ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 32 คลื่นลมค่อยๆ ก่อตัว
เมื่อฉู่หลิวเยว่พูดจบ นางก็เลิกผ้าม่านรถม้าแล้วกลับเข้าไปกับฉู่หนิงทันที
หรงซิวอึ้งไปชั่วขณะ แล้วค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก จนในที่สุดเขาก็หัวเราะออกมาเสียงทุ้มต่ำ
นางเป็นคนแรกที่บอกว่าเขาขี้เหนียว
เยี่ยนชิงรออยู่ข้างนอกรถม้าด้วยความนอบน้อม เมื่อได้ยินเสียงหัวเราที่หายากยิ่งของเจ้านายตนเอง เขาก็อดตกใจไม่ได้
…นี่มันอะไรกันเนี่ย
แม้เจ้านายจะดูเป็นคนอ่อนโยน แต่ความเป็นจริงนั้นยากที่แยกออกว่าตอนไหนดีใจหรือโกรธเกรี้ยว น้อยนักที่จะหัวเราะเช่นนี้ ท่านผู้นั้นเมื่อครู่นี้…ทำอะไรกับเจ้านายเขากันแน่
หรือว่าเจ้านายของเขาจะมีใจให้คุณหนูตระกูลฉู่ผู้นั้นจริงๆ
“กลับจวน”
น้ำเสียงของหรงซิวดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เยี่ยนชิงรีบขึ้นด้านหน้าเพื่อบังคับรถม้า
แม้จวนหลีอ๋องกับตระกูลฉู่จะไม่ห่างไกลกันมากนัก แต่ก็ใช้เวลาตั้งเกือบครึ่งชั่วยามกว่าจะกลับมาถึงจอน
หรงซิวกลับเข้าไปยังที่พักของตนเอง รอครู่ใหญ่ๆ ก็มีองครักษ์ข้างกายนามว่าอวี๋มั่วรีบรุดมาด้านหน้าแล้วทำความเคารพ
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ จัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวพยักหน้า เดินเข้าไปใกล้โต๊ะแล้ววางของสิ่งหนึ่งบนนั้น
อวี๋มั่วเหลือบมองมันแวบหนึ่งด้วยสายตาตกตะลึง…นั่นเป็นเพียงถ้วยชาใบหนึ่งง!
รูปทรงงดงาม แกะสลักลายวิจิตรงดงาม และด้านนอกก็เคลือบด้วยทองคำจางๆ
นี่มันของใช้ในวังชัดๆ
จากนั้นชั่ววินาทีต่อมา อวี๋มั่วก็เห็นว่าถ้วยน้ำชากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ!
พริบตาเดียวก็กลายเป็นผุยผง!
อวี๋มั่วใจกระตุกวูบ ไม่กล้าถามอะไรอีก จึงทำได้เพียงส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนชิงที่อยู่อีกด้าน
เจ้านายไม่ค่อยบันดาลโทสะเยี่ยงนี้ นี่มัน…อะไรกัน
แต่ดูเหมือนท่าทางของเจ้านายจะไม่ได้โกรธเกรี้ยวแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือน…อารมณ์ดีมากกว่า ใช่หรือเปล่านะ
เยี่ยนชิงเลิกคิ้วและหรี่ตาลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แล้วเขาต้องพูดอย่างไร
ให้พูดว่าเป็นเพราะคุณหนูตระกูลฉู่คนนั้นน่ะหรือ
หรงซิวถอดเสื้อคลุมออกจากร่าง
คราวนี้อวี๋มั่วจึงเห็นว่ามีรอยเลือดสีแดงที่มือของเขา อวี๋มั่วจึงเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
“องค์ชาย พระองค์ทรงบาดเจ็บหรือพ่ะย่ะค่ะ!”
พระองค์เสด็จไปงานเลี้ยงวันเกิดองค์ชายรัชทายาทมิใช่หรือ เหตุใดจึงบาดเจ็บกลับมาได้
หรงซิวก้มหน้ามองก็เห็นว่ามีรอยเลือดเปื้อนมือของตนเองจริงๆ ด้วย
นี่คือ…เลือดที่เปื้อมมือนาง
สงสัยคงเช็ดไม่เอี่ยม
ก็จริง ใบหน้าของนางมีแต่เลือด ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวจะเช็ดให้สะอาดได้เช่นไร
แววตาของหรงซิวเย็นชาเล็กน้อย
“ช่วงนี้หรงเจินทำอะไรบ้าง”
อวี๋มั่วคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้ เขานิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ
“ดูเหมือนช่วงนี้องค์หญิงสี่กำลังต้องการเปลี่ยนสัญญากับสัตว์อสูร เพราะพระนางชอบล่าสัตว์มากพ่ะย่ะค่ะ”
น่าสนใจจริงๆ
หรงซิวครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาเคาะนิ้วเรียวยาวบนโต๊ะสองครั้งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
“เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางสนุกไปเถอะ”
น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง แต่อวี๋มั่วกลับได้ยินถึงความอาฆาตเล็กน้อย!
“พ่ะย่ะค่ะ!”
อวี๋มั่วอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ
เขาได้ยินมาว่าองค์หญิงสี่มีนิสัยโมโหร้าย ทำอะไรไม่มีขื่อมีแป
ด้วยนิสัยของเจ้านายที่เป็นเช่นนี้ก็ขี้เกียจจะใส่ใจ แต่ก็ไม่รู้ว่านางไปทำอะไรให้ เจ้านายของเขาถึงได้เป็นฝ่ายอาฆาต
“องค์ชาย ตอนนี้พระองค์ทรงอยากอาบน้ำเข้าบรรทมหรือไม่”
หรงซิวคลึงปลายนิ้วเบา ๆ ราวกับว่ายังมีสัมผัสที่อบอุ่นนุ่มนวลคงอยู่
“อืม ถ่ายทอดคำสั่งออกไป บอกว่าวันนี้ข้าได้รับกระแสลมเย็น ต้องการนอนรักษาตัวเงียบๆ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนชิงตอบรับแล้วถอยออกไปทันที
เมื่อเขาเดินไปถึงประตู หรงซิวก็เอ่ยขึ้นอีกหนึ่งประโยค
“ถ้าหากนางมา ต้องรีบมารายงานข้าทันที”
แม้ว่าจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว แค่เยี่ยนชิงก็ยังตกตะลึงอยู่ดีจนแทบควบคุมสีหน้าตนเองไม่อยู่
“ด้วยเกล้าฯ พ่ะย่ะค่ะ”
อวี๋มั่วก็รู้ตัวว่าต้องถอยออกไปเช่นกัน หลังจากก้าวพ้นประตูแล้วเขาจึงรีบตามเยี่ยนชิงออกไปทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น คนที่เจ้านายพูดถึงเมื่อครู่นี้คือผู้ใด”
เยี่ยนชิงหงุดหงิดใจเพราะอวี๋มั่วเอาแต่ถามเซ้าซี้ จนสุดท้ายเขาก็ตอบกลับไป
“รอนางมาถึงเมื่อไหร่ เจ้าก็จะรู้เองแหละ!”
อวี๋มั่วมีสีหน้ามึนงง
ตกลงคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
…
ค่ำคืนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมีมากกว่านั้นมาก
สำหรับใครบางคน ค่ำคืนนี้อาจเป็นค่ำคืนอันแสนหวาน
แต่สำหรับคนอื่นๆ มันไม่ได้สวยงามเอาเสียเลย
หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ผู้อาวุโสและคนอื่นๆ ก็รีบกลับไปที่ตระกูลฉู่
เป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืนแล้ว ฉู่เซียนหมิ่นไม่กลับเรือนตนเองเพื่อไปพักผ่อนสักที แต่กลับถูกผู้อาวุโสสอบปากคำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ประตูและหน้าต่างของห้องถูกปิดอย่างแน่นหนา ผู้อาวุโสนั่งอยู่ด้านบน ฉู่เยี่ยนและลู่เหยานั่งด้านล่างโดยมีฉู่เซียนหมิ่นยืนอยู่ตรงกลาง
สายตาของทุกคนดั่งมีดคมกริบที่บาดลึกเข้าไปในร่างของฉู่เซียนหมิ่น
“วันนี้ที่ฉู่หลิวเยว่พูด…จริงหรือไม่”
ผู้อาวุโสถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ฉู่เซียนหมิ่นทั้งโกรธทั้งอับอาย
“แน่นอนว่าไม่จริง! ข้าจะทำ…ข้าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ เป็นเพราะนังแพศยาคนนั้นมันใส่ร้ายป้ายสีข้า!”
สีหน้าของฉู่เยี่ยนเงียบขรึมมาตลอดทาง มาถึงตอนนี้ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวตบโต๊ะอย่างแรง
“เจ้ายังโกหกอีกหรือ! หากเจ้าไม่ได้พูด แล้วฉู่หลิวเยว่จะรู้ได้อย่างไรว่ารัชทายาทต้องจุดกำยานก่อนนอนฮะ!”
เรื่องพรรค์นี้ หากไม่ใช่คนสนิทแนบแน่นก็ไม่มีทางรู้เด็ดขาด!
ฉู่เซียนหมิ่นตกใจจนหัวหด ทันใดนั้นนางก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“นั่น…นั่นเพราะว่า…ข้าเปล่านะ! ข้าไม่มีอะไรจริงๆ ข้า…ตอนไปเยี่ยมองค์รัชทายาทครั้งหนึ่ง ข้าก็แค่บังเอิญได้กลิ่นหอมนั้นตอนที่พระองค์พักผ่อน…”
เมื่อเห็นสีหน้าของนาง ทุกคนต่างเคยชินกับลูกไม้ตื้นๆ หมดแล้ว ทำไมจะไม่รู้ทัน
แม้ว่าทั้งสองคนจะยังไปไม่ถึงขั้นตอนสุดท้าย พวกเขาอาจทำเกินกฎเกณฑ์และทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
ฉู่เยี่ยนหลับตาลง
“เจ้าก็น่าจะรู้ เรื่องอาจลือไปทั่วเมืองหลวง ชื่อเสียงของเจ้าพังยับเยินหมดแล้ว! ที่สำคัญวันนี้เจ้าพูดจาหยาบคายต่อหน้าฝ่าบาทอย่างกับผู้หญิงชั้นต่ำ เช่นนี้แล้ว เจ้าคิดว่าองค์ชายรัชทายาทยังจะเลือกเจ้าเป็นพระชายาอีกหรือ!”
ฉู่เซียนหมิ่นพูดไม่ออกทันที
ทันใดนั้นลู่เหยาที่อยู่ข้างกันนั้นก็โพล่งขึ้นมา
“ในเมื่อปิดข่าวไม่ทัน ก็ไม่ต้องปิดมันแล้ว”
คนอื่นๆ ก็มองหน้านางด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
แววตาลู่เหยาวูบไหว
“ตอนนี้แก้ตัวเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้ไหลไปตามน้ำก็แล้วกัน ถ้าทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นคนของรัชทายาทแล้ว เขาคงไม่ทิ้งเจ้าหรอก”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกเสียใจ
“แต่ว่า…ถ้าเป็นเช่นนั้น เกรงว่าตำแหน่งพระชายาเอกคง…”
“เจ้าแต่งเข้าตำหนักรัชทายาท ไม่ช้าก็เร็วตำแหน่งพระชายาเอกก็เป็นของเจ้า ยังมีสิ่งอื่นใดสำคัญอีก”
ดูเหมือนลู่เหยาจะไม่ใส่ใจมากนัก
“ตอนนี้โอกาสเดียวของเข้าก็คือต้องเป็นผู้แข็งแกร่ง! หากเจ้ามีพลังความสามารถแข็งแกร่งพอก็จะปิดปากทุกคนให้เงียบสนิทได้เองนั่นแหละ! ใกล้จะถึงวันสอบของสำนักแล้ว เจ้าต้องสอบให้ได้ที่หนึ่งเท่านั้น เข้าใจไหม”
ฉู่เซียนหมิ่นกัดริมฝีปาก
นี่เป็นเพียงวิธีเดียวของนางแล้วล่ะ
“เข้าใจแล้ว”
…
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่กลับมาอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านแล้วถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย
ขณะที่นางกำลังจัดแจงเสื้อผ้า จู่ๆ ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นก็หล่นลงมา
นางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ผ้าเช็ดหน้าซึ่งแต่เดิมสะอาดและขาวเหมือนหิมะ แต่ตอนนี้กลับเปื้อนเลือดและดูน่าสยดสยองเล็กน้อย
เมื่อนึกถึงคำพูดของหรงซิว นางก็สบถเสียงเบา แล้วตักน้ำขึ้นมาใหม่อีกครั้งเพื่อซักผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ให้สะอาดหมดจด
พรุ่งนี้เอาไปคืนเขาเพื่อชำระหนี้บุญคุณ!
Next