ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 311 ถามกลับ
ตอนที่ 311 ถามกลับ [รีไรท์]
จักรพรรดินีเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน แต่กลับเป็นคำพูดที่โพล่งออกมาจากปากของงูพิษที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อฉู่หลิวเยว่และหรงเซียวเท่าใดนัก
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ในสายตาของทุกคนนั้นหรงเซียวคงจะกลายเป็นคนที่หลงใหลผู้หญิงจนสามารถทำทุกอย่างให้ได้ แต่ฉู่หลิวเยว่ก็จะถูกเรียกว่าเป็น ‘นารีต้นเหตุ’
ถึงจักรพรรดิจยาเหวินรักหรงเซียวมาก แต่ก็ไม่สามารถนำเรื่องใหญ่ไปมอบหมายให้กับคนแบบนี้ได้ และคนในแวดวงศ์กษัตริย์คงไม่เห็นด้วยแน่นอน
ส่วนฉู่หลิวเยว่นั้น…ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตระกูลจักรพรรดิก็เห็นผู้หญิงแบบนี้เป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมดุร้ายเหมือนงู และแมงป่องที่ควรหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว
ทันทีที่เพิ่งจะสิ้นเสียงของนาง สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินก็นิ่ง
เมื่อครู่นี้สถาการณ์เคร่งเครียดเกินไป เขาจึงไม่ทันได้นึกถึงเรื่องนี้
ตอนนี้พอจักรพรรดินีพูดขึ้น เขาจึงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“หรงเซียว หลิวเยว่ ที่จักรพรรดินีพูดนั้นเป็นเรื่องจริง?” เขาสำรวจทั้งสองด้วยความสงสัย
เมื่อตั้งใจคิดดูแล้ว ทั้งสองคนนี้เดินออกมาพร้อมกัน หรงเซียวเข้าไปเพราะฉู่หลิวเยว่จริงๆ หรือ? เป็นเพราะสรรพคุณยาเม็ดของเยี่ยจือถิง ตอนนั้นสีหน้าของหรงเซียวดีขึ้นบ้างแล้ว
ปากซีดๆ ของเขาค่อยๆ ขยับ ก่อนจะมีรอยยิ้มจางๆ เผยออกมา
“เสด็จพ่อ เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ลูกเข้าไปเพราะเหตุผลอื่น เพียงแต่ว่าระหว่างนั้นเจอกับฉู่หลิวเยว่เข้าพอดีจึงออกมาพร้อมกัน”
จักรพรรดินียิ้มหยัน แต่บนใบหน้ากลับไม่แสดงออกและพูดอย่างอ่อนโยน
“งั้นหรือ? งั้นก็แสดงว่าเป็นแค่การบังเอิญ? แต่เหตุใดบาดแผลบนตัวของหลีอ๋อง…ถึงสาหัสถึงเพียงนั้น? กลับกันนั้นแม่นางฉู่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอันใดเลย…ถ้าคนที่ไม่รู้ก็คงจะคิดว่าหลีอ๋องช่วยนางจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น”
พูดจบนางก็เหลือบมองไปยังจักรพรรดิจยาเหวินก่อนจะเอ่ยปากว่า
“โชคดีที่หลีอ๋องได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์เบื้องบน มิเช่นนั้น ถ้าเป็นเรื่องจริงว่า…มิรู้ว่าฝ่าบาทจะเสียใจแค่ไหน ท่านคิดเหมือนกันหรือไม่หรือเพคะฝ่าบาท?”
จักรพรรดิจจยาเหวินเหลือบมองผ่านร่างของฉู่หลิวเยว่ด้วยแววตาที่กำลังตรวจสอบอย่างละเอียด สิ่งที่จักรพรรดินีพูดก็ไม่ได้ไม่มีเหตุผล
ใครเห็นสถานการณ์ของคนสองคนนี้ก็คงจะรู้สึกแปลกๆ เช่นกัน
“จะว่าไป หลีอ๋องและแม่นางฉู่ก็เป็นพรหมลิขิตกันจริงๆ ในวันเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของหลีอ๋องก็ดูเหมือนว่าหลีอ๋องจะให้การดูแลกับแม่นางฉู่เป็นพิเศษด้วย”
จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้ว
ใช่แล้ว…เขาก็จำเรื่องนี้ได้เช่นกัน
ถึงจะเป็นเรื่องเล็ก แต่เมื่อนำกลับมาคิดในตอนนี้กลับเป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน
เสียงของจักรพรรดินีแผ่วเบาแล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา
“ฝ่าบาทอย่าสนใจเลย น้องก็แค่พูดไปแบบนั้น หลีอ๋องไม่ได้อยู่ในวังหลวงมาหลายปีแล้ว และน่าจะไม่คุ้นเคยกับนางแม่ฉู่มาก่อน นี่เป็นเพียงการคาดเดาที่ไร้เหตุผล นอกจากนี้ถ้าหลีอ๋องชอบแม่นางฉู่จริงๆ ก็เป็นเรื่องราวดีๆ เหมือนกัน”
แต่สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินกลับไม่ได้มีความดีใจเลยสักนิด
หรงเซียวยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยน
“เสด็จพ่อ ที่จริงแล้ววันนี้ข้ายังต้องขอบใจแม่นางฉู่มากๆ ด้วย ถ้านางไม่เข้ามาช่วยข้าไว้ได้ทัน เกรงว่าลูกคงจะต้องตายอยู่ในหอคอยจิ่วโยวแล้วจริงๆ”
สีหน้าของุทกคนก็นิ่งไปทันที
จักรพรรดิจยาเหวินจึงอดที่จะไม่ถามไม่ได้
“เจ้าว่า…ฉู่หลิวเยว่ช่วยเจ้า?”
“ใช่แล้ว ตอนนั้น…แค่กๆ”
หรงเซียวกำฝ่ามือ รองปากเอาไว้ขณะไอ
“ตอนที่หอคอยจิ่วโยวเริ่มถล่มลงมา ลูกถูกขังไว้บนชั้นที่หก บาดแผลบนตัวก็เกิดขึ้นในตอนนั้นเช่นกัน ตอนนั้นชั้นที่หกถูกก้อนหินตกลงมา และบังเอาไว้แล้ว ไม่ว่าลูกจะหาวิธีอย่างใดก็ไม่สามารถออกไปได้ และทันใดนั้นก็เจอกับแม่นางฉู่พอดี…นางช่วยลูก และพาลูกออกมาโดยไม่สนอันตรายใดๆ ลูกถึงกลับมาเห็นท้องฟ้าเห็นแสงตะวันได้อีกครั้ง ถ้าไม่อย่างงั้น…”
หรงเซียวไม่ได้พูดต่อ แต่ในคำพูดนั้นกลับอธิบายความหมายอย่างชัดเจนแล้ว
ท่าทางของจักรพรรดิจยาเหวินก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาก
“ดูแบบนี้แล้ว เจ้าไม่ได้บาดเจ็บเพราะนาง แต่กลับกันนั้นเป็นเพราะนางช่วยเจ้าสินะ?”
หรงเซียวพยักหน้า
“เสด็จพ่อเข้าใจถูกแล้ว”
จักรพรรดิจยาเหวินโล่งใจ และสายตาที่มองไปยังฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้เหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว
“เป็นแบบนี้นี่เอง หลิวเยว่ ดูแล้วครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้ามาก หรงเซียวไม่ได้อยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าร่างกายของเขาจะกลับมาดีขึ้น จึงได้กลับมาอยู่ในวังหลวง ถ้าเกิดเรื่องอันใดขึ้น…ข้าคงไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างใด…”
เสียงของเขาชะงักไปพร้อมมีสีหน้าความเสียใจเกิดขึ้น
จักรพรรดินีก้มหน้าลงเพื่อปิดบังแววตาที่เกลียดชังเอาไว้
จากนั้นนางก็ยิ้มออกมาเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
“เป็นแบบนี้นี่เอง ข้าคงจะเข้าใจผิดไปแล้วจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางฉู่จะมีร่างกายที่ผอมบาง แต่กลับช่วยหลีอ๋องออกมาจากอันตรายขนาดนั้นได้ช่างเยี่ยมยอดจริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่ยักคิ้ว
ดูแล้วจักรพรรดินีคนนี้คงจะยังไม่ตายใจหรงเซียวได้อธิบายขนาดนี้แล้ว นางก็ยังคิดที่จะลากนางลงไปในน้ำอยู่อีก แต่น่าเสียดายที่การลงมือเล็กๆ น้อยๆ ของนางไม่ได้มีผลอันใด
หรงเซียวยิ้มอ่อน
“ในขณะเดียวกันแม่นางฉู่ก็ได้รับที่หนึ่งในด้านการต่อสู้ และการเป็นปรมาจารย์จากงานสมาคมเยาวชนอีกด้วย ส่วนข้านั้นรักษาตัวมาหลายปี ไม่สามารถเทียบกับนางในด้านนี้ได้”
จักรพรรดินีนิ่งไป
นางลืมเรื่องนี้ไปเลยจริงๆ!
ถึงแม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะดูบอบบาง แต่นางก็มีความสามารถอยู่ดี
ฉู่หลิวเยว่โค้งคำนับอย่างถ่อมตน
“จักรพรรดินีพูดชมเกินไปแล้ว หลิวเยว่มีความสามารถเพียงน้อยนิดถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในสายตาของท่าน แต่ก็เป็นเรื่องดีที่สามารถช่วยชีวิตหลีอ๋องไว้ได้”
จักรพรรดินีเงียบไปทันที
ถ้าความสามารถของฉู่หลิวเยว่เป็นสิ่งที่น้อยนิด ถ้าอย่างงั้นคนที่พ่ายแพ้ให้นางในงานสมาคมเยาวชนจะนับอันใดได้
“อันใดนะ? เจ้าบื้อ เจ้าคว้าที่หนึ่งจากงานสมาคมเยาวชนมาได้หรือ!”
เยี่ยจือถิงที่อยู่อีกฝั่งเอ่ยปากด้วยสีหน้าตกตะลึง
หลังจากที่เขาออกจากการนั่งสมาธิแล้วก็เอาแต่คิดเรื่องที่จะจัดการเรื่องหอคอยจิ่วโยวจรไม่ทันได้สนใจเรื่องอื่น
ซุนจ้งเหยียนถึงกับหัวเราะ
“ท่านอาจารย์ลุง ข้าเกือบลืมไปแล้วจึงยังไม่ได้บอกท่านเรื่องนี้ว่าหลิวเยว่คว้าที่หนึ่งมาได้ถึงสองรางวัล!”
เยี่ยจือถิงเบิกตาโต นิ่งอยู่นานกว่าจะเรียกสติกลับมาได้
“แล้วด้านแพทย์ล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดบอกความจริง
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันในด้านนี้”
“หา?”
เยี่ยจือถิงรู้สึกผิดหวังไปชั่วขณะ
ถึงแม้ว่าจะรู้ระดับความสามารถของฉู่หลิวเยว่ และไม่ได้เห็นการแข่งขันด้านการแพทย์อยู่ในสายตาตั้งแต่แรก แต่ว่า…ไม่ว่าอย่างใดนางก็เป็นลูกศิษย์ของเขาคนนี้
นางคว้าที่หนึ่งมาได้ทั้งสองรางวัล แต่กลับไม่มีความเกี่ยวข้องกับด้านการแพทย์เลยสักนิด…ถ้าจะบอกว่าไม่เสียดายก็คงเป็นเรื่องโกหก
ซุนจ้งเหยียนกลั้นขำก่อนจะเอ่ยปาก
“ท่านอาจารย์ลุง ถึงแม้ว่าหลิวเยว่จะไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน แต่ยาเม็ดที่ได้ที่หนึ่งนั้นก็เกิดจากฝีมือของฉู่หลิวเยว่!”
เยี่ยจือถิงทำหน้างุนงง
ซุนจ้งเหยียนจึงอธิบายเรื่องราวคร่าวๆ ให้เขาฟัง
“ฉะนั้น ถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้ว ก็ถือว่าหลิวเยว่ได้รับที่หนึ่งทั้งสามรางวัลเช่นกัน!”
ซุนจ้งเหยียนพูดตะโกนพลางเหน็บแนมถึงจักรพรรดินีไปด้วย
“อีกอย่างตอนนี้ หลิวเยว่ก็ยังถูกรับเลือก และถูกสนใจโดยรองแม่ทัพมู่จากราชวงศ์เทียนลิ่งอีกด้วย!”
จักรพรรดินีร้อนรนใจทันที
คนที่เข้าตามู่ชิงเห่อกลับไม่เข้าตานาง แบบนี้จะไม่ให้นางไม่พอใจได้อย่างใด
“ข้าไม่ได้…”
จักรพรรดินีรู้สึกร้อนรนใจ และอยากจะกล่าวอธิบายสักหน่อย แต่กลับเห็นว่าในสถานการณ์แบบนี้ ถ้ายังเข้าไปพัวพันกับปัญหานี้ต่อก็คงจะเป็นอันตรายกับนางแน่นอน
นางครุ่นคิดแล้วจู่ๆ ก็เหมือนจะคิดอันใดบางอย่างออกจึงถามกลับไปว่า
“ใช่แล้ว ในหอคอยจิ่วโยวนั้นเหมือนจะมีรั้วกั้นอยู่ทุกชั้น หลีอ๋องร่างกายอ่อนแอแบบนั้น จะสามารถขึ้นไปถึงชั้นที่หกได้อย่างใดกัน”