่หลิวเยว่เป็นนายของมันแล้ว และทุกสิ่งเกี่ยวกับมันนั้น ฉู่หลิวเยว่รู้ดีที่สุด
“ใช่”
ถึงแม้ว่าจะมีข้อห้ามอยู่ข้างบนหอคอยจิ่วโยว แต่ที่จริงแล้วก็ไม่สามารถใช้มาข่มขู่มันได้ และต่อให้มีค่ายกลผนึกสวรรค์อยู่ ก็ไม่สามารถขังมันไว้ได้จริง
ถ้ามีเพียงหอคอยจิ่วโยวอย่างเดียว มันคงเป็นอิสระตั้งนานแล้ว
น่าเสียดายที่มีหม้อยาเทียนฟังด้วย
สิ่งนั้นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มันถูกขังเป็นเวลาพันปี
ฉู่หลิวเยว่มองไปรอบก็ไม่เห็นโครงกระดูกอื่นๆ
“แล้ว…โครงกระดูกของเจ้า”
“เปลวไฟในหม้อยาเทียนฟังได้เผาเป็นเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว”
อินทรีสามตาพูดอย่างเฉยชา
ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“ในเมื่อสิ่งของนี้เก่งกาจขนาดนี้ เหตุใดวิญญาณของเจ้าที่ถูกแผดเผามานานถึงเพียงนี้แล้วยังไม่สลายไปอีกเล่า?”
สิ้นเสียงฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกได้ว่า จู่ๆ ในดวงตาของอินทรีสามตานั้นก็มีแววตาอันเครียดแค้นเกิดขึ้น!
“ตั้งใจ นี่เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจทำ”
เสียงของมันแหลมชัดขึ้น ฉู่หลิวเยว่ฟังแล้วรู้สึกแสบแก้วหู
เขา?
เขาคนนั้นคือใครกัน
คนที่ขังอินทรีสามตาเอาไว้ที่นี่ตั้งแต่แรก
“แล้วความตั้งใจเขาคืออันใด?” ฉู่หลิวเยว่ถามออกไปทันที
คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะชวนให้นึกถึงอดีตอันเจ็บปวดของอินทรีสามตาที่ไม่สามารถมองย้อนกลับไปได้ มันกรีดร้องอย่างน่ากลัวด้วยความแค้น และความเศร้าโศกที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“เขาขังข้าไว้ในหอคอยจิ่วโยว จากนั้นก็เผาข้าด้วยเปลวไฟของหม้อยาเทียนฟังใบนี้ หล่อเลี้ยงข้าด้วยพลังของถ้ำเทียนหยวนฝู ให้ข้าทุกข์ทรมานกับความเป็นความตาย ผ่านไปหลายภพชาติ เขาทำให้ข้าไม่ได้ไปเกิดใหม่” ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย
เป็นแบบนี้นี่เอง…เรื่องเป็นเช่นนี้นี่เอง
เพราะแบบนี้ถึงทำให้อินทรีสามตาต้องทุกข์ทนกับบทลงโทษที่น่ากลัวในแต่ละวัน แถมยังทำให้มันไม่สามารถหลุดพ้นออกไปได้อีกด้วย ถ้าตายไปก็สิ้นเรื่องแล้ว แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความรู้สึกที่เหมือนตายทั้งเป็นนี้ต่างหาก
ไม่รู้ว่าคนคนนั้นมีบ่วงกรรมบาดหมางอันใดกับอินทรีสามตากันแน่
แต่เมื่อดูจากการลงมือเช่นนี้แล้ว ช่างเป็นวิธีที่โหดเหี้ยมเหลือเกิน
ฉู่หลิวเยว่เริ่มนึกถึงตำนานต่างๆ ที่เกี่ยวกับสำนักเทียนลู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อนึกดูแล้วกลับเห็นว่า นางไม่ค่อยรู้จักกับผู้สร้างสำนักเทียนลู่หรือหัวหน้าสำนักชุดแรกสักเท่าใดนัก
นางไม่รู้จักแต่ชื่อของเขาคนนั้นด้วยซ้ำ ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แค่นางเท่านั้น เพราะดูแล้วคนอื่นๆ ก็ไม่ได้คุ้นเคยเหมือนกัน
สำนักเทียนลู่เป็นสถานที่พิเศษในแคว้นเย่าเฉิน ทุกคนต่างรู้กันว่าที่นี่คือสำนักศึกษาชั้นนำชองผู้ฝึกหัด แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องราวเหตุการณ์แรกๆ ของสำนักเทียนลู่
“ฉะนั้น…เจ้าใช้เวลาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ในการพยายามที่จะออกมาเชียวหรือ?” ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปากถามเบาๆ
อินทรีสามตาถึงกับหัวเราะเยาะ
“ใช่แล้ว เขาคิดว่าเขาฉลาด เขาพบจุดสมดุลระหว่างคนทั้งสอง และเขาสามารถทำให้ข้าต้องทนทุกข์ตลอดไป แต่เขากลับคิดไม่ได้ว่าหากน้ำหยดลงหินทุกวันแล้วหินมันจะกร่อน!”
เวลาพันปีนี้ช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน แม้แต่ตัวมันเองก็ไม่รู้ว่าผ่านแต่ละวันมาได้อย่างใด ช่วงแรกที่ถูกกดขี่เอาไว้ มันทุกข์ทรมานมากจนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่สำหรับมันแล้ว ตายไปก็ยังดีกว่า
ต่อมา มันก็สังเกตว่าตัวเองสามารถกลืนกินพลังจากถ้ำเทียนหยวนฝูได้ ข้างในนั้นมีสิ่งดุร้าย และความซับซ้อนต่างๆ อยู่ สำหรับสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไปนั้น มันคงระเบิดและตายไปแล้ว
แต่มันเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ อีกอย่างเปลวไฟในหม้อยาเทียนฟังที่กำลังลุกโชน และทดสอบมันอยู่เสมอ พอนานวันเข้า มันก็สามารถหายใจสูดพลังเข้าไปโดยไม่ส่งเสียงใดๆ และค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ในที่สุดก็สามารถทำได้
ค่ายกลผนึกสวรรค์นั้นมันเคยเห็นตั้งแต่พันปีก่อน และตั้งแต่แรกแล้วว่าจะสลายมันออกได้อย่างใด
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็เอ่ยปากถาม
“แล้วเหตุใดตอนแรกที่ข้าเข้ามาในหอคอยจิ่วโยวนี้ เจ้าถึงได้ต่อต้านข้า?”
อินทรีสามตาเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
“เพราะ…ในร่างกายของเจ้า มีพลังที่แข็งแกร่งมาก และข้าอยากจะได้พลังส่วนนั้นมา จึงได้ลงมือเช่นนั้นกับเจ้า” ฉู่หลิวเยว่หรี่ตา
นั้นของคำพูดนี้หมายความว่า…หยดน้ำนั้นในจุดตันเถียนของนาง
“เจ้าไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ใช่หรือ? มิเช่นนั้นเจ้าไม่มีทางขึ้นไปยังชั้นที่เจ็ดได้แน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองถวนจื่อ
นางไม่เหมือนกับคนทั่วไป ถวนจื่อกับอสูรร้ายก็ไม่เหมือนกัน
“ตอนนี้ ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้าของหม้อยาเทียนฟังแล้ว ฉะนั้นข้าจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีกแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ออกความเห็นใดๆ
“ตอนนี้คนที่อยู่ข้างนอกทุกคนก็ระมัดระวังกันมากขึ้น พวกผู้อาวุโสและอาจารย์ของสำนักนั้น อยากจะทำการเริ่มกดขี่ข่มเหงใหม่ ถ้าข้าปล่อยเจ้าออกไป แล้วข้าจะรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ได้อย่างใดเล่า?”
อินทรีสามตาเงียบไป
“อีกอย่าง ตอนนี้เจ้าก็ยังเป็นวิญญาณอยู่ ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป เจ้าจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนเชียว? ไม่มีพลังจากถ้ำเทียนหยวนฝู เจ้าจะอยู่รอดได้นานแค่ไหนเชียว?” ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างเฉยชา
มีร่องรอยพลังอาฆาตในสายตาของอินทรีสามตา ผ่านไปอยู่นาน จู่ๆ มันก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังฉู่หลิวเยว่
“ขอเพียงแค่เจ้ารับปากว่าจะดับเปลวไฟในหม้อยาเทียนฟัง ข้ายอมที่จะเป็นผู้ติดตามเจ้า!”