ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 308 ได้รับบาดเจ็บ
ตอนที่ 308 ได้รับบาดเจ็บ [รีไรท์]
นางหันหลังและกำลังจะเดินจากไป
“ถวนจื่อ ปีศาจแดง เราไปกันเถอะ”
หม้อยาเทียนฟังกลายเป็นของนางไปแล้ว อินทรีสามตาก็อยู่ในกำมือของนางแล้ว และหอคอยจิ่วโยวคงอยู่อย่างว่างเปล่าต่อไปไม่ได้แล้ว
ตึง!
ตูม!
แกร่ก!
ก้อนอิฐเริ่มหล่นลงมามากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหล่นลงบนพื้น
จากนั้นควันและฝุ่นก็อบอวลขึ้นทันที ฉู่หลิวเยว่รีบพุ่งไปอยู่ตรงบันไดชั้นที่เจ็ดอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็คิดจะลงไปด้านล่าง จู่ๆ สังเกตเห็นว่า รั้วกั้นที่ถวนจื่อกัดกินไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันกลับมาเป็นเหมือนตอนแรกแล้ว อีกอย่างก็เหมือนว่าข้างนอกของรั้วกั้นจะมีลูกกรงอีกชั้นหนึ่งด้วย
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
นี่มัน…ทันใดนั้นลูกกรงด้านนอกก็หายไปโดยไม่มีเสียงใดๆ ก่อนจะมีร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้น มีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาในใจของฉู่หลิวเยว่หรือว่า…
จากนั้นคนที่อยู่ตรงข้ามก็ยื่นมือออกมา ก่อนจะจิ้มไปที่รั้วกั้นเบาๆ ตรงกลางของรั้วกั้นค่อยๆ แตกออกอย่างไร้เสียง แล้วใบหน้าที่ทั้งเย็นชาและมีเสน่ห์ก็ปรากฏตรงหน้าทันที
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปาก
“หรงซิว เจ้ามาทำอันใดที่นี้!”
แววตาของหรงซิวดูลึกซึ้ง ก่อนจะใช้แรงมือดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
ตูม!
ทันใดนั้นก็มีซากผนังพังลงมาและตรงกับตำแหน่งที่ฉู่หลิวเยว่กำลังยืนอยู่พอดี
ฉู่หลิวเยว่ซบอยู่ในอ้อมอกของหรงซิว ก่อนจะหันกลับไปมอง
ชั้นเจ็ดที่เดิมทีแล้วว่างเปล่าก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมาแล้วบนพื้นก็เต็มไปด้วยซากหินกองเต็มไปหมด
นางถอนหายใจเบาๆ ถึงแม้ว่านางจะสามารถหลบหลีกอันตรายได้ แต่เมื่ออยู่หรงซิวอยู่ตรงนี้ นางก็รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้น
นางจำได้ว่าตอนที่ตัวเองเข้ามานั้น หรงซิวไม่ได้อยู่ที่นี่
นั่นก็หมายความว่าเขาเข้ามาหลังนาง
“เจ้ามาหลังจากที่หอคอยจิ่วโยวเกิดความเปลี่ยนแปลงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปากถามเสียงเบา
“ใช่” ก่อนจะกอดนางแน่นขึ้นกว่าเดิม
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองเขา
“ท่านผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นไม่ได้ห้ามเจ้าเอาไว้หรือ?”
ในฐานะที่เป็นคนเฝ้าหอคอยจิ่วโยวนั้น ท่านผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นต้องรู้อยู่แล้วว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับหอคอยจิ่วโยว
ตามหลักแล้ว เขาไม่มีทางให้หรงซิวเข้ามาแน่นอน
หรงซิวมองท่าทางที่ดูกังวลพร้อมกับแววตาที่สดใสของนางแล้วก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ต้องห้ามแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็ห้ามข้าไม่ได้อยู่ดี เจ้าเป็นห่วงมากเลยหรือ?”
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว
ตอนนี้หอคอยจิ่วโยวอันตรายมาก และหรงซิวก็ดื้อรั้นเข้ามาแบบนี้ ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นต้องไม่เข้าใจเขาแน่นอน
ก่อนหน้านี้เขาหลบซ่อนตัวมาโดยตลอด ถ้าหากว่าต้องเผยอันใดออกมาเพราะสิ่งนี้…
“ไม่ต้องเป็นห่วง”
หรงซิวพยักหน้าแล้วก่อนจะจูบเบาๆ
สัมผัสที่อบอุ่น และนุ่มนวลทำให้หัวใจของฉู่หลิวเยว่ว่างเปล่าไปชั่วขณะ
จากนั้นก็มีเสียงคลุมเครือดังออกจากริมฝีปากของหรงซิว
“เจ้าร่วมมือแสดงละครกับข้าก็พอแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่นิ่งไป
“อันใดหรือ?”
หรงซิวหัวเราะเบาๆ พลางมองไปยังท่าทางที่สับสนของนาง กลับรู้สึกว่าไม่อาจละสายตาจากนางได้ น่าเสียดายที่อีกไม่นานหอคอยจิ่วโยวก็จะพังทลายลงแล้ว ถ้าไม่อย่างงั้นพวกเขาก็ยังสามารถอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยได้
ถึงแม้ว่าจะพยายามครุ่นคิดว่าอีกเดี๋ยวก็ต้องไปเจอกับคนเหล่านั้นแล้ว เขาจึงไม่อยากทำอันใดเกินเลย แต่เมื่อครู่นี้นั้นเขาทนไม่ไหวจริงๆ จึงจูบริมฝีปากของนางจนแดงเล็กน้อย
เขาจับใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ และค่อยๆ เช็ดฝุ่นออกจากใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน
“เป็นฉากละครที่ดีจริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
จากนั้น จู่ๆ หรงซิวก็ปล่อยนางออก ก่อนจะเดินไปอีกฝั่งแล้วเก็บก้อนหินขึ้นมาหนึ่งก้อน และจู่ๆ ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็มีความสงสัยและแปลกใจเกิดขึ้น
แคว่ก!
หรงซิวใช้ปลายแหลมของหินก้อนนั้นกรีดไปที่แขนของเขาแรงๆ ด้วยสีหน้าที่เฉยชา
เสื้อที่ขาวเหมือนหิมะของเขาฉีกออกทันที แล้วแผลที่ลึกจนเห็นกระดูกก็ปรากฏบนแขน เลือดสีแดงสดพุ่งออกมา ก่อนจะก็ย้อมเสื้อของเขาให้เป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
“หรงซิว!”
ฉู่หลิวเยว่รีบเดินเข้าไป ก่อนจะคว้าข้อมือของเขาพลางเอ่ยปากถามอย่างกระวนกระวาย
“เจ้าทำบ้าอันใดของเจ้า?”
หรงซิวยักคิ้ว จากนั้นก็ขยับเข้าใกล้ข้างหูนางก่อนจะกระซิบเสียงเบาข้างหู
“เราเสียสละชีวิตเพื่อรักษาซึ่งกันและกัน ข้าไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน จึงทำได้เพียงตอบแทนด้วยเลือดเนื้อของข้าเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เบิกตาโต
“เจ้า…”
หรงซิวเจ้าคิดจะทำ…
แคว่ก!
หรงซิวกรีดหินลงบนมืออีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเป็นห่วงจึงจับมือของเขาเอาไว้
“หรงซิว อย่าทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้เลย! มีวิธีอื่นตั้งมากมายลองคิดหาสักวิธีเถิด เจ้าไม่จำเป็นต้อง…”
“แต่ผลตอบแทนต่างก็ไม่เท่ากับการทำแบบนี้ทั้งนั้น”
หรงซิวยิ้มอ่อน
“แบบนั้นมันยุ่งยากเกินไป แถมยังได้ผลไม่ดีเท่าแบบนี้อีกด้วย อีกอย่าง…ข้าก็ไม่อยากจะรอแล้ว”
ในเมื่อไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ และไม่มีวิธีไหนที่สามารถทำให้พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่นอีกแล้ว
โอกาสนั้นคว้าได้แต่เป็นสิ่งที่ขอมิได้ บาดเจ็บแค่นี้จะเทียบอันใดได้?
ในใจของฉู่หลิวอึ้งทึ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้ทำไป จู่ๆ ก็รู้สึกคัดจมูกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หรงซิวจูบไปที่ดวงตาของนาง
“ถ้าไม่อยากมองก็อย่ามองเลย เดี๋ยวข้าออกไปเอง”
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับส่ายหน้า
“ไม่ ข้าไม่ได้ไม่อยากมอง ข้าแค่…”
นางชะงักไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเบา
“ข้าทำใจทนเห็นเจ้าบาดเจ็บไม่ได้”
ถึงแม้เสียงจะเบาแต่กลับเป็นน้ำเสียงที่หนักแน่นมาก
หรงซิวนิ่งไป ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม
“ได้ยินคำนี้ของเจ้าแล้ว ต่อให้ร่างกายของข้าจะต้องเจ็บเพียงใด ข้าก็ยอม”
พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง แล้วกรีดหินลงบนตัวอีกครั้ง
โครม!
หอคอยจิ่วโยวถล่มรุนแรงกว่าเดิม!
หรงซิวดึงฉู่หลิวเยว่เข้ามาในอ้อมกอด แล้วซากหินก็พากันตกลงมา
ฉู่หลิวเยว่ซบพิงอกหรงซิวไว้แน่น นางถูกอ้อมกอดของเขาปกป้องเอาไว้ทั้งตัว จนมองเห็นอันใด
แต่ว่านางกลับได้ยินเสียงก้อนหินที่ค่อยๆ หล่นลงมารอบได้อย่างชัดเจน และยังมี…ก้อนหินบางส่วนที่ตกลงมากระทบบนตัวของหรงซิวจนเกิดเสียงดัง…ครั้งแล้วครั้งเล่า
ในใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกสิ่งใดบางอย่างกระแทกเข้าอย่างแรงจนทำให้นางหายใจไม่ออก
นางลืมตาขึ้น แล้วทุกอย่างก็มืดไปหมด
หรงซิว…หรงซิว!
ทั้งๆ ที่เขามีอภิสิทธิ์พิเศษ ทั้งๆ ที่เขาสามารถทุจริตเพื่อเข้ารับราชการได้ ทั้งๆ ที่เขาสามารถ…เขาเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบ
จากความสามารถของเขาแล้ว ถ้าอยากจะหาเหตุผลที่น่าเชื่อถือจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าอันใดเสียอีก แต่เขากลับเลือกจะใช้วิธี ‘โง่เง่า’ แบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะหาข้ออ้างสักสองสามข้อออกมาพูด แต่ฉู่หลิวเยว่ก็รู้อยู่แก่ใจว่านั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ
ทุกคนต่างก็รู้ว่า หลังจากที่หอคอยจิ่วโยวเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วจะเหลือแค่นางเพียงคนเดียว
ในสถานการณ์แบบนี้ หรงซิวกลับเลือกที่จะเข้ามา ไม่ว่าใครก็สามารถเดาได้ว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่อสิ่งใด ถ้าเรื่องนี้ถูกคนรู้เรื่องเข้า นางคงถูกตราหน้าแน่นอน
แต่ถ้านาง ‘ช่วยชีวิต’ หรงซิวเอาไว้ ถ้าอย่างงั้นก็จะไม่มีใครพูดอันใดได้อีก
ฉะนั้นหรงซิวต้องได้รับบาดเจ็บอีกอย่างก็ต้องให้นางเป็นคนพาออกไปด้วย แล้วกลิ่นคาวเลือดก็ฟุ้งเต็มลมหายใจทันที
ฉู่หลิวเยว่บ่นพึมพำ
“หรงซิว ถ้าเจ้าไม่เข้ามาก็คงจะดี ถ้า…” ถ้าหากเขาไม่ได้ชอบนาง
หรงซิวกอดนางไว้แน่น
“ไม่มีคำว่าถ้า”